เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 223 หุบเหวแห่งสนามรบ

บทที่ 223 หุบเหวแห่งสนามรบ

 

สถานที่โบราณถูกทิ้งให้รกร้าง ท้องฟ้าสีเทาปกคลุมไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ธรรมชาติโดยรอบแห้งแล้ง

 

ประตูสวรรค์ลอยตัวอยู่บนยอดเขาที่มีลักษณะราบเหมือนกระจกสะท้อนเงา

 

ฉื่อหยานยืนอยู่บนยอดเขานั้นขณะที่มองไปรอบๆ เขาพบว่าบรรยากาศรอบตัวของเขา ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีเทา จิตสำนึกของเขาถูกปิดกั้นโดยเมฆสีเทา และมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสัมพัสได้ถึงสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป

 

เมื่อมองไกลออกไปข้างหน้า จะเห็นหลุมอุกกาบาตลึกขนาดใหญ่มหึมา

 

แม่น้ำทั้งสายเหือดแห้ง ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต สถานที่แห่งนี้ช่างเป็นดินแดนดูแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา

 

“ที่นี่แหละ หุบเหวแห่งสนามรบ” หลี่เฟิงเกอพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ไร้ซึ่งแสงจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ธรรมชาติอันแห้งแล้งนี้ไม่เหมาะสำหรับฝึกฝนของเหล่านักรบ ในสมัยโบราณสถานที่แห่งนี้เป็นสนามรบ นักรบโบราณที่ทรงอำนาจและเก่งกาจหลายคนเคยอยู่ที่นี่ พวกเขาทิ้งสมบัติลึกลับไว้ที่นี้จำนวนมาก และมีวิชาอาคมมากมายในหุบเหวแห่งสนามรบนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหาสมบัติเหล่านั้นพบ”

 

“ตั้งแต่ช่วงเวลาที่มีการสู้รบขึ้น นักรบจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุดมากมายถูกฝังอยู่ที่นี่ มันทำให้นักรบจำนวนมากที่มาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติเหล่านั้น เก้าในสิบคนไม่สามารถกลับออกมาจากที่นี่ได้ เวลานี้การเดินทางของเราเพื่อมาที่หุบเหวแห่งสนามรบนี้ ไม่ได้มาเพื่อจะหาสมบัติ แต่เพื่อการอยู่รอด “หยางมู่พูดอย่างผ่าเผย

 

“ข้าเคยมาที่นี่ ดังนั้นข้าจะพาพวกเจ้าไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัย ลองมองไปที่ทิศทางนั้นสิเมฆสีเทาหนาทึบ ที่นั่นมีพระราชวังเก่าอยู่ ภายในพระราชวังมีกับดักที่ถูกปลดไปแล้ว

พวกเราสามารถอยู่ที่นั้นได้” หลี่เฟิงเก้อชี้ไปทิศดังกล่าวอย่างแผวเบาว่า “ตามข้ามา อย่างน้อยก็ไม่มีอันตรายใดๆก่อนที่เราจะไปถึงที่นั้น”

 

หยางมู่พยักหน้าตอบรับ “ใช่ เราจะจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ระหว่างทาง เพื่อให้เจ้าพวกที่ต้องการฆ่าเรา รู้ทิศทางของเรา”

 

“ไม่มีปัญหา” หลี่เฟิงเกอหัวเราะพร้อมกับเหลือบมองไปที่ฉื่อหยาน “ฉื่อหยานเจ้าเป็นคนเถรตรง ในที่แห่งนี้ อืมมมมม เจ้าควรจะเชื่อฟังคำกล่าวของลุงเจียงดีกว่า ลุงเจียงมีความชำนาญในเรื่องการกำจัดอุปสรรคและกับดัก รู้เส้นทางบางสายเพื่อให้เจ้าสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้”

 

ฉื่อหยานหยักหน้าช้าๆอย่างไม่สนใจ

 

“เสี่ยวหยาน นี่คือแหวนเวทมนต์ในนั้นมีทั้งอาหาร,น้ำ,เเละเม็ดยาฟื้นฟูที่สามารถช่วยให้เจ้าฟื้นฟูพลังปราณลึกลับได้อย่างรวดเร็ว” หยางมู่ ส่งวงแหวนสีเขียว “ภายในหุบเหวแห่งสนามรบ เป็นสถานที่แห้งแร้งยากที่จะหาอาหารและน้ำ กลิ่นอายธรรมชาติภายในที่นี้เองก็บางเบาเป็นอย่างมาก หากเจ้าสูญเสียพลังปราณลึกลับมากเกินไป มันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่เจ้าจะฟื้นคืนมันกลับมา มีเม็ดยาฟื้นฟูอบู่หนึ่งร้อยเม็ด ด้วยเม็ดยาฟื้นฟูเหล่านี้มันจะช่วยให้เจ้าฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็วหลังจากต่อสู้”

 

ฉื่อหยานรับแหวนเวทมนต์มา และเมื่อเขามองไปข้างในนั้น เขาค้นพบว่า ภายในแหวนนั้นมี อีกมิติหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ และมีบ้านหลังใหญ่อยู่ข้างใน ภายในนั้นมีอาหาร น้ำและเม็ดยาฟื้นฟู อยู่ข้างใน

 

“แหวนเวทมนต์สามารถจัดเก็บสิ่งของได้ และแหวนวงนี้มีมูลค่าเท่ากับผลึกล้ำลึกสูงสุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด และมีเพียงเเค่นักหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้นที่สามารถหลอมมันขึ้นมาได้ ดังนั้นจงอย่าทำหายละ” หยางมู่ ยิ้ม

 

ฉื่อหยาน พยักหน้า

 

” และนอกจากนี้ ยังมีหินสื่อสาร การใช้งานหินนั้นง่ายมาก เพียงแค่เจ้าถ่ายทอดพลังปราณลึกลับของเจ้าเข้าไปแล้วพูดใส่มันแล้วเรก็จะได้ยินสิ่งที่เจ้าต้องการที่จะพูดจากในหินสื่อสาร” หยางมู่ได้อธิบาย อย่างต่อเนื่อง “ภายในหุบเหวแห่งสนามรบ มีข้อจำกัดที่แปลกประหลาดมากมาย หากเราไม่ระมัดระวัง เราอาจจะถูกแยกออกจากกันได้ หินสื่อสารนี้มีไว้เพื่อให้เราติดต่อกันถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เรายังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้”

 

“เข้าใจแล้ว” เขาคว้าหินมาและส่งพลังปราณลึกลับเข้าไปในนั้นหินสื่อสาร หินสื่อสารก็ได้ส่องประกายแสงสีขาวออกมาทันที และเหมือนว่าจะมีเสียงออกมาจกข้างในหินสื่อสาร

 

“ฉื่อหยาน เจ้าคนโรคจิต! ”

 

เสียงอันไพเราะและหนักแน่นดังออกมาจากหิน เสียงนี้ชัดเจนว่าคือเสียงของหลีเฟิงเกอ ที่อยู่ด้านหน้า ทำให้ ฉื่อหยาน ประหลาดใจ

 

“ฮี่ ฮี่ มันเป็นน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ?”หลีเฟิงเกอที่ยืนอยู่ห่างกว่าร้อยเมตร ส่งยิ้มมาให้ นางยังได้ถือหินสื่อสารและโบกไปยังทางฉื่อหยาน

 

ฉื่อหยาน ส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดว่า: “ครั้งหน้าอย่าได้ตะโกนเสียงดังอีก ข้าเป็นคนขี้ตกใจ”

 

“ไปกันเถอะ พวกเราจะตามเฟิงเกอไปก่อน เมื่อเราไปถึงพระราชวังนั้นเราก็จะปลอดภัยทันที” หยางมู่ยิ้มและคิดสักครู่ เขาใช้มือของเขาเขียนเป็นสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกแก่คนที่ตามเขามา ,“ เราจะไปทางนี้กัน ถ้าเจ้ากล้าก็ตามมา……… จาก หยางมู่”

 

ฉื่อหยาน มองไปที่เส้นทางที่นั้นและไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเขาหวังไว้จริงๆว่ากู่หลินหลงและคนอื่นๆจะไล่ตามเขามา

 

เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องมีความเข้าใจบางอย่างมากกว่านี้เสีย ก่อนเขาจึงจะสามารถบรรลุเข้าสู่ระดับปฐพีได้ได้ ในมุมมองของเขา “กู่หลินหลง, พานโจว และคนอื่น ๆ เป็นเหมือนกับยาที่ล้ำค่าซึ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและยังเป็นเหมือนก้อนหินที่ลับตัวเขาให้แหลมคมขึ้น ผ่านคนเหล่านี้บางทีเขาอาจจะสามารถเข้าใจและบรรลุเข้าสู่ระดับปฐพีได้

 

เขานั้นไม่กลัวนักรบคนใดหรือกลัวการไล่ล่าของกู่หลินหลงและคนอื่นๆเลย เขากลับตื่นเต้นที่จะต่อสู้กับคนเหล่านั้นแทน

 

หลี่เฟิงเก้อ กลายเป็นผู้นำและนำกลุ่มนักรบที่อยู่ยอดเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีเมฆสีเทาหนา หยางมู่, หยางเค่อ และ หยางซู่ และ ฉื่อหยาน คอยรั้งท้ายเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

 

ในไม่ช้าได้กลุ่มนักรบทีละกลุ่มก็ได้ลงมาจากยอดเขา และเขาก็มองกลับไปที่ประตูสวรรค์ที่อยู่ในที่ยอดเขาแล้วฉื่อหยาน ก็ได้กล่าวว่า “ถ้าพวกเราจำเป็นต้องกลับไปเราต้องย้อนกลับมาที่นี่รึ?”

 

“ใช่ ประตูสวรรค์ในนี่มีความสว่างเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงสามารถมองเห็นประตูสวรรค์ได้จากที่ห่างไกลอย่างชัดเจน ภายในหุบเหวแห่งสนามรบ ไม่มีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดาวใดๆเลยสักดวง ดังนั้นแสงจากประตูสวรรค์นี้ เป็นแสงที่นำทางของเรา ปกติเราสามารถมองเห็นแสงภายในรัศมีร้อยเมตรได้ ถ้าเราจำทิศทางได้ก็ไม่ยากเกินไป “หลี่เฟิงเก้อ ได้หยุดและอธิบายกับฝูงชน

 

ฉื่อหยาน ได้ พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ได้ตามหลังหลีเฟิงเกอไปอย่างเงียบ ๆ เขาส่งจิตสำนึกเข้าไปในแหวนสายโลหิต และแสดงความรู้สึกเป็นมิตรและอ่อนโยนไปที่แกนเพลิง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแกนเพลิง

 

ในช่วงเวลาที่เขาต่อสู้กับ กู่หลินหลง ถ้าแกนเพลิง ไม่ได้ปลดปล่อยพลังไฟออกมาโดยทันทีเขาก็คงจะไม่สามารถกำจัดพลังของดาบทั้งเจ็ดที่เข้ามาในร่างของเขาได้ ด้วยความช่วยเหลือจาก แกนเพลิง ในช่วงเวลาที่วิกฤติจริงๆ ทำให้เขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากมากและความรู้สึกดีๆที่เขามีต่อแกนเพลิงก็มากขึ้นเช่นกัน

 

ภายในแหวนสายโลหิต หลังจากได้หยอกเล่นกับแกนเพลิง, ฉื่อหยาน ก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่ออกมาจาก แกนเพลิง

 

การรู้สึกถึงของการมาของฉื่อหยาน แกนเพลิง มีความสุขมากมันได้ใช้จิตสำนึกของมันในการพัวพันกับจิตสำนึกของ ฉื่อหยาน และกอดรัดเขาไว้แน่นเหมือนกับกับเด็กที่ดีใจเมื่อได้เมื่อได้เห็นพ่อแม่ของพวกเขากลับมา

 

ประกายแสงส่องออกมาจากวิญญานของแกรเพลิง ฉื่อหยาน เห็นได้ชัดว่าวิญญาณของ แกนเพลิง ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปดูเหมือนว่ามันจะมีสติปัญญาและความฉลาดมากขึ้น และมีพลังเพิ่มมากขึ้น

 

ราวกับว่าอีกไม่นานนี้ในอนาคตวิวัฒนาการเป็นเปลวไฟนภาของ มันจะเสร็จสมบูรณ์และมันจะสามารถสร้างจิตสำนึกได้อย่างสมบูรณ์

 

การวิวัฒนาการของ แกนเพลิง นั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายตราบเท่าที่รูปแบบชีวิตของมันก่อตัวขึ้น แกนเพลิงก็จะสามารถเรียกได้ว่าเป็น เปลวไฟนภา ที่มีความสามารถที่ทรงพลังมากขึ้นและมีสติปัญญามากขึ้น

 

หลังจากที่หยอกล้อกับแกนเพลิง ฉื่อหยานก็ดึงจิตสำนึกของเขากลับมาและพูดคุยกับ เปลวเหมันเยือกแข็ง ว่า “ข้ามาถึงยัง หุบเหวแห่งสนามรบ แล้ว”

 

“อะไรนะ หุบเหวแห่งสนามรบ?” เปลวเหมันเยือกแข็ง ตอบทันที “เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่? ที่นี่เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ด้วยการฝึกฝนในยุคปัจจุบันของเจ้า เจ้าจะต้องตายในหุบเหวแห่งสนามรบ แน่นอน ภายใน หุบเหวแห่งสนามรบ , กลิ่นอายธรรมชาตินั้นบางเบาเป็นอย่างมาก และยังไม่เหมาะแก่การฝึกฝนของเจ้าด้วย แล้วทำไมเจ้าถึงได้มาที่นี่กัน?

 

“ไม่จริง ” เปลวเหมันเยือกแข็งคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง “ข้าไม่เคยมาที่นี่ก่อนเลย ดังนั้นข้าจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหุบเหวแห่งสนามรบมากนัก แต่ข้าก็พอมีความทรงจำของคนที่เคยมายังหุบเหวแห่งสนามรบอยู่น้อยนิด ความทรงจำในส่วนลึกสุดของหุบเหวแห่งสนามรบ ข้าก็ได้มาจากนักรบในระดับพระเจ้า เขานั้นได้ติดกับดักและถูกผนึกเป็นเวลาสามร้อยปี เขาเกือบจะตายอยู่ที่นั่น หลังจากที่เขาออกมาจากผนึกได้ เขาก็จากหุบเหวแห่งสนามรบไปทันทีโดยไม่ได้รับสิ่งใดจากที่นี่เลย ดังนั้น ข้าจึงรู้จักสถานที่แห่งนี้น้อยเป็นอย่างมาก ”

 

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” ฉื่อหยาน พยักหน้า “ที่ข้ามา ก็เพราะว่าอาจจะมีเปลวไฟนภาอีกตนอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าสัมพัสถึงมันได้ อย่าได้ลืมบอกข้าทันที”

 

“เปลวไฟนภาอีกตนรึ ?” เปลวเหมันเยือกแข็งก็ตื่นเต้นเล็กน้อย “ระดับเช่นข้าด้วย น่าสนใจจริงๆ เวลานี้ข้าจะได้พบกับตัวตนระดับเดียวกับข้าแล้วสินะ หวังว่าข้าจะได้พบกับมันที่นี่นะ”

 

“เจ้าอยากที่จะพบกับมันงั้นรึ?”

 

“แน่นอน องค์ประกอบของมันอาจเหมือนกับข้าและเราก็อาจจะสามารถพัฒนาไปพร้อมกันได้ อืม แต่นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่มันจะกินข้าเช่นกัน เปลวไฟนภาส่วนมากเราจะสามารถกินกันเองได้ เมื่อถูกลืนกินอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่ชนะจะได้รับพลังมากขึ้นและมีสติปัญญามากขึ้น ”

 

“พลังของเจ้านั้นถูกผนึกอยู่โดยแหวนสายโลหิต ดังนั้นถ้าเราได้บังเอิญไปเจอ เปลวไฟนภาอีกตน เจ้าจะต้องแย่แน่นอน”

 

“นั่นก็ใช่ แต้ถ้ามันกล้าที่จะเข้ามาในแหวนสายโลหิต มันอาจจะถูกผนึกโดยแหวนสายโลหิตก็ได้ แหวนของเจ้านี่ช่างลึกลับเสียจริง มันสามารถผนึกสิ่งมีชีวิตเช่นเราได้ มันผนึกข้าได้ ดังนั้น เปลวไฟนภาตนอื่นก็คงไม่รอดเหมือนข้าแน่นอน ”

 

ฉื่อหยานก็ตกใจ

 

ตอนนั้นเอง ประตูสวรรค์ใน หุบเหวแห่งสนามรบก็ได้เกิดประกายแสงขึ้น

 

พานโจว, ฉาวจื่อหลาน, กู่หลินหลง ,เซี่ยกุ่ย และนักรบระดับปฐพีอีกนับร้อยก็ ได้ทยอยเดินออกมาจากประตูสวรรค์ทีละคนทีละคน

 

“ลองเงยขึ้นไปดูท้องฟ้าสีเทานั่นสิ” พานโจว มองอย่างจริงจังตะได้โกนเบาๆว่า : “ในที่สุดเราก็มาถึง”

 

“เราจะมุ่งหน้าไปทางนี้กัน ตามมาถ้าเจ้ากล้าพอ…..หยางมู่”เซี่ยกุ่ย สีหน้าบูดบึ้งเมื่อได้อ่านข้อความที่เขียนอยู่บนพื้น เขาหัวเราะเยาะ “ ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังแสวงหาความตายกันอยู่นะ พวกนั้นกล้าที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ตระกูลหยางนี่ช่างหยิ่งพยองจริงๆ”

 

“เยี่ยมเลย” กู่หลินหลงพูดพร้อมกัดฟันของนาง “ ดูเหมือนว่าเราจะไม่ต้องตามหาพวกนั้นเเล้วละ สัตว์อสูรพวกนั้นไม่สามารถเข้ามาข้างในของหุบเหวแห่งสนามรบได้ ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่า ตระกูลหยางจะสามารถหลบหนีพวกเราไปได้อย่างไร”

 

” ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องไปกลัวหยางมู่กับพวกของมัน ตราบใดก็ตามที่พวกเราไล่ตามหลังพวกมันทัน เท่านี้พวกมันก็ไม่สามารถหลบหนีได้เราไปได้แน่นอน” พานโจวได้กล่าวเรียกขวัญกำลังใจให้ทุกคน ” แต่ภายในหุบเหวแห่งสนามรบมีอุปสรรคและกับดักมากมายที่เป็นอันตราย ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องระมัดระวังไว้ให้มาก และอย่าได้ติดกับดักเด็ดขาด ”

 

“ตราบเท่าที่พวกเจ้าติดตามข้ามา ข้ารับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน” ฉาวจื่อหลาน ยิ้มแบบไม่เยแส “จิตวิญญานต่อสู้ ของข้ามีความได้เปรียบมากที่สุดในหุบเหวแห่งสนามรบไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคใดๆก็ตาม อุปสรรคและกับดักต่างๆนั้นจำเป็นจะต้องมีแหล่งพลัง ดังนั้นด้วยจิตวิญญานของข้า ข้าสามารถรู้ตำแหน่งของอุปสรรคและกับดักเหล่านั้นได้ หากตามข้ามา มั่นใจได้เลยว่าพวกเจ้าจะไม่ติดกับดักหรือหลงอยู่ในอุปสรรคเหล่านั้นแน่นอน ”

 

หลังจากที่นางได้กล่าว เหล่านักรบทุกคนรู้สึกโล่งใจ

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 14 แล้ว มีถึงตอนที่ 611 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset