บทที่ 214 เราจะอยู่ด้วยกัน !
” ข้ามีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับประตูสวรรค์โบราณจะบอกแก่ท่าน . . . . . . . ”
สีหน้าของฉื่อหยาน ก็บึ้งตึง เขาอธิบายข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับจากเปลวเหมันเยือกแข็งให้หยางหลาวฟัง
ข้อมูลที่เปลวเหมันเยือกแข็งรู้นั้นเป็นเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานขนาดที่ว่า นักรบแต่นักรบบางคนที่มีอายุมาเนินนานยังไม่รู้เลย รวมถึงหยางหลาวเช่นกัน เขานั้นไม่เคยได้ยินข้อมูลพวกนี้ที่มาจากเปลวเหมันเยือกแข็งเลย
เมื่อฉื่อหยานอธิบายสถานการณ์ให้หยางหลาวฟัง เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก และเงียบอยู่นาน
” เจ้าได้รับข้อมูลนี่มาจากไหน มีอะไรที่ยืนยันได้ไหมว่าเป็นเรื่องจริง ” หยางหลาวใช้เวลาคิดสักพักจากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลูกๆ และสีหน้าก็กลายเป็นจริงจัง
” จากเปลวเหมันเยือกแข็ง ” ฉื่อหยานพยักหน้า ” ตลอดทั้งชีวิตของมัน มันได้รับข้อมูลต่างๆมากมายจากนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงตั้งแต่สมัยโบราณ ข้อมูลเหล่านี้ มาจากความทรงจำของนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเหล่านั้น นั่นต้องไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน ”
” ในดินแดนสี่อสูร สองราชาอสูร ชิหยัน และ โปวชุน ,ตลอดมาพวกมันแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรกัน ถ้าข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริง ราชาอสูรทั้งสองต้องกำลังวางแผนกวาดล้างตระกูลหยางแน่นอน ถ้ามิติเชื่อมต่อระหว่างดินแดนใต้พิภพและดินแดนอสูรเชื่อมต่อกันมาแล้วหลายร้อยปี แสดงว่าราชาอสูรทั้งสองคนจะวางแผนตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้วสินะ . . . ”
แสงประกายอยู่ในดวงตาของหยางหลาว ” ในกรณีนี้ การที่โปวชุนจับเสี่ยวฮานยี่ มันคงทำไปเพื่อให้ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าไปหามันเพียงลำพัง จากนั้น มันก็ได้ร่วมมือกับชิหยัน และใช้ ‘ รูปแบบผนึกอสูร ‘ ผนึกท่านปู่ใหญ่ของเจ้า เพื่อจัดการกับตระกูลหยางเรา ราชาอสูรทั้งสองได้วางแผนมาอย่างดีเลยทีเดียว ”
” แม้แต่ท่านก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมิติเชื่อมต่อระหว่างดินแดนอสูรและดินแดนใต้พิภพงั้นรึ ? ” ฉื่อหยาน ก็ตกตะลึง
หยางหลาวส่ายหัวแล้วกล่าวว่า ” เป็นเช่นนั้น ครั้งสุดท้ายที่เผ่าอสูรอยู่ร่วมกับเผ่าทมิฬมันก็นานมาแล้ว ดังนั้นข้าที่อยู่นี่ไกลจากดินแดนของพวกมัน จึงไม่รู้เรื่องนี้เลย แม้แต่หัวหน้าของขุมพลังอื่นๆก็สมควรไม่รู้เช่นกัน ตอนนี้คงจะยากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ ข้าคิดว่าถึงแม้ว่าเราจะบอกเรื่องนี้แก่พวกเขา พวกเขาก็คงไม่เชื่อและ พวกเขาก็คงจะคิดว่าตระกูลหยางของเราหลอกพวกเขาโดยมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง .
ฉื่อหยาน ก็เงียบไป เขารู้ดีว่าสิ่งที่หยางหลาว พูดนั้นถูกต้อง
ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทั่วทะเลไม่มีสิ้นสุด เขาก็เป็นเพียงนักรบระดับหายนะเท่านั้น เขานั้นไร้ซึ่งชื่อเสียงและไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆเลย
เขารู้ดีว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยอะไรตระกูลหยางได้เลย .
” ไม่เป็นไร หลังจากข้าได้รับข้อมูลนี้ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ วางแผนที่จะทำอะไรอยู่ เราจะสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกมันได้ ตอนนี้เราต้องเตรียมพร้อมให้ดี . ” หยางหลาว ตบไหล่ของฉื่อหยาน และปลอบเขา : ” อย่าได้กังวลมากไป ตระกูลหยางของเราที่ยิ่งใหญ่ในทะเลไม่มีสิ้นสุดได้มาเนินนานโดยไม่สั่นคลอน โดยธรรมชาติแล้วเรามีสิ่งที่คอยหนุนหลังอยู่ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เราก็แค่หนีจากสถานที่แห่งนี้ไปชั่วคราวเท่านั้น เมื่อคนเหล่านั้นเข้าใจสถานการณ์เมื่อ เราจึงค่อยกลับมาต่อสู้ หากทำเช่นนั้นตระกูลหยางของเราก็ไม่นับว่าสูญเสียอะไรมากมายนัก เมื่อถึงเวลาเราจะกลับมาแน่นอน ”
ฉื่อหยานรู้ดีว่าเขาพูดถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์บนเกาะอมตะ
” เจ้าอย่าได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมากไปนัก อยู่ทีนี่ต่อและคิดหาวิธีกำหราบสัตว์อสูรภูติเสีย ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าบอกว่าเจ้าสามารถทำได้ ข้าเองก็เชื่อว่าเจ้าทำได้ คราวนี้ข้าจะเตรียมแผนรับมือเอง เมื่อมีสิ่งใดผิดปกติไป ข้าจะส่งเข้าไปยังสถานที่ปลอดภัย ”
” ขอรับ ”
ข้าต้องไปแล้ว เจ้าจงพยายามให้มาก จำเอาไว้ ตระกูลหยางของเราไม่มีทางตกต่ำแน่นอน ทุกคนในรุ่นของเจ้านับว่ายอดเยี่ยม ในอนาคตตระกูลหยางของเราไม่ว่ายังไงก็ต้องมีจุดยืนอยู่ในทะเลไม่มีสิ้นสุด ความปราชัยเล็กน้อยที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มิอาจทำให้เรายอมแพ้ได้หลอก ”
” ข้าเข้าใจแล้ว ”
. . . . . . .
หลังจากที่หยางหลาวจากไป ฉื่อหยานก็หยุดฝึกก้าวอัศนีชั่วคราว เขาก็ไขว้ขาของเขาและนั่งลงในหุบเขา พร้อมกับจ้องไปที่สัตว์อสูรภูติ
มีเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งเดือน ถ้าเขาไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรภูติได้ เขาก็อาจจะไม่ได้เจอกับสัตว์อสูรภูติอีกครั้งแน่ และต้องเสียโอกาศดีๆเช่นนี้ไป
” เจ้ารู้วิธีอะไรที่จำทำให้สัตว์อสูรตัวนี้เชื่องหรือไม่ ? ” ฉื่อหยานถามเปลวเหมันเยือกแข็ง
” การทำให้อสูรเชื่องนั้น โดยปกติแล้วเจ้าต้องมีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าพวกมัน ด้วยพลังอำนาจที่เหนือกว่า เจ้าจะต้องเอาชนะพวกมันจนกว่ามันจะกลัวเจ้า และจากนั้นก็ทำให้พวกมันเชื่อง ” เปลวเหมันเยือกแข็งตอบกลับอย่างรวดเร็ว” แต่ ด้วยพลังของเจ้าเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรภูติระดับหกตัวนี้ได้แน่นอน ภายใต้สถานการณ์นี้ , เจ้าจะต้องสื่อสารกับมันผ่านวิญญานของเจ้า หรือไม่เจ้าก็ต้องทำให้พลังในร่างกายของเจ้าทำให้สัตว์อสูรตัวนี้รู้สึกเป็นมิตร ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับมัน ตอนนั้นมันก็อาจจะเป็นมิตรกับเจ้า ” .
สื่อสารด้วยวิญญาน ? พลังอำนาจที่คล้ายคลึงกัน ?
ฉื่อหยานขมวดคิ้ว
ทำไมหยางชิงตี้ ถึงคิดว่าเขามีชะตาร่วมกับสัตว์อสูรภูติตนนี้กัน ? ทำไมถึงคิดว่าเขาจะสามารถกำหราบมันได้ ?
ตามสิ่งที่พูดมาทั้งหมด แปลว่าต้องมีความลับบางอย่างที่เขายังไม่รู้แน่อน
หลังจากนั้น ฉื่อหยานก็รู้สึกเหมือนว่าเขาได้เข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าคิดให้ดีๆ ตอนนี้เขาก็ได้ใช้เกือบทุกวิธีที่เป็นไปได้แล้ว แต่สัตว์อสูรภูติก็ยังไม่ยอมรับเขา
มีอะไรกันที่อยู่ในตัวของเขาและเขายังไม่ได้ใช้มัน ? พลังอำนาจที่คล้ายคลึงกัน ? ในร่างของเขา มีพลังที่เขาไม่รู้จักและสามารถใช้กำหราบสัตว์อสูรภูติได้ด้วยรึ ?
ทันใดนั้นก็ก็มีแสงสว่างแวบในหัวของเขาและฉื่อหยานก็ลุกขึ้นยืน
พลังงานเชิงลบ !
ฉื่อหยาน ดวงตาก็สว่างขึ้น เขามองไปที่สัตว์อสูรภูติโดยไม่กระพริบตา และดูเหมือนเข้าจะเข้าใจสิ่งสำคัญบางอย่าง
ตลอดวันเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามที่จะใช้วิญญานเพื่อสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติ เขาพยายามด้วยวิธีต่างๆนาๆ แต่เขาก็ไม่เคยใช้พลังงานเชิงลบในร่างเขาเลย
สัตว์อสูรภูตินั้น , ก้าวร้ายอยู่ตลอดเวลา กระหายเลือดและดุร้าย นี่ย่อมเป็นพลังของอสูรแน่นอน
ด้วยพลังเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ มันแตกต่างออกไปจากสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างชัดเจน ในหัวใจของสัตว์อสูรภูติดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและอาฆาตแค้นมนุษย์
ตัวตนที่ชั่วร้าย และพลังงานเชิงลบที่ไหลออกมาจากเส้นชีพจรของเขา ไม่ใช่ว่ามันคล้ายคลึงกับพลังของสัตว์อสูรภูติหรือรึ ?
” เจ้าคิดอะไรอยู่ ? ” เปลวเหมันเยือกแข็งตกใจมาก ” เจ้าหาวิธีได้หรือยัง ? ”
ฉื่อหยานไม่ตอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา ขณะที่เขาเดินเข้าไปสัตว์อสูรภูติทีละก้าว
” โฮ๊กกกก ! ”
สัตว์อสูรคำรามอีกครั้ง พลังที่ทะลักออกมาก็กลายเป็นเหมือนกับพายุเฮอริเคนซึ่งกระจายไปทั่วทิศทาง
บนใบหน้าของสัตว์อสูรภูติ ดวงตาสีเขียวเข้มเรืองแสงจ้องไปที่ฉื่อหยาน
ด้วยแรงระเบิดของพลังที่ดุร้าย พลังชั่วร้ายก็พุ่งเข้าไปยังวิญญานโดยตรง อย่างเงียบๆ ฉื่อหยานค่อยก้าวออกไปข้างหน้า เมื่อฉื่อหยานก้าวเข้าไปถึงพื้นที่อันตราย , พลังอำนาจชั่วร้ายจากสัตว์อสูรภูติก็ระเบิดออกมา
“นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าจะเข้าไปอีกครั้ง ? ตอนนี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดี ข้านั้นถูกแหวนงี่เงาของเจ้าผนึกอยู่ . . . . . . . ” เปลวเหมันเยือกแข็งเตือนเขา
ฉื่อหยาน เลิกติดต่อกับมัน
เขาก้าวเข้าไปหาสัตว์อสูรภูติ และในไม่ช้า เขาก็ก้าวเข้ามาอยู่ใกล้ๆกับพื้นที่อันตราย100เมตร . เขารู้สึกได้ถึงพลังความมืดและพลังอสูรที่ปั่นปวนอยู่ในกลิ่นอายชั่วร้าย พลังทั้งสองนั้นไม่ได้มาจากโลกแห่งนี้ ด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายที่ลุกโชนออกมาจากจิตสำนึกวิญญานชั่วร้ายของสัตว์อสูรภูติ มันเป็นเหมือนกับพายุเฮอริเคนและกระแสน้ำขนาดใหญ่ที่รุนแรงและดุร้ายเป็นอย่างมาก
” โฮ๊กก ! ”
สัตว์อสูรคำรามอีกครั้ง มันดูเหมือนว่ากำลังทดสอบความอดทนของฉื่อหยาน ร่างกายยาวนับสิบเมตรของมันก็ลุกขึ้นยืนอย่างรุนแรง และเสี่ยงโซ่เหล็กที่พันอยู่รอบตัวมันก็เกิดเสียงกระทบกัน
ฉื่อหยานก็โคจรพลังงานเชิงลบที่อยู่ในเส้นชีพจรของเขา
แค่เพียงชั่วขณะ อารมณ์เชิงลบที่รุนแรงเช่น ความดุร้าย ความบ้าคละ้ง ความเกลียดชัง ความโกรธแค้นทันที ก็กระจายไปทั่วร่างกายของฉื่อหยาน ทันทีที่พลังงานเชิงลบกระตุ้นขึ้นมา , ก็เกิดเป็นหมอกสีขาวที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเยือกเย็น
สัตว์อสูรภูติจู่ๆก็สงบลง
ด้วยระยะห่างหนึ่งร้อยสิบเมตร , สัตว์อสูรที่ดุร้าย ทันใดนั้นก็ปรากฏร่องรอยของความสับสนในดวงตาสีเขียวเข้มของมันเป็นครั้งแรก มันมองไปที่ฉื่อหยาน และไม่ได้พยายามเคลื่อนไหวร่างของมันที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่อีก
ประกายตาสีเขียวที่ควรจะเต็มไปด้วยจิตสังหารและความกระหายเลือด บัดนี้ ก็กลายเป็นสับสน . มันดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ มันดูเหมือนกำลังลังเลและตัดสินใจ
ร่างกายของฉื่อหยานยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขามุ่งไปที่การโคจรพลังงานเชิงลบ และควบคุมให้พลังงานเชิงลบกระจายทั่วทั้งร่างกายของเขาและก้าวเข้าไปยังพื้นที่อันตรายของสัตว์อสูรภูติ
ก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว
ดวงตาสีเขียวของสัตว์อสูรภูติดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความลังเล พลังชั่วร้ายและรุนแรงดูเหมือนจะกระจายออกมาช้าๆและพรุ่งพร่านออกมาด้านหน้าของสัตว์อสูรภูติ
ในเวลาเดียวกัน
ที่อารมณ์เชิงลบในหัวของเขารวมกับที่สุดของวิญญาณจิตเกิดขึ้นในความคิดมีสติมาก ชั่ว ยังบินต่อสัตว์อสูรในขณะเดียวกัน
อารมณ์เชิงลบที่กระทักออกมาจิตใจของเขาก็หลอมรวมกับกลุ่มก้อนจิตสำนึกวิญญาน สร้างเป็นจิตสำนึกที่ชั่วร้ายและในขณะเดียวกันมันก็พุ่งไปยังสัตว์อสูรภูติ
โดยปกติเมื่อความคิดเหล่านี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของฉื่อหยาน ฉื่อหยานก็จะตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ปกติเขาจะควบคุมมันไว้ เพื่อรักษาสติของเขาไว้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เขาไม่ได้ควบคุมมันแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยมันออกมาและปล่อยให้อารมณ์เชิงลบเหล่านั้นปกคลุมเขา
ฉื่อหยาน ดวงตาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมีเลือดหยดออกมาจากตาของเขา เขาดูเหมือนกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่คลานออกมาจากขุมนรกที่ลึกที่สุด พร้อมกับร่างของเขาที่เต็มไปด้วยพลังงานเชิงลบที่บ้าคลั่ง
จู่ๆ สัตว์อสูรภูติก็สงบลง
กลิ่นอายพลังชั่วร้ายที่ล้อมรอบอยู่ก็หยุดลงเหมือนกับกระแสน้ำที่หยุดนิ่ง มันจ้องไปที่ฉื่อหยานอย่างว่างเปล่า ,ดวงตาสีเขียวของมันที่สมควรจะเต็มไปด้วยความกระหายเลือดก็กลายเป็นร่าเริง
ฉื่อหยานก้าวเข้าไปหามัน ด้วยดวงตาของเขาที่เป็นสีแดง พร้อมกับสติของเขาที่ค่อยๆเลือนรางลง
สัตว์อสูรดูมีความสุข สายตาที่จ้องไปยังเขาเฉกเช่นศัตรูก็หายไป ดูเหมือนว่ามันกำลังรอ รอคอยบางสิ่งบางอย่าง
” ฮืออ ฮืออ ฮืออ ! ”
สัตว์อสูรภูติก็หายใจออกมาอย่างหนักหน่วง มันดูปราบปรื้มเป็นอย่างมาก ร่างกายที่ใหญ่โตของมันที่กำลังยืนอยู่ก็ค่อยๆหมอบลง
ฉื่อหยานก็เดินมาถึงด้านหน้าสัตว์อสูรภูติ หลังที่ถูกปกคลุมด้วยหนามแหลมคมส่วนหนึ่งก็ค่อยๆสั่น และจะเห็นว่าหนามแหลมคมในพื้นที่นั้นก็ค่อยๆหดตัวและหดตัวกลับเข้าไปในร่างกายของมัน
บนร่างของสัตว์อสูรภูติ พื้นผิวของมันส่วนนั้นก็กลายเป็นราบเรียบเหมาะสำหรับให้คนเพียงคนเดียวนั่ง
ฉื่อหยานก็กระโดดขึ้นไปและพุ่งไปยังพื้นที่ตรงนั้น เขาก้าวขาข้ามไปด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็ยิ้มและหัวเราะออกมา ” เจ้ากับข้านับได้ว่าอยู่รวมกันแล้ว ! ”
” บูม บูม บูม ”
โซ่สิบสองเส้นที่พันธนาการสัตว์อสูรภูติอยู่ทันทีก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ผนึกที่หยางชิงตี้ผนึกสัตว์อสูรภูติไว้ก็หายไป
” โฮ๊กกก ! ”
สัตว์อสูรภูติส่งเสียงคำร่างออกมาอย่างอาจหาญ ร่างใหญ่ของมันส่ายไปมา และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับกางฟันและเล็บที่แหลมคมออกมา มันบินไปมาในหุบเขาอย่างเพลิดเพลิน
ในที่สุด หนึ่งคนและหนึ่งสัตว์อสูร ชะตาของพวกเขาก็ถูกเชื่อมโยงกัน
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 566 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ