บทที่ 202 ทะลายภูเขา
ที่ด้านบนยอดเขา
นักรบดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ก็กลายเป็นซัด ในขณะที่เซี่ยกุยผุดขึ้นมาจากดินและมองหยางมู่อย่างเย็นชา ” เจ้ากล้าดียังไงถึงฆ่าเขา ? ”
” แล้วเจ้าจะทำไม ! ” หยางมู่หัวเราะและ กระโดดลงมาจากมังกรสองหัว ลงมายืนอยู่ข้างๆฉื่อหยาน และยิ้มให้” ฉื่อหยานเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? ”
” ข้าไม่เป็นอะไร ” ฉื่อหยานส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
” ขั้นที่สามรึ ! ” หยางมู่ ก็แปลกใจ เมื่อสายตาของเขาจ้องไปที่หน้าอกของฉื่อหยาน
เขาก็เห็นว่าบาดแผลบนหน้าอกของฉื่อหยานกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา
” อื้ม ” ฉื่อหยานพยักหน้า
“ระดับหายนะ ? ” หยางมู่ไม่ได้มองเซี่ยกุยเลยเขาเอาแต่พึมพำกับตัวเองว่า ” นี่มันไม่สมเหตุผลเลยสักนิด .“
เพราะเขาเองก็มีจิตวิญญานอมตะ หยางมู่จึงรู้จักมันดี โดยทั่วไป คนๆหนึ่งจะมีจิตวิญญานอมตะในขั้นที่สามได้อย่างน้อยต้องมีระดับปฐพี
ฉื่อหยานนั้นเป็นเพียงนักรบระดับหายนะ แต่กลับมีจิตวิญญานอมตะในขั้นที่สาม ซึ่งนี่ค่อนข้างที่จะผิดปกติ
” ถูกต้องแล้ว ข้านั้นอยู่ในนภาที่สองของระดับหายนะ ” ฉื่อหยานพยักหน้าอีกครั้ง
หยางมู่ก็แสดงออกด้วยความประหลาดใจมากขึ้นในสายตาของเขา
นักรบเหล่านั้นจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์รวมทั้งเซี่ยกุย และเหอซิงเหมิน ดูไม่ค่อยสบายใจนักหลังจากที่หยางมู่ โผล่มา
เฉินอี๋ตาน จ้องมองไปที่หน้าอกของฉื่อหยาน แล้วแสดงออกมาอย่างขมขื่นเล็กน้อย เมื่อมองไปที่หน้าอกของฉื่อหยาน นางก็พบว่าเขานั้นได้รับสืบทอดจิตวิญญานอมตะมา นางจึงได้รู้ว่าที่ผ่านมานางคิดผิดทั้งหมด เพราะฉื่อหยานนั้นเป็นทายาทโดยแท้ของตระกูลหยาง
ฉือยู่ป๋าย นั้นถูกฆ่าตายโดยหยางมู่ แต่นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์กลับไม่กล้าทำอะไรถึงแม้พวกเขาจะโกรธก็ตาม
” เจ้าฆ่าคนของเรา ข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านหัวหน้าตระกูล เรานั้นไม่ได้เป็นรองเจ้า ! ” เซี่ยกุยดูมืดมน เขาเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา ” ในช่วงเวลาเช่นนี้ เจ้ากลับฆ่าพันธมิตรของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราแล้วสินะ”
” หึ ! ” หยางมู่แสยะยิ้มและส่ายหัวของเขา ” เชิญเจ้าไปบอกหัวหน้าตระกูลเลย แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ? เจ้านั้นไม่ใช่ผู้ปกครองดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ ถ้าเจ้าปล่อยให้อสูรพวกนั้นรอดไปหละ เจ้าก็ลองคิดในมุมของพวกมันให้ดีๆ แล้วมาดูกันว่าดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ของเจ้าจะเป็นเช่นไร ? ”
สีหน้าของเซี่ยกุย ก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
อสูรได้เข้ายังทะเลเคียร่า แม้ว่าพวกมันจะเกลียดตระกูลหยางมากที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะสั่นครอนตระกูลหยาง
ในทางตรงกันข้าม ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์และตระกูลเซี่ยนั้น จะต้องตกเป็นเป้าหมายของพวกอสูรแน่นอน เพราะพวกเขานั้นอ่อนแอ
ถึงแม้ว่าดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ และตระกูลเซี่ยจะไม่ได้ไปบุกรุกดินแดนอสูร แต่พลังจากที่พวกเขาสร้างปัญหาให้พวกมัน ก็ไม่ง่ายเลยที่พวกมันจะปล่อยไป
หยางมู่ยิ้มแล้วเม็ดยาสีเขียวออกมา และยื่นให้ฉื่อหยาน ” ตอนนี้เจ้าเป็นไงบ้าง ? ”
ฉื่อหยาน หยิบยามา และกลืนมันลงไปทันที ในทันทีเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในท้องของเขา
ยาออกฤทธิ์อย่างอ่อนโยนบนหน้าอกของเขา
เม็ดยานี้จะช่วยเร่งฟื้นฟูบาดแผลด้วยพลังของมันทำให้บาดแผลถูกรักษาอย่างรวดเร็ว
“มีอสูรอยู่หลายสิบตัวที่อยู่บนเกาะศิลาดำ อีกทั้งมันยังมีตนนึงมีระดับการบ่มเพาะในนภาที่สองของระดับรู้แจ้ง เราเข้าไปในเหมืองหิน และได้พบกับอสูรตนนั้น . . . . . . . ” ฉื่อหยานก็ อธิบายสั้น ๆ
” อสูนในนภาที่สองของระดับรู้แจ้ง ? ” หยางมู่ ก็แปลกใจเล็กน้อย เขาพยักหน้า และสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ” ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายสะแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าอสูรระดับรู้แจ้งจะมาปรากฏตัวขึ้นบนเกาะเล็กๆแห่งนี้ พวกมันช่างกล้ายิ่งนัก . ”
” ซิงเหมิน หมายความว่าเจ้าได้เจอกับอสูรระดับรู้แจ้งสินะ ? ” เซี่ยกุยก็หันไปถามเหอซิงเหมิน ด้วยสีหน้าบึ้ง
เหอซิงเหมิน พยักหน้าช้าๆ แล้วอธิบายด้วยเสียงเบาๆ ” เขามีสมบัติบางอย่างที่สามารถตรวจจับอสูรได้ . เขาเป็นคนแรกที่พบอสูรตนนั้นในถ้ำ เขาเตือนเราแล้ว แต่เรากลับไม่สิใจ มันจึงทำให้ พี่สาวหนาน พี่สาวหนาน . . . . . . . ”
เหอซิงเหมิน เสียงสั่นอีกครั้ง
” เจ้าเป็นคนแรกที่สัมพัสได้ถึงอสูรตนนั้นสินะ ” หยางมู่ได้ยินดีมาก เขาชายตามองไปที่ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ
หลังจากเห็นฉื่อหยานพยักหน้า หยางมู่หัวเราะและชื่นชม ” เจ้านี่สุดยอดจริงๆ ฮ่า ฮ่า มิน่าหล่ะท่านปู่ถึงบอกข้าว่าเจ้านั้นวิเศษเป็นอย่างมาก และตอนนี้ข้าก็มาที่นี่เพราะท่านปู่ของเราส่งข้าให้มารับเจ้ากลับไป
ฉื่อหยานตาก็เป็นประกาย ” นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือของสมบัติต่างหาก .
ท่านปู่ที่พูดถึงก็คือ หัวหน้าตระกูลหยาง หยางชิงตี้
เหอซิงเหมิน ไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมาแต่อย่างใด แต่เซี่ยกุย และ เฉินอี๋ตาน กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฉินอี๋ตาน นางรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้เอะใจว่า ฉื่อหยาน เป็นบุคคสำคัญ
ใครก็ตามที่หยางชิงตี้สนใจ แปลว่าคนๆนั้นต้องบางสิ่งบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ และอาจเป็นยอดฝีมือในทะเลไม่มีสิ้นสุด ถ้านางรู้มาก่อน ก็คงเชื่อฟังฉื่อหยาน และหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับอสูรที่อยู่ในนั้น .
” เสี่ยวหยาน ไปกันเถอะ หลังจากฆ่าอสูรแล้วเราจะกลับเกาะอมตะกันทันที เจ้าได้ห่างบ้านไปไกล ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะได้กลับบ้าน ” หยางมู่ เป่าปาก แล้ว มังกรสองหัวก็ลงมาทียอดเขา
หยางมู่ คุยกับมังกรสองหัว แล้วโบกมือให้ฉื่อหยาน ” ไปกันเถอะ ”
ถึงแม้ว่าจะสับสน แต่ฉื่อหยานก็ขึ้นขี่มังกรสองหัว และสังเกตมังกรสองหัวด้วยแววตาที่เป็นประกาย
มังกรสองหัวมีขนาดยาวเจ็ดเมตรหัวทั้งสองนั้นต่างก็มีพลังของเปลวเพลิงและน้ำแข็ง เกล็ดด้านหลังของมังกรเองก็แข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก และเล็บของมันก็แหลมคมเป็นอย่างมาก
มังกรสองหัวนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับหก และสามารถพ่นน้ำแข็งและไฟได้ มันเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยาง
ก่อนที่ฉื่อหยานจะมา ทะเลกว้างใหญ่แห่งนี้ เสี่ยวฮานยี่ ได้บอกเขาว่าเขาเองก็อาจจะได้รับมังกรสองหัว ถ้าเขาได้รับการยอมรับจากหัวหน้าตระกูล ฉื่อหยาน จำมันได้ดี ดังนั้นเมื่อเขาเห็นมังกรสองหัวตัวเป็นๆ เขาจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
” ฮ่าๆ หยุดมองมันได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าก็มีสัตว์อสูรพาหนะของเจ้าเองแล้ว ” หยางมู่ หัวเราะ ” ท่านปู่นั้นได้เลือกอสูรดุร้ายให้กับเจ้า เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้านั้นจะสามารถควบคุมมันได้หรือไม่ ”
” ไม่ใช่มังกรสองหัวหลอกรึ ” ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ
” ไม่ใช่แน่นอน มันน่ากลัวกว่ามังกรสองหัวเสียอีก หึหึ ท่านปู่นั้นต้องการทดสอบเจ้ากับสัตว์อสูรนี่เป็นอย่างมาก เสี่ยวหยาน เตรียมพร้อม และอย่าได้หวาดกลัว .
” ไม่ใช่ มังกรสองหัว แล้วมันคืออะไรหรือ ?? ”
” ข้าไม่บอกเจ้าหลอก ข้าจะให้เจ้าได้รู้ด้วยตัวเอง”
พวกเขาพูดคุยกันขณะที่นั่งอยู่บนมังกรสองหัว ในขณะที่เซี่ยกุย เหอซิงเหมิน และอื่น ๆต่างจ้องมองไปด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
” มี อสูณระดับรู้แจ้งอยู่ในถ้ำนั่นจริงๆรึ ? ” เซี่ยกุยก็ถามเฉินอี๋ตาน .
” แน่นอน ” เฉินอี๋ตาน พยักหน้า ” มิเช่นนั้นพี่สาวหนานจะถูกฆ่าได้อย่างไร ”
เซี่ยกุยพยักหน้าเล็กน้อย และพูดเยาะเย้ย ” ข้าจะคอยดูว่า หยางมู่มันจะฆ่าอสูรนั่นได้จริงๆรึป่าว !
” ใช่ ” เหอซิงเหมิน นั้นสับสนเป็นอย่างมาก ” หยางมู่นั้นอยู่เพียงนภาที่สามของระดับปฐพี เขาต้องไม่สามารถชนะอสูรที่อยู่ในระดับรู้แจ้งได้แน่นอน ”
” ไปกันเถอะ ! ” หยางมู่ก็หัวเราะออกมาและกระตุ้นไปที่มังกรสองหัวและบินไปยังเหมืองที่ฉื่อหยานชี้ไป
” พี่….พี่ใหญ่ ” ฉื่อหยานนั้นไม่เคยเรียกใครว่าพี่ใหญ่มาก่อน ” ท่านสามารถจัดการกับ อสูรที่อยู่ในระดับรู้แจ้งได้หรือไม่ ? ”
” ไม่ต้องห่วง ” หยางมู่มองไปอย่างเรียบเฉย” ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าระเบิดนภาของตระกูลหยางเป็นเช่นไร ข้ามีระเบิดนภาอยู่สองลูก เพื่อที่จะฆ่าอสูรระดับรู้แจ้งแล้วนับว่าไม่เสียของ ”
ระเบิดนภา
แล้วฉื่อหยานก็ได้รู้ว่าหยางมู่กำลังจะทำอะไรสักอย่าง
นั่งอยู่บนมังกรสองหัว ฉื่อหยานและหยางมู่มาถึงด้านบนเหมือง
” ตรวจสอบดูสิว่ามีอสูรอยู่ภายในหรือไม่ ” หยางมู่ ยืนบนมังกร 2 หัว แล้วมองลงไปที่เหมืองหินด้านล่าง
ฉื่อหยานค่อยๆพยักหน้า เอาก็เอาไข่มุกรวมวิญญานออกมาและส่งสัมพัสออกไป .
กลิ่นอายชั่วช้าที่รุนแรงก็ลอยขึ้นมาจากส่วนลึกภายในเหมือง และคลื่นวิญญาณก็ประทะเข้ามาขณะที่ฉื่อหยานส่งสัมพัสออกไป
สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป ทันทีเขาก็ถอนพลังวิญญาณออกมาจากไข่มุกรวมวิญญาน ” มันยังอยู่ ”
” งั้นก็ดี ” หยางมู่จับไปที่แหวนของเขาแล้วทันทีมันก็ส่องแสงออกมา แล้วลูกบอลสีทองก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเขา
ภายใต้การควบคุมของหยางมู่ ลูกบอลสีทองก็กลายเป็แสงสีทองและพุ่งไปยังเหมือง
” ตูม ตูม ตูม ! ”
พลังระเบิดที่รุนแรงก็ระเบิดออกมาจากเหมือง
ระเบิดนภานั้นรุนแรงเป็นอย่างมากถึงกับทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ในขณะเดียวกัน , คลื่นพลังสีทองก็กระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้น ที่ก้านหน้าของฉื่อหยาน , เหมืองก็ระเบิดกลายเป็นขี้เถ้า
ท่ามกลางแสงสีทอง , หินตกก็ถล่มลงมาและถูกทำลายโดยระเบิดนภาทันที
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 526 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ