บทที่ 22 ตระกูลฉื่อ
ณ สมาคมการค้า , ที่เมืองเทียนหยุน ในห้องหินของตระกูลฉื่อ
เป็น หยางไห่ ที่กำลังนั่งอุตุอยู่บนม้านั่งหิน , ด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาแคบลง เขากำลังตรวจสอบบัญชี ทีละหน้าๆและรายงานผลผลิตของเดือนที่ผ่านมาที่เหมืองหินของตระกูลชิแก่ ฉื่อเจี้ยน .
แม้ว่าฉื่อเจี้ยนจะอายุเจ็ดสิบแล้ว แต่เขากลับดูสุขภาพดีและแข็งแรง เขาเป็นหัวหน้าของตระกูลฉื่อ เขาในตอนนี้ใส่เพียงชุดธรรมดาที่เหมาะกับการต่อสู้เท่านั้น เขานั่งอยู่บนม้านั่งหินสีน้ำตาล ลักษณะท่าทางดูสงบและกำลังฟังหยางไห่ อย่างจริงจัง
หลังจากที่หยางไห่รายงานเสร็จ , ฉื่อเจี้ยนก็ขมวดคิ้ว และออกความเห็น ” เจ้าไห่ ผลผลิตในเดือนล่าสุดลดลงไป 20 เปอเซนต์ มันเกิดอะไรขึ้น ? “
” ทั้งหมดมันเป็นเพราะตระกูโม่และตระกูลหลิง ” หยางไห่ถอนหายใจ ” คนขุดเหมืองหลายคนถูกล่อลวงไป ด้วยเงินจำนวนมาก ตอนนี้เราขาด คนขุดเหมือง. เราอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เนื่องจากการต่อสู้ที่เป็นความลับกับทั้งสองตระกูล พวกคนขุดเหมืองกลัวว่าพวกเราจะพ่ายแพ้ให้กับพวกมันและพวกเขาก็ถูกเสนอเงินเดือนที่มากกว่าให้ ดังนั้น คนขุดเหมืองเหล่านั้น จึงหันไปเข้ากับพวกมัน”
” หึ ! ” ฉื่อเจี้ยนพ้นลมหายใจหึดหั่ด ” พวกมันจงใจทำแน่นอน ตั้งแต่โม่หยานหยู่และหลิงเชาเฟิงได้หมั้นหมายกัน , ทำให้ตระกูลโม่และตระกูลหลิงใกล้ชิดกันมากขึ้น ตระกูลหลิงได้เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ที่เป็นความลับของเรากับตระกูลโม่ พวกมันต้องทำสัญญาบางอย่างกันแน่ ไม่งั้นตระกูลโม่ไม่อาจต่อกรกับเราได้หลอก“
” นายท่าน เราจะตอบโต้กลับเมื่อใด ? ” หยาง ไห่ ถาม
” ไม่ต้องกังวลไป ข้ามีแผน ” ฉื่อเจี้ยน ดูมั่นใจ เขาพูดและขมวดคิ้ว “เจ้าหลานชั่วตัวน้อยของข้า ฉื่อหยานยังไม่กลับมาอีกรึ ? “
” ยังขอรับ แต่ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน ” หยางไห่ดูกระวนกระวายใจ ” เจ้าเด็กนั้นบอกว่าจะเข้าไปในป่าทมิฬ และนี่ก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้วตั้งแต่เขาออกจากบ้านไป ข้าได้รับข้อมูลมาเมื่อสองวันก่อนว่า โม่ช่าวเกอ และโม่หยานหยู่ก็อยู่ในป่าทมิฬเช่นกัน ข้ากลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขา และเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ น่าเศร้านักที่มารดาของเขาชิงตายไปก่อน และตอนนี้เขาก็ยังเด็กนัก ข้ากังวลใจจริงๆ . . . . . . . “
ฉื่อเจี้ยน ขมวดคิ้ว และเงียบไปเป็นเวลานานแล้ว เขาถอนหายใจ ” เจ้าเด็กนี่เกิดมาโดยไม่ได้รับสืบทอดจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อ และ เขายังไม่ชื่นชอบในวิชาการต่อสู้อีก แต่กลับไปหลงงมงายในเรื่องแปลกๆ และมักจะทำตัวโง่งมเสมอ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจข้าเป็นอย่างมาก ! “
” นายท่าน ทั้งหมดมันเป็นเพราะสายเลือดของข้า . ถ้าข้ามีจิตวิญญาณการต่อสู้หละก็ ชิงเอ๋อก็จะให้กำเนิดเด็กที่มีจิตวิญญานการต่อสู้ได้ ” หยางไห่ พูดอย่างอับอาย
” มันช่างเป็นเคราะห์กรรมที่โชคร้ายนัก ” ฉื่อเจี้ยน ส่ายหัว ” ฮ้ายย ข้าได้พบเจ้าที่มหาสมุทรไร้สิ้น แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของข้า แต่ข้าก็ถือว่าเจ้าเป็นลูกชายของข้าเอง และ ข้าคงไม่หมั้นลูกชิงกับใครถ้าคนๆนั้นไม่ใช่เจ้า ถึงแม้เจ้าไม่ได้ครอบครองจิตวิญญานต่อสู้ หรือฝึกฝนวิชา แต่เจ้ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาตระกูลฉื่อและการจัดการเหมืองของเราได้อย่างดี เราจะไม่สามารถมั่งคั่งได้ ถ้าเกิดไม่มีเจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิชาต่อสู้ แต่เจ้าก็มีส่วนมากมายที่ทำให้ตระกูลฉื่อรุ่งเรือง “
” แต่ทุกวันนี้ นักรบที่แข็งแกร่งนั้นคุณค่ามากยิ่งกว่าอะไร ” หยางไห่ยิ้มเย้ยหยันตัวเอง ” ถ้าข้ามีจิตวิญญาณการต่อสู้ ข้าจะต้องฝึกวิชาการต่อสู้แน่ และ หากฉื่อหยานได้รับสืบทอดการจิตวิญญานกายาแข็งจากจากมารดาของเขาหละก็ เขาก็คงสามารถที่จะฝึกมันได้เช่นกัน แต่จิตวิญญาณการต่อสู้จะได้รับเมื่อเกิดมาเท่านั้น . . . . . . . “
ฉื่อเจี้ยน พยักหน้าแล้วถอนหายใจ ” ถูกต้อง นั่นเป็นความจริง นักรบที่แข็งแกร่งนั้นมีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งใด “
” ท่านหัวหน้าตระกูล,เจ้าเด็กนั้นจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ ?” ช่วยไม่ได้ที่หยางไห่จะเป็นห่วง
” เขาจะไม่ได้รับอันตรายอันใดหลอก . ” ฉื่อเจี้ยน คิดสักพัก และพูดเพิ่ม ” เจ้าหลานชายของข้านั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้ และตระกูลโม่ก็ไม่รู้จักเขา ไม่ว่าจะโม่หยานหยู่ หรือ โม่ช่าวเกอ ต่างก็ไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะทำอันตรายกับเขาได้ “
” แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาน่าจะกลับมาได้ตั้งนานแล้ว “
” อืม ข้าจะบอกพวกทหารในเมืองเงียบสงัดให้ออกตามหาเขา เมืองเงียบสงัดนั้นอยู่ใกล้ๆป่าทมิฬ และเมื่อพวกเขาเจอฉื่อหยาน พวกเขาจะแจ้งให้เราทราบทันที ดังนั้น เจ้าอย่าได้กังวลไป “
” ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูล”
” ทำไมเจ้าต้องขอบคุณข้า ? ลูกชายของเจ้าก็เป็นหลานชายของข้าเช่นกัน” ฉื่อเจี้ยน ถลึงตามองเขา และก็ดุด่า ” ข้าบอกเจ้ากี่หนแล้ว ? อย่าเรียกข้าว่าหัวหน้าตระกูล ให้เรียกข้าว่าพ่อบุญธรรม หรือเรียกว่าท่านพ่อก็ได้ เจ้าจะเรียกข้าอย่างใดก็ได้ แต่อย่าเรีบกว่าท่านหัวหน้าตระกูล”
” ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ “
” เยี่ยม ! ” .
. . . . .
ค่ำคืนในป้าทมิฬที่เงียบงัน
ลั่วฮ่าว ยังคงยืนอยู่ พร้อมกับ ปลดปล่อยสนามแรงโน้มถ่วงออกมารอบตัว ทำให้ผู่ที่อยู่รอบๆยากที่จะหายใจ
ฉื่อหยาน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อในขณะที่เขาพุ่งไปในอากาศและกระโดดไปรอบ ๆ ลั่วฮ่าว . เส้นเลืออดสีฟ้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าและลำคอของเขามันสั่นไปมาเหมือนกับงู
ในสนามหญ้า มู่หยู่เตี๋ยกำลังจ้องมองพวกเขาอย่างลับๆ พลางหยิบเส้นฟางมากัดเล่น
” คิดว่าวันนี้เขาจะทนได้นานแค่ไหน ?” ตี่ย่าหลาน ถามขณะที่นางเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆนาง
” ท่านเสร็จงานของม่านในวันนี้แล้วรึ ? ” มู่หยู่เตี๋ย หัวเราะโดยไม่ตอบนาง
จ้าวชินเดินเข้ามา ” อสรพิษเขาเงิน สองตัวรอบๆต้นไม้ช่างอันตรายจริงๆ หากข้าไม่ได้สังเกตเห็นมัน ข้าคงโดนมันฉกไปแล้ว และถ้าข้าไม่รวดเร็วพอ ข้าเองคงตายไปแล้วเช่นกัน “
ตี่ย่าหลาน ยังคงดูตกใจ นางพูดอย่างหงุดหงิด ” หลายวันมานี้เราพบสัตว์ปีศาจมากขึ้น เราต้องระวังให้มากนัก ในช่วงสามวันที่ผ่านมาเราพบเจอกับสัตว์อสูรเป็นจำนวนห้ากลุ่ม พวกมันจะเคลื่อนไหวเฉพาะในเวลากลางคืน ข้าน่าจะพาเจ้าไปกับข้าบ้างนะ ดีกว่าจะมาแอบมองอยู่อย่างนี้ หรือเจ้าชอบที่จะแอบดูเช่นนี้กัน .
” นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะท่านบอกข้าใช่ไหม ? ” มู่หยู่เตี๋ยหัวเราะคิกคัก .
” อ๊ะ ในที่สุดเจ้าก็ตอบข้า ! ” ตี่ย่าหลาน พูดอย่างไม่ปิดบัง ” เขานี่มันจริงๆเลย เขาทำลายขีดจำกัดของตัวเองทุกๆ 3 วัน , และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าข้าจะอยู่ในนภาที่3ของระดับก่อตั้ง ก็ตามเหอะ แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะเผชิญสนามแรงโน้มถ่วง 5 เท่าของลุงลั่วหลอกนะ . เจ้านี่เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง ทุกครั้งเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะสลบไป โง่เง่ายิ่งนัก ! โง่เง่ายิ่งนัก ! “
” ความอดทนของเขานั้นมีมากมายนัก ” มู่หยู่เตี๋ยส่ายหน้าช้าๆ ปรากฏประกายแสงในดวงตาของนาง
” ถูกต้อง และเขายังสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ในเวลาอันสั้นอีกด้วย ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ! เขาอยู่เพียงนภาแรกของระดับก่อตั้งเอง แต่กลับมีความสามารถในการฟื้นตัวที่เหลือเชื่อ ” ตี่ย่าหลานรู้สับสนเป็นอย่างมาก
” เจ้านี่ . . . . . . . ช่างมีความลับมากมายนัก . . . . . . . ” มู่หยู่เตี๋ยคิดสักพัก แล้วพึมพำว่า ” ข้าไม่เคยเห็นใครตะกระตะกรามมากกว่าเขามาก่อน ! เขาเกือบจะกินอาหารสำหรับสามวันของเรา ตอนนี้ข้ากังวลเกี่ยวกับอาหารของเรานัก เขาเป็นถังข้าวสารโดยแท้ ” [TL. ถังข้าวสารเป็นคำแสลงของจีน แปลว่าคนที่ไม่ทำประโยชน์อะไร แต่กลับกินอาหารมากกว่าคนอื่น]
ตี่ย่าหลาน หัวเราะ ” แต่เขามักจะพูดเรื่องตลกให้เราฟังนะ ! เขามักจะพูดคุยให้พวกเราสบายใจ และเขาเองก็ยังมีความคิดใหม่ๆมากมายที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนมาพูดให้ฟังอีกด้วย เขาบอก กษัตริย์ที่ดีต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนและพ่อค้า ถึงจะสามารถครองราชได้ ยังมีบทกลอนและคำพูดประชดประชันอีก ข้านั้นสับสนจริงๆ ทำไมเด็กน้อย อายุ 17 ปี ถึงเต็มไปด้วยสิ่งแปลกๆมากมายนัก “
” และเจ้าหนุ่มผู้อายุ 17ปีนี้ ทุกครั้งที่เขามองมาดูราวกับว่าเขาต้องการจะกลืนกินเราด้วยความราคะอยู่ตลอด ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีแววตาเช่นนี้มาก่อน เลว ! ชั่วช้านัก ! ” มู่หยู่เตี๋ยบดฟันของนาง และนางทำท่าเหมือนจะพุ่งออกไป , ” ข้าจะให้เจ้าเห็น ว่าข้านั้นทำอะไรได้บ้าง ! “
” เช่นนั้นก็ได้ แต้ก็จนกว่าจิตวิญญานต่อสู้ของเจ้าจะกลับมาละนะ ฮ่าๆ อะไรกันเจ้าคิดว่าการที่เขามองเราด้วยสายตาเช่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่รึ ? เราก็ไม่ได้เสียหายอะไรหนิ นอกจากนี้ เป็นจ้าวชิน และหู้หลงเองตางหากที่ขี้ขลาด พวกเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้มองไปที่ก้นของข้าเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าข้า ข้าเกลียดพวกเขายิ่งนัก ! เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าชื่นชอบเขามากกว่า ” ตี่ย่าหลาน หัวเราะเสียงดัง
” ท่านออกรับแทนเขางั้นรึ ? ” มู่หยู่เตี๋ยแสยะยิ้ม ” เขายังเด็กอยู่ ท่านอย่าได้ไปล่อลวงเขาเสียหละ “
” เจ้าเห็นเขาเป็นเด็กงั้นรึ ? ” ตี่ย่าหลาน ลดเสียงของนาง ” ข้าเดาว่าเขาแก่กว่าเจ้าเสียอีก บางทีเขาอาจจะใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อให้ตัวเองดูเด็กลงก็เป็นได้ ! บางทีอาจจะเป็นวิชาลึกลับ . . . . . “
” เป็นไปได้ . ดูเหมือนว่าเราจะต้องระวังเขาให้มากขึ้นแล้ว ” มู่หยู่เตี๋ยครุ่นคิดแล้วพยักหน้าช้าๆ
. . . . .
” ปัง ! “
ฉื่อหยาน นั่งอยู่กับพื้นบนแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขารู้สึกเหนื่อยจริงๆ เขาถามด้วยหอบ ” ผ่านมากี่รอบแล้ว ?
” สิบห้า ” ลั่วฮ่าว ตอบกลับด้วยใบหน้าซับซ้อน ” เจ้ากระโดดและกลิ้งไปมา ในรอบที่สิบห้า ซึ่งนั่นทำให้เจ้าได้รับความกดดันมากขึ้นอย่างมาก เจ้าหนุ่ม เจ้าทนได้ . . . . . . . จริงๆรึ ? “
” แน่นอน ไม่เชื่อท่านรอดูข้าในวันพรุ้งนี้ได้เลย ” ฉื่อเหยียน คิดว่าการแสดงให้เห็นเลยจะดีกว่าการพูด
ในสามวันที่ผ่านมาเขาได้ฝึกฝน [ แผลงฤทธิ์ ] อยู่ตลอดเมื่อเขามีเวลาว่าง
หลังจากผ่านการฝึกที่ยากลําบาก , เส้นชีพจรในหน้าอกและเอวได้ของเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังงานเชิงลบออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนั่นทำให้เขาสนใจมันเป็นอย่างมาก
เขาสามารถฝึกฝนทุกส่วนของร่างกายของเขาอยากหนักได้ แต่ส่วนที่ฝึกยากที่สุดก็ คือ สมอง ของเขา . . . . . . .
ตอนกลางคืน เขาจะขอร้อง ลั่วฮ่าว ให้ใช้สนามแรงโน้มถ่วง 5 เท่า แล้วเขาก็ฝึกฝนกายาเหล็กของเขาภายใต้ความกดดันที่มหาศาล
3 วันผ่านไป ในเวลาสั้นๆเพียง 3 วัน เขาก็ทำลายขีดจำกัดของเขาจากสิบเอ็ดรอบเป็น 15 รอบ ในขณะที่เคลื่อนไหวไปรอบ เขายังเพิ่มความแข็งของตัวเอง ด้วยการกระโดดแทนเพื่อให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม
โดยระหว่างการฝึกฝนที่ยากลำบากนี้ เขาพบว่าร่างกายของเขากลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าก่อน มือ เท้า กระดูก กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในทั้งหมดที่แข็งแกร่งขึ้น ทุกๆ เช้า เมื่อเขาตื่นขึ้นมาหลังจากฝึกฝน ร่างกายของเขาจะระเบิดพลังออกมา และเขาสามารถกระโดดไปได้ไกลหลายเมตรและสูงกว่าเดิม เมื่อเขาอยู่ในแรงโน้มถ่วงที่ปกติ มือและเท้าของเขากลายเป็นคล่องตัวมากขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นทุกๆวันอย่างชัดเจน ดังนั้นเขายังคงฝึกฝน และทำลายขีดจำกัดของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เขาฝึกกายาเหล็กด้วยตัวเองในวิธีที่ยากเย็นแสนเข็ญ ความสามารถของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พลังปราณลึกลับของเขาเองก็ควบแน่นเร็วขึ้นเช่นกัน
” อัวววว ! อัววว ! ” เสียงแปลกๆดังมาจากที่ห่างไกล
ลั่วฮ่าว ใบหน้าเริ่มซีดและร้องว่า ” มันเป็นสัตว์อสูร ระดับ 4 อสรพิษอัคคี ! อสรพิษอัคคี รับมือได้ยากมาก ปกติพวกมันไม่ได้ออกล่าในเวลากลางคืน ต้องมีใครสักคนไปลังความมันเป็นแน่ “
” ลุงลั่ว ! ” จ้าวฉินและหู้หลง รีบมาดูอย่างกังวล
” มีกองกำลังนักรบกำลังล่า อสรพิษอัคคีอยู่ และใกล้เข้ามาหาเราเรื่อยๆ นักรบพวกนั่นต้องเป็นคนที่ทำให้อสรพิษอัคคีพิโรธเป็นแน่ ! ” จ้าวชินกำลังสติแตก
” บัดซบ ! ” ลั่วฮ่าว ดึงดาบใหญ่บนไหล่ของเขาและกล่าวว่า ” ปกป้อง เตี๋ยเอ๋อสะ ! ” แล้วเขาก็วิ่งออกไป
ฉื่อหยาน ที่กำลังอดทนกับความเจ็บปวด ก็ลุกขึ้นนั่งทันที และเริ่มโคจรพลังปราณลึกลับของเขา ดวงตาของเขาสว่างและเย็นใจ เขาเงียบและจ้องมองไปในทิศทางที่ ลั่วฮ่าว พุ่งไป .
––––––––––––––––––––––––
ปล. ลงอีกที วันที่ 10/2/2560 จ้าา ตอนนี้เรามีกลุ่มลับแล้วนะ ติดตามข้อมูลได้ที่เพจเลยครับ ในกลุ่มลับจะลงวันละ 2 ตอน !!
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ