บทที่ 215 ตัวเลือกทั้ง 3
เมื่อฉื่อหยานขี่สัตว์อสูรภูติลงมาจากหุบเขาเพื่อไปยังพระราชวังหยาง เขาต้องพบกับความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
พระราชวังนั้นเต็มไปด้วยนักรบตระกูลหยาง เมื่อมองจากด้านบนแล้วมันดูเหมือนกับกองทัพมดที่มีจำนวนเกือบหมื่นเลยก็ว่าได้
ผู้คนเหล่านั้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสขนาดใหญ่
ส่วนกลางของจัตุรัสนั้น มีอักษรโบราณอยู่ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยคริสตัลล้ำค่า จิตวิญญาณธรรมชาติเหล่านั้นไหลออกมาจากผลึกล้ำลึกสูงสุดเหล่านั้น และมันก็ได้ไหลต่อไปยังอักษรโบราณ ซึ่งทำให้ดูราวกับว่าอักษรโบราณเหล่านั้นมีแสงสีรุ้งขดอยู่บนผิวของมัน
นักรบตระกูลหยางถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ และรอบๆก็ล้อมไปด้วยอักษรโบราณ
หยางหลาวและโม่ต้วนหุนดูน่าเกรงขามอย่างมาก ระหว่างที่พวกเขายืนอยู่ตรงเข็มทิศรูปร่างแปลกประหลาดแถวตัวอักษรโบราณ
นักรบตระกูลหยางอยู่ภายใต้คำสั่งของทั้งสอง เขาทั้งสองสั่งให้นักรบเหล่านั้นลุกขึ้นยืนเรียงตามลำดับ จากนั้นแสงสว่าที่ส่องออกมา หลักจากที่นักรบเหล่านี้ยืนขึ้นมันก็หายไปพร้อมกับตัวอักษรโบราณ
อักษรโบเหล่านั้นเชื่อมโยงกัน !
ทันใดนั้น ฉื่อหยานก็ตระหนักได้ว่าอักษรโบราณเหล่านั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เชื่อมต่อกันระหว่างสถานที่สองแห่ง
มีเพียงนักหลอมอาวุธระดับราชวงศ์ เท่านั้นที่สามารถสร้างอักษรเชื่อมต่อเหล่านี้ได้ในทะเลเคียร่า เฉพาะตระกูลที่มีอำนาจเช่นตระกูลหยางเท่านั้นที่สามารถจ้างนักหลอมอาวุธระดับราชวงศ์ให้มาช่วยสร้างอักษรโบราณเหล่านี้ และการจะสร้างสิ่งนี้ได้ต้องใช้ทรัพยากรเป็นอย่างมากอีกด้วย
หลังจากนั้นนักรบตระกูลหยางทีละคนก็ ทำตาคำสั่งของหยางหลาวและโม่ต้วนหุน โดยใช้ผลึกล้ำลึกสูงสุดเพื่อพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก
ทันใดนั้นฉื่อหยานก็มาถึงพร้อมกับสัตว์อสูรภูติ นั่นทำให้ผู้คนแตกตื่นทันที
ภายใต้แรงกดดันจากสัตว์อสูรภูติ เหล่าสัตว์อสูรตัวอื่นต่างก็หมอบลงกับพื้น ไม่กล้าที่จะมองไปยังสัตว์อสูรภูติ ร่างกายของพวกมันต่างก็สั่นสะท้านราวกับว่ากำลังเจอกับศัตรูตามธรรมชาติของพวกมัน
หยางหลาวมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับสีหน้าตกตะลึง
โม่ต้วนหุน พยักหน้าเบาๆให้กับฉื่อหยาน ดูเหมือนว่าเขาเองก็ประหลาดใจกับความสามารถของฉื่อหยาน
“เด็กน้อย เจ้าทำได้ดีมาก” หยางหลาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ “สัตว์อสูรภูติดูเป็นมัตรกับเจ้าเสียจริง มันนั้นอยู่บนเกาะอมตะเป็นเวลานาน ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้มันได้ เลย มีเพียงแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้มันเชื่องได้ นั้นหมายความว่าสวรรค์ยังคงมีเมตตาต่อตระกูลหยางเราอยู่ ”
นักรบตระกูลหยางหลายคนแสดงความตื่นเต้นออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหยางหลาว
และดูเหมือนพวกเขาเข้าใจบางอย่างทันที
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ?” ฉื่อหยางพูดพร้อมกับลงจากตัวสัตว์อสูรภูติพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นสัตว์อสูรภูติก็ทิ้งตัวลงพื้นอย่างรุนแรงและหมอบลงอย่างเกียจคร้าน ไม่มีท่าทีแสดงให้เห็นถึงความดุร้ายแต่อย่างใด
“นักรบจากตระกูลอื่น กำลังมุ่งหน้ามายังทะเลเคียร่า และอีกไม่นานนี้กลุ่มคนเหล่านั้นจะมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่” ใบหน้าของหยางหลาวเปลี่ยนเป็นมัวหมอง “ข้ามีข่าวเกี่ยวกับท่านปู่ใหญ่ของเจ้าที่ติดอยู่ในรูปแบบผลึกอสูรมาบอก ข่าวที่ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าถูกคุมขังนั้นได้แผ่กระจายไปทั่วทุกน่านน้ำทะเลหลังจากโปวชุนพูดเช่นนั้น ก็ไม่มีใครเลยที่คิดว่าท่านปู่ใหญ่ของเจ้าจะสามารถหลบหนีจากรูปแบบผลึกอสูรได้
ดังนั้นเหล่าคนที่หวาดกลัวตระกูลหยางของเราจึงฉวยโอกาสนี้รีบบุกมาจู่โจมตระกูลของเรา “
หยางหลาวสรุปสถานการณ์ให้ฟัง
โครงกระดูกราชาอสูรโปวซุน ที่ปรากฎตัวขึ้นในหลายพื้นที่ บ่งชี้ได้เลยว่าหยางชิงตี้ต้องตายแน่นอน เผ่าอสูรหลายตนนั้นได้เข้ามาจากรอบแยกมิตินานแล้ว และพวกมันก็ได้ติดต่อกับหัวหน้าตระกูลของขุมพลังอื่นๆ และยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจของโปวชุนและชิหยันให้พวกเขาฟัง
และพวกมันก็ได้แสดงความจริงใจด้วยการส่งทรัพยากรต่างๆให้กับขุมพลังเหล่านั้น ด้วย ทรัพยากรหายากที่หาได้เพียงแค่ในดินแดนอสูรเท่านั้น
ชิหยันและโปวชุนได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะเป็นพันธมิตรกับทะเลไม่มีสิ้นสุด โดยการเชื่อมต่อโลกทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากร
ข้อตกลงของราชาอสูรทั้งสอง ทำให้หลายคนตื่นเต้นและด้วยทรัพยากรล้ำค่าจากดินแดนอสูร
ในอดีตกาลประตูสวรรค์ที่เชื่อมต่อกับทะเลไม่มีสิ้นสุด และดินแดนสี่อสูรนั้นอยู่ในการปกครองของตระกูลหยางและตระกูลหยางเท่านั้นที่จะสามารถสามารถผ่านประตูนั้นเข้าไปในดินแดนสี่อสูร เพื่อนำทรัพยากรแปลกประหลาด ที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้กลับมาได้
และด้วยเหตุนี้ทรัพยากเหล่านี้ตระกูลหยางจึงมีนับได้ว่ามั่งคั่งอย่างมากในทะเลไม่มีสิ้นสุด ด้วยความได้เปรียบนี้ทำให้ตระกูลหยางสามารถยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิใจในทะเลไม่มีสิ้นสุด
ไม่มีใครสามารถนำทรัพยากรออกมาจากดินแดนอสูรได้นอกจาก ตระกูลหยาง ตั้งแต่อดีต ตระกูลหยางเป็นคนคุมประตูทางเข้าออก และด้วยความทรงพลังของตระกูลหยางจึงไม่มีใครที่จะกล้าต่อรองหรือกล้าที่จะเข้าไปยุ่งกับตระกูลหยาง ทำได้แค่เพียงแลกเปลื่ยนทรัพยากรต่างๆกับตระกูลหยางเท่านั้น นั่นจึงทำให้มีเพียงตระกูลหยางเท่านั้นที่ได้ครอบครองทรัพยากรล้ำค่าเหล่านั้น
และตอนนี้ หยางชิงตี้ ได้ถูกคุมขังอยู่ ชิหยันและโปวชุนก็ได้ยื่นเสนอแก่พวกเขาโดยเป็นข้อเสนอที่พวกเขายากจะปฏิเสธ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับทรัพยากรจากดินแดนอสูร และต้องการแย่งชิงความมั่งคั่งที่ตระกูลหยางสะสมมาเป็นเวลานานกว่าหลายร้อยปี คนเหล่านี้จึงร่วมมือกันและวางแผนที่จะทำลายตระกูลหหยางและร่วมมือกับดินแดนอสูร
หลังจากที่ขุมพลังที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นทั้งหมดเหล่านั้นได้ตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มส่งยอดฝีมือมายังทะเลเคียร่า
ขุมพลังต่างๆล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ และตระกูลเซี่ย ที่พันธมิตรกับตระกูลหยางตั้งแต่อดีตความสัมพันธุ์ก็เริ่มสั่นคลอน
ตระกูลเซี่ยนั้นค่อนข้างที่จะเห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก เซี่ยเสินชวน ได้พูดคุยกับ หยางหลาว ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตระกูลเซี่ยของเขาจะไม่เผชิญหน้ากับขุมพลังเหล่านั้นพวกตระกูลหยาง และจะไม่ย้ายออกไปไหนไม่ว่าการตัดสินใจของพวกเขาจะถูกหรือผิดก็ตามแต่
และ ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ ไม่เพียง แต่ไม่ช่วยตระกูลหยางเท่านั้น แต่พวกเขายังได้ติดต่ออย่างลับๆกับขุมพลังเหล่านั้นด้วย เหมือนกับว่าพวกเขาตั้งใจที่จะช่วยเหลือขุมพลังเหล่านั้นและต้องการที่จะเข้ามาแทนที่ตระกูลหยางในทะเลไม่มีสิ้นสุด
ในช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียวตระกูลหยาง ก็ถูกทิ้งให้เหลือคนเดียวและกลายเป็นเป้าหมายของคนจำนวนมากอีกด้วย
หลายตระกูลเริ่มที่จะเริ่มพูดจาไม่ดีต่อคนของตระกูลหยาง หลักจากที่พวกเขาได้รับข้อความจาก โปวชุน พวกเขาก็คิดว่าหยางชิงตี้ จะต้องตายอย่างแน่นอน
ณ ตอนนี้ สถานการณ์ของตระกูลหยางกำลังไม่สู้ดีนักและกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
ในความสิ้นหวัง หยางหลาว เริ่มวางแผนอพยพโดยแบ่งทรัพยากรมากมายที่สะสมมาโดยตลอดของตระกูลหยางและนักรบหยาง แบ่งออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และค่อยๆเคลื่อนย้ายออกไป
“เจ้ามาถึงทันเวลาพอดีเลย” หยางหลาว กล่าว “คราวนี้เราต้องอพยพออกไปตอนนี้เลย และตอนนี้เรามีพื้นที่อพยพอยู่ 3 แห่งแรกคือดินแดนเผ่าอสูร ส่วนที่สองคือเมืองใต้ทะเลเดียวดายและที่สุดท้ายคือ หุบเหวแห่งสนามรบ เจ้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการอพยพไปยังที่แห่งใด ”
“ดินแดนอสูร?” ฉื่อหยานรู้สึกตกใจอย่างมากที่ได้ยินเรื่องการยอพยพไปยังดินแดนอสูร “พวกท่านจะอพยพไปยังดินแดนอสูรได้อย่างไรกัน? ถ้าเราเข้าไปดินแดนอสูร พวกเราจะไม่ถูกโปวชุนและชิหยันฆ่าหลอกรึ? ”
“สถานการณ์ในดินแดนของเผ่าอสูรนั้นแตกต่างจากที่เจ้าคิด” หยางหลาว ยิ้มในช่วงเวลาที่สำคัญของตระกูลเขายังคงดูสงบนิ่ง,”ในดินแดนสี่อสูร มีหลาดหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกัน
แม้แต่ โปวชุน และ ชิหยัน ก็ไม่สามารถที่จะรู้ถึงสถานการณ์ภายในได้ทั้งหมด พื้นที่ในดินแดนของเผ่าอสูรนั้นกว้างใหญ่มาก ดังนั้นเขตพื้นที่ที่น่าอัศจรรย์เองก็มีนับไม่ถ้วนภายในของดินแดนอสูร
ตระกูลหยางได้ทำการตรวจสอบดินแดนอสูรมาเป็นเวลามานานเเล้ว นั้นทำให้พวกเขาเข้าใจถึงภูมิภาคบางแห่งเป็นอย่างดี พวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากกว่าชาวเผ่าอสูรเสียอีก สมาชิกในตระกูลหยางที่เลือกเข้าไปในดินแดนอสูร มีจำนวนถึงแปดสิบเปอเซนต์! นานมาแล้ว พวกเราได้สร้างอาคมกำบังขึ้นมาเพื่อให้สภาพแวดล้อมที่แห่งนั้นเอื่ออำนวยแก่เรา ดังนั้นจึงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับโปวชุนและชิหยันที่จะหาเราพบได้ภายในดินแดนอสูรนี้
ฉื่อหยาน รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ในตอนแรกเขาคิดว่าในดินแดนสี่อสูร ราชาอสูรโปวชุนและชิหยัน ซึ่งเป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในนภาที่สามของระดับพระเจ้า จะสามารถรับรู้สถานการณ์ต่างๆในดินแดนอสูรได้อย่างง่ายดายเสียอีก แต่ตอนนี้หลังจากได้รับยินหยางหลาวอธิบาย เขาก็ได้รู้แล้วว่าในพื้นที่ที่มหัศจรรย์ของดินแดนอสูรมีพลังหนาแน่นเป็นอย่างมากจนแม้แต่ราชาอสูรโปวชุนและชิหยันไม่สามารถทำอะไรได้
“เมีองใต้ทะเลเดียวดาย เป็นสถานที่ที่วิเศษในทะเลไม่มีสิ้นสุด และหากว่ามีผู้คนจำนวนมากเข้าไปยังเมืองใต้ทะเลเดียวดาย มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมายแล้วอาจจะก่อเกิดเป็นสงครามระหว่างพวกเขาได้ แต่พวกเราก็มีบางคนที่สามารถติดต่อกับตระกูลที่นั่นได้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าเราจะเข้าไปที่เมืองนั้น
“แล้วหุบเหวแห่งสนามรบล่ะ?มันเป็น สถานที่แบบไหนกัน? ”
“หุบเหวแห่งสนามรบ ตั้งอยู่ในทะเลท้องฟ้า มีการบอกต่อกันว่า เดิมทีมันเป็นสถานที่ที่อยู่บนโลกนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้หายไปจากโลกนี้ หุบเหวแห่งสนามรบ เป็นสถานที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ประตูสวรรค์ที่ได้เชื่อมต่อกับหุบเหวแห่งสนามรบจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นตลอดเวลา และทุกๆ 100 ปีมันจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง”
“ท่านหมายความยังไงรึ ?”
“สามร้อยปีที่ผ่านมา มีเพียงแค่ นักรบในระดับเริ่มต้นถึงระดับพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถผ่านประตูไปได้ และเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อน ประตูสวรรค์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้นักรบในระดับพระเจ้าไม่สามารถเข้าประตูสวรรค์แห่งนั้นได้อีก และร้อยปีต่อมาประตูสวรรค์ก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นนักรบที่มีระดับมากกว่านภาที่ไม่สามารถเข้าผ่านประตูไปได้ และมาตอนนี้แม้แต่นักรบในระดับรู้แจ้งก็ไม่สามารถเข้าผ่านประตูได้แล้ว ณ เวลานี้มีเพียงแค่นักรบระดับปฐพีและนักรบที่มีระดับต่ำกว่าระดับปฐพีเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ”
“อะไรนะ? ข้อกำหนดของประตูสวรรค์จะเปลี่ยนแปลงไปทุกๆร้อยปีรึ? ”
“ถูกต้องแล้ว”หยางหลาว ได้พยักหน้าเเล้วพูดว่า “คราวนี้เราแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะเข้าไปในดินแดนอสูร กลุ่มถัดไปจะลงไปที่เมือใต้ทะเลเดียวดาย และกลุ่มท้ายจะไปที่ หุบเหวแห่งสนามรบ ด้วยแผนนี้ เราจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายใดๆได้ หากเรามุ่งไปที่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งทั้งหมด อาจมีโอกาสที่จะถูกโจมตีได้ดังนั้น เราจึงต้องแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเพื่อจะเพิ่มโอกาสในการรักษาชีวิตไว้ ”
“ข้าจะไปที่ หุบเหวแห่งสนามรบ” หยางมู่ พูดพร้อมกับหัวเราะ “ข้าจะไม่แค่เข้าไปใน หุบเหวแห่งสนามรบ เท่านั้น แต่ข้าจะกระจายข้อมูลบอกคนเหล่านั้นว่าข้าอยู่ในนั้นแล้ว หึหึ เวลานี้นักรบในระดับรู้แจ้งนั้นไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ สำหรับขุมพลังเหล่านั้นพวกนั้นที่กำลังต้องการกำจัดพวกเรา มันจะต้องส่งนักรบของพวกมันที่มีระดับต่ำกว่ารู้แจ้งมาแน่นอนและเมื่อพวกมันส่งคนเหล่านั้นมาฆ่าข้า หึ ! ข้าก็จะรออยู่ข้างในหุบเหวแห่งสนามรบ, และบหากเจอผู้ใดที่ต้องการจะฆ่าข้า ข้าก็จะฆ่ามันเสีย”
“ข้าก็จะไปที่ หุบเหวแห่งสนามรบ ด้วยเช่นกัน” ฉื่อหยานพยักหน้าเบา ๆแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจเป็นอย่างมากมาก ”
นักรบที่อยู่เหนือกว่าระดับปฐพีไม่สามารถเข้าสู้หุบเหวแห่งสนามรบได้ ซึ่งนั่นหมายความว่ายอดฝีมือที่ถูกส่งโดยขุมพลังเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในนภาที่สามของระดับปฐพีลงมาแน่นอน
ฉื่อหยาน เชื่อว่าด้วยพลังของเขา เขาสามารถรับมือกับนักรบระดับปฐพีเหล่านั้นได้แน่นอน
ซึ่งนั่นหมายความว่า หุบเหวแห่งสนามรบ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาและอาจจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขาตอนนี้และยังสามารถเพิ่มพลังของเขาได้ด้วยการฆ่านักรบจากขุมพลังอื่นเหล่านั้นอีดด้วย
“ฮ่าฮ่า ดีเลย เสี่ยวหยาน” หยางมู่ได้หัวเราะ “หลังจากที่เราไปถึงที่นั่นข้าหละอยากเห็นจริงๆว่าจะมีสักกี่คนที่กล้ามาฆ่าเรา ยิ่งพวกมันมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าข้าเองก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้ตามที่ต้องการ ”
“หุบเหวสนามรบเป็นสถานที่ลึกลับเป็นอย่างมากและได้มีการบอกต่อกันมาว่ามันเป็นสนามรบของนักรบที่ยิ่งใหญ่จากสมัยโบราณภายในมันมีอุปสรรคมากมายและในพื้นที่ต้องห้ามยังมีสมบัติลับบางอย่างและวิชาที่ตกทอดมาจากสมัยโบราณ ถ้าพวกเจ้าต้องการจะเข้าที่แห่งนั้น พวกเจ้าต้องไม่เพียงแต่ระวังเหล่าคนที่ต้องการจะฆ่่าเจ้า แต่พวกเจาต้องระวังพื้นที่ต้องห้ามและอันตรายที่อยู่ภายในหุบเหว สนามรบด้วย “หยางหลาวพูดเตือน
“ภายในที่แห่งนั้นมีสมบัติล้ำค่ามหัศจรรย์ที่สามารถปลดปล่อยนายท่านจาก รูปแบบผนึกอสูร ได้ด้วย” โม่ต้วนหุนผู้ เงียบไปสักพัก เเล้วก็พูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองที่ฉื่อหยานราวกับกำลังคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่
หยางหลาว ดูมีท่าทางตกใจและประหลาดใจอย่างมากและจ้องไปที่ฉื่อหยาน
“อะไรนะ? แล้วมันเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหยานด้วยงั้นรึ? “หยางมู่ ยังร้องตะโกน
หยางหลาว และ โม่ต้วนหุน พยักหน้า
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 566 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ