เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 213 ประตูสวรรค์โบราณ

[TL. ดินแดนใต้พิภพ คืออันเดียวกับ ดินแดนทมิฬ ซึ่งดินแดนนี้พวกที่อาศัยอยู่จะถูกเรียกว่า เผ่าทมิฬ

ดินแดนสี่อสูร ก็ คือ ดินแดนอสูร ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ดินแดน คนที่อาศัยอยู่ก็คือ พวกอสูร หรือ เผ่าอสูรนั่นแหละจ้า]

 

บทที่ 213 ประตูสวรรค์โบราณ

 

“มหัศจรรย์ยิ่งหนัก!”

เปลวเหมันเยือกแข็งส่งข้อความออกมาทันที “ระวัง ! ไปเร็วเข้า ! วิญญานของมันนั้นไร้ซึ่งอามรมณ์ใดๆ มันมีเพียงความกระหายเลือดไม่สิ้นสุดเท่านั้น มันจะทำลายทุกสิ่ง และสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มันพบเห็น ! ”

ฉื่อหยานก็ตื่นตกใจ

เขาไม่ลังเลที่จะเรียกใช้พลังทั้งหมดของเขาและโคจรพลังปราณลึกลับลงไปที่ขาและเริ่มใช้ก้าวอัศนี

ประกายสายฟ้าฟาดลงที่หุบเขา

มันฟาดลงมายังพื้นที่100เมตรของสัตง์อสูรภูติ

“โฮ๊กกก โฮ๊กกกกกกก !! ”

สัตว์อสูรภูก็ร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ดวงตาอันเขียวขจีของมันกำลังจ้องที่ไปฉื่อหยาน สัตว์อสูรภูตนั้นถูกพันธนาการไปด้วยโซ่ทั้งสิบสองเส้น อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรตรงหน้าฉื่อหยาน

สายฟ้าผ่าลงมายังระหว่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองและโซ่สิบสองเส้นที่เชื่อมต่ออยู่ก็ถูกขึงออก

มันเป็นสัตว์อสูรระดับหก แต่พลังของมันสามารถทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนได้!

ฉื่อหยานมองดูอย่างสงบนิ่ง พร้อมกับยิ้มให้กับสัตว์อสูร เขากล่าวว่า”เจ้าเป็นสัตว์อสูรภูตที่ดุร้ายจริงๆ!”

ฉื่อหยาน ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกหยุดยั้งโดยสัตว์อสูรภูต ทันทีที่เขาเข้าใกล้มัน ถ้าเปลวเหมันเยือกแข็งไม่ได้ช่วยเขาไว้เขาอาจถูกฆ่าโดยสัตว์อสูรภูตไปแล้ว

ล้มเหลวอีกครั้ง

“สัตว์อสูรตัวนี้มันพิเศษมากนัก !” จาก แหวนสายโลหิต เปลวเหมันเยือกแข็งก็พูดขึ้น ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังของ เปลวเหมันเยือกแข็ง ก็กำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าแหวนสายโลหิตกำลังจะปิดผนึกมัน

“อืมมม ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นลูกผสมระหว่าง ภูติจากดินแดนทมิฬกับสัตว์อสูรมังกรจากดินแดนอสูร”

ฉื่อหยาน ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนี้ให้กับเปลวเหมันเยือกแข็งฟัง “ตามที่ปู่ของข้าบอก สัตว์อสูรตัวนี้ไม่สมควรมีตัวตนอยู่ เนื่องจาก ภูติจากดินแดนทมิฬและสัตว์อสูรมังกรจากดินแดนอสูรนั้น ดินแดนของทั้งสองไม่ได้เชื่อมต่อกัน ที่สัตว์อสูรภูติตัวนี้เกิดมาได้ นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ”

“มันนั้นเกิดจาก ภูติจากดินแดนทมิฬกับสัตว์อสูรมังกรจากดินแดนอสูณงั้นรึ? “เปลวเหมันเยือกแข็งรู้สึกประหลาดใจ” เจ้าแน่ใจรึ? ”

“ก็ข้าได้ยินมาอย่างนั้น”

เปลวเหมันเยือกแข็งหยุดและเงียบ

หลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก เปลวเหมันเยือกแข็ง ก็ได้ส่งข้อความอีกครั้งว่า “เจ้าเจอปัญหาแล้ว !”

การแสดงออกของฉื่อหยานได้เปลี่ยนไปในขณะที่เขาถามว่า “เจ้าหมายความว่าไง?”

ฉื่อหยานเขารู้อยู่เเล้วว่าเปลวเหมันเยือกแข็งไม่ใช่มนุษย์ มันรู้เรื่องราวต่าวๆมากมายเกี่ยวกับโลกนี้้มากกว่ายอดฝีมือเสียอีก

มันนั้นรู้เรื่องราวต่างๆมากมายจากใครหลายคน, มันครอบครองความทรงจำของยอดฝีมือจากทุกยุคสมัย และรู้ความลับหลายอย่างของแผ่นดินรุ่งเรืองและดินแดนทมิฬและดินแดนอสูร

มันต้องพบบางสิ่งบางอย่างแน่นอนถึงได้พูดออกมาเช่นนี้!

“การที่สัตว์อสูรภูติปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ แปลว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับมิติเชื่อมต่อระหว่างดินแดนทมิฬกับดินแดนอสูรแน่นอน เมื่อมิติเชื่อมต่อเกิดความเสียหาย ม่านพลังที่ปิดกั้นระหว่างดินแดนอยู่ก็จะไม่เสถียร และจะมีรอยแยกปรากฏขึ้นที่แผ่นดินรุ่งเรื่องจำนวนมาก”

“ นั้นหมายความว่าไง ?”

“ นั่นก็หมายความว่าเผ่าทมิฬและเผ่าอสูรที่เป็นพันธมิตรกันก็จะรวมตัวกันเพื่อโจมตีโลกใบนี้อีกครั้งไงหละ! ”

ฉื่อหยานตกใจเป็นอย่างมาก

“เผ่าทมิฬและและเผ่าอสูร นั้นฉิจฉาความมั่งคั่งของพวกมนุษย์ ซึ่งทรัพยากรเหล่านั้นค่อนข้างหายากในโลกของพวกมัน เมื่อเผ่าทมิฬและเผ่าอสูร มายังแผ่นดินรุ่งเรืองแล้วพวกมันก็จะตามหาทรัพยากรที่พวกมันต้องการ จากนั้นก็จะขยายตัวกันออกไปอย่างรวดเร็วแล้วโลกของมนุษย์ ก็จะเกิดปัญหาที่ไม่มีวันสิ้นสุด. ”

“การที่ทางเชื่อมต่อระหว่างดินแดนทมิฬกับดินแดนอสูรถูกทำลายไป นั่นเป็นสัญญาบ่งบอกว่าพวกมันนั้นกำลังร่วมมือกัน และพวกมันกำลังจะมายังแผ่นดินรุ่งเรืองและเริ่มการล่าสังหาร!

“จริงรึ?” ฉื่อหยานรู้สึกตกใจ

“แล้ว สัตว์อสูรภูติตนนี้มีอายุเท่าใด? ”

“น่าจะประมาณ 100ปี ”

“แล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้มีพวกเผ่าอสูรได้เข้ามาสู่โลกนี้จากจุดเชื่อมต่อของพื้นที่หรือไม่”

“ใช่“

“หายนะมาเยือนแล้ว!”

เปลวเหมันเยือกแข็งช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เส้นทางระหว่างพื้นที่ของดินแดนทมิฬ และ ดินแดนอสูร ต้องใช้เวลาประมาณห้าร้อยปีเพื่อทำให้เกิดรอยแยกขึ้น เผ่าทมิฬและเผ่าอสูรต้องลงทุนอย่างมากตลอดเวลาห้าร้อยปี เพื่อรักษาเสถียรภาพของเส้นทางระหว่างดินแดนทมิฬและดินแดนอสูร ให้เชื่อมรอยต่อมายังแผ่นดินรุ่งเรือง เมื่อมีเผ่าอสูรบางตรออกมาจากรอยแยกนั่น และถ้ามันอสูรที่มาเป็นอสูรระดับสูง นั่นก็หมายความว่าพวกมันได้เตรียมพร้อมแล้ว ! ”

” แล้วไงต่อ ? ”

“ดินแดนทมิฬและโลกของเรานั้นไม่ได้มีมิติที่เชื่อมต่อกัน ดินแดนทมิฬและประตูสวรรค์ของโลกเราเป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อถึงกัน มีเพียงเรามราสามารถเข้าสู่ดินแดนทมิฬได้ผ่านประตูแห่งสวรรค์ แต่เผ่าทมิฬนั้นไม่สามารถเข้ามายังแผ่นดินรุ่งเรืองผ่านประตูแห่งสวรรค์ได้ นั่นหมายความว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเผ่าทมิฬที่จะเข้าสู่โลกของเรา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเส้นทางระหว่างดินแดนอสูรและดินแดนทมิฬเชื่อมต่อกัน ดังนั้นเผ่าทมิฬก็จะสามารถมายังโลกของเราผ่านมิติเชื่อมต่อได้”

“แล้วอย่างไรต่อ?”

“อีกไม่นานเจ้าก็จะได้พบกับเผ่าอสูรระดับสูงและเผ่าทมิฬปรากฏตัวขึ้นที่นี่ และ ตอนนั้น นักรบทั้งหมดใน ทะเลไม่มีสิ้นสุดก็จะตกเป็นเหยื่อของเหล่าเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ แล้วบางที เพียงแค่เวลาสั้นๆ โลกแห่งนี้ก็จะถูกทำลาย และอาจไร้ซึ่งมนุษย์อีกต่อไป”

“ทำไมพวกเผ่าอสูรถึงมาเข้ามายังโลกแห่งนี้ผ่านประตุสวรรค์กัน?”

“อสูรระดับพระเจ้าเเท้จริง ไม่สามารถข้ามผ่านประตูสวรรค์ได้ มันมีกฎของประตูสวรรค์อยู่ หากอสูรระดับพระเจ้าเเท้จริง สามารถมายังโลกแห่งนี้ผ่านประตูสวรรค์ได้ อย่างง่ายดาย โลกแห่งนี้คงจะกลายเป็นดินแดนร้างไปนานแล้ว ดินแดนอสูรที่สองและสามนั้นถูกปิดผนึกไว้เนื่องจากมีเผ่าอสูระดับพระเจ้าแท้จริงบางตนพยายามจะแหกกฏข้ามประตูสวรรค์! ”

ฉื่อหยานตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน

เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไหมเผ่าอสตรถึงได้น่ากลัวเป็นอย่างมาก เตามที่เปลวเหมันเยือกแข็งบอกมา เผ่าอสูรที่อยู่ในดินแดนอสูรที่สองและที่สามนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นประตูสวรรค์จึงปิดผนึกพวกมันไม่ให้ก้าวข้ามมา

“ใครเป็นคนสร้างประตูสวรรค์กัน?”

“นักรบระดับพระเจ้าแท้จริง”

“ หือ ? นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงงั้นรึ? “

“ถูกต้อง ในสมัยโบราณนั้น เผ่าอสูร เผ่าทมิฬ และเผ่าอื่น ๆ ในโลกที่แตกต่างกันสามารถอยู่ร่วนกันเเละเข้ากันได้ดี ประตูสวรรค์มีอยู่ก็เพื่อให้เผ่าๆอื่นสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ เพราะว่า เนื่องจากแต่ละโลกมีทรัพยากรที่แตกต่างกันไป พวกเขาเลยต้องต้องนำทรัพยากรเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนกันเพื่อใช้ฝึกฝน”

“ในสมัยโบราณมีพื้นที่ที่เรียกว่า” ห้วงมิติ “ซึ่งมีประตูแห่งสวรรค์หลายแห่งที่นำไปสู่โลกทุกใบ ห้วงมิติเป็นศูนย์กลางของโลกทั้งหมดและอยู่ในแผ่นดินรุ่งเรือง อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาช่วงเวลาหนึ่งเผ่าทุกเผ่าก็เริ่มต่อสู้กันเอง เผ่าที่แข็งแกร่งเริ่มที่จะไปยังโลกอื่นและฆ่าสังหารผู้คนของโลกนั้น ”

“สงครามระหว่างเผ่าต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายเพราะว่ามีประตูสวรรค์อยู่ หลากหลายชนเผ่าต่างสูญพันธุ์ไปแล้วและตอนนี้ก็เหลือเเค่ แผ่นดินรุ่งเรือง เผ่าทมิฬ และเผ่าอสูรเท่านั้นเป็น เป็นเพียงสามเผ่าที่เหลือรอดจากสงคราม เพราะสงครามเมื่อหลายพันปีก่อนหลายๆเผ่าจึงได้สูญพันธุ์และหายไป ”

จนมาวันหนึ่งยอดฝีมือของเผ่าต่างๆก็สังเกตเห็นว่าการมีอยู่ของประตูสวรรค์เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างและตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆขึ้นมาเพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดการสู้รบเหมือนอย่างในอดีต เพราะว่ามีเผ่ามากมายได้รับความสูญเสียอย่างมากในสงครามครั้งนั้นดังนั้นเหล่าเผ่าที่เหลือจึงได้ตัดสินใจทำลายประตูสวรรค์ของพวกเขาเพื่อตัดการเชื่อมต่อกับโลก

“ในยุคนั้น ประตูสวรรค์ หลายแห่งได้หายไปและหลายเผ่าก็ได้เลิกติดต่อกับเรา มีเหลือประตูสวรรค์อยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ประตูทั้งหมดก็มีกฏบางอย่างถูกสร้างขึ้นมา ”

” ดินแดนของเผ่าทมิฬนั้นเป็นดินแดนที่เลวร้าย ประตูแห่งสวรรค์นั้นป้องกันไม่ให้เผ่าอื่น ๆ บุกลํ้าเข้ามา และเผ่าอสูรเองก็มีอสูรที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย ดังนั้นประตูสวรรค์จึงปิดผนึกไม่ให้อสูรระดับพระเจ้าแท้จริงก้าวข้ามมาได้ และตอนนี้ เมื่อประตูถูกทำลายแล้ว หายนะจะเกิดขึ้นแน่นอน ”

เนื่องจากเปลวเหมันเยือกแข็งนั้นรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากมายมันจึงบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่มันรู้ให้กับฉื่อหยานฟัง

หลังจากที่เปลวเหมันเยือกแข็ง พูดเสร็จ ฉื่อหยาน ก็ตระหนักได้ว่าอีกไม่นานทะเลไม่มีสิ้นสุดจะเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นแน่นอน [TL. หายนะครั้งใหญ่]

“ ฉื่อหยาน”

หยางหลาวโผล่ออกมาอย่างลับๆพร้อมกับ ใบหน้าที่จริงจัง หลังจากที่เขามาถึง เขาก็เหลือบตามองไปที่สัตว์อสูรภูติ เเล้วก็จ้องมองไปที่ฉื่อหยานและพูดขึ้นทันทีว่า “หยุดก่อน ! ถ้าเจ้ายังไม่สามารถกำหราบมันได้ในเวลาหนึ่งเดือน ตอนนั้นก็อย่าเสียเวลาอีกเลย ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังที่ปลอดภัยเอง”

การแสดงออกของฉื่อหยานเปลี่ยนไป “เกิดอะไรขึ้นรึ?”

ไม่ว่าในทะเลเคียร่า หรือทะเลไม่มีสิ้นสุด, ตระกูลหยางนับได้ว่าเป็นขุมพลังที่ยิงใหญ่ที่สุดและเกาะอมตะก็คือบ้านของพวกเขา ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็เช่นกัน

หายนะประเภทใดกันที่ทำให้ตระกูลยางต้องออกจากเกาะอมตะ?

“เมื่อสามวันก่อน, โครงกระดูกของราชาอสูรโปวซุนปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ของทะเลต่างๆ มันกล่าวว่า ท่านปู่ใหญ่ของเจ้ากำลังถูกขุมขังอยู่ด้วย “รูปแบบผนึกอสูร” ในดินแดนสี่อสูร แม้ว่าเขาจะมีสถานะที่เกือบจะเป็นอมตะ แต่เขาก็ยังคงถูกทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น” ท่าทางของหยางหลาวเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“ว่าไงนะ?! โปวซุน ฟื้นตัวแล้วงั้นรึ ?” ฉื่อหยางพูดขึ้นมา

“รูปแบบผนึกอสูรนั้นไม่ได้จากราชาอสูรโปวชุน แต่มันมาจากราชาอสูรอีกตนหนึ่งที่ชื่อว่า ชิหยัน ดูเหมือนว่า โปวชุนและชิหยัน จะร่วมมือกัน“ หยางลาวแสดงออกอย่างเป็นกังวล

“พวกเผ่าอสูรกำลังบุกรุกมาที่โลกนี้อย่างนั้นรึ?”ฉื่อหยางสูดหายใจเข้าแล้วค่อยๆสงบลง

“ตอนนี้พวกมันยังไม่มา ”หยางหลาวพูดพร้อมกับส่ายหัว “ตอนนี้ขุมพลังในทะเลอื่นๆกำลังเดินเรือมายังทะเลเคียร่า พวกอสูรที่รอดชีวิตนั้นได้ไปพบกับหัวหน้าของขุมพลังต่างๆเหล่านั้นและพวกมันได้ทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน โดยเผ่าอสูรบอกว่าจะให้ทรัพยากรของมันพวกแลกกับการ—-ฆ่าล้างตระกูลหยาง!

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 565 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset