บทที่ 226 เจ้าไปก่อนเลย !
ฉาวจื่อหลาน ยืนอยู่เงียบๆภายนอกพระราชวัง นางไม่ได้วิ่งเข้าไป นางเพียงแค่อมยิ้มแล้วมองไปที่ฉื่อหยานที่โผล่หัวออกมาจากหลังเสาหิน . ด้วยสายตาของนางที่เต็มไปด้วยความสงสัย
พานโลวและคนอื่นๆที่เหลือต่างก็มองไปที่ฉาวจื่อหลาน และยืนอยู่กับที่ พวกเขาไม่กล้าที่จะรีบร้อน และเข้าไปทันที พวกเขาเพียงแค่ปรากฏอยู่ข้างหลังของนาง
นักรบระดับปฐพีเกือบร้อยยืนเรียงกันและอยู่เบื้องหลังของพานโจว กู่หลินหลง , เซี่ยกุย และซูหยานซิง . เขามองไปยังพระราชวังทรุดโทรมด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่าง
” พวกเจ้าซ่อนตัวอยู่เพื่อที่จะซุ่มโจมตีเราใช่หรือไม่ ? ” ฉาวจื่อหลาน หัวเราะและส่ายหัวของนาง มือบางของนางยกขึ้นเล็กน้อย และลำแสงสีฟ้าก็ลอยออกมาจากนิ้วที่อ่อนโยนของยนางทั้ง มุ่งไปที่นักรบตระกูลหยาง ที่ซ่อนอยู่ภายในพระราชวังทรุกโทรม .
หยางมู่ และคนอื่นๆที่เหลือที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ต่างก็ประหลาดใจ ภายใต้แสงสีฟ้าสดใสที่โจมตีมา ทำให้พวกเขาต้องเคลื่อนไหวและเปิดเผยที่ซ่อนของพวกเขา
ฉื่อหยานการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หญิงสาวที่งดงามคนนี้ดูแล้วยากที่จะจัดการราวกับว่านางเป็นนักรบในระดับรู้แจ้ง ที่หุบเหวสนามรบแห่งนี้พลังวิญญานจะถูกปิดกั้นไว้และวิสัยทัศน์การมองเห็นเองก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ภายในหุบเหวสนามรบแห่งนี้ต่อให้เป็นนักรบระดับรู้แจ้งเอง ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตรอดในที่แห่งนี้
แต่หญิงสาวคนนี้ที่ยืนห่างจากพระราชวังไปห้าสิบเมตร ดูเหมือนว่าถ้าจะสามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง และชี้ไปยังนักรบตระกูลหยางที่หลบซ่อนอยู่ได้ ด้วยพลังของนางเพียงคนเดียว กลับสามารถทำลายแผนการของฉื่อหยานและคนอื่นๆได้
” พวกเจ้าไม่ต้องหลบซ่อน ถึงยังไงก้ไร้ประโยชน์ ข้านั้นรู้จุดที่พวกเจ้าหลบซ่อนอยู่ดี ” ฉาวจื่อหลาน ยิ้มและนางก็โบกมือของนาง และเส้นแสงก็ออกมามากขึ้น ทำให้นักรบตระกูลหยางท่าทีเปลี่ยนไปและปรากฏออกมา
พานโจว ยิ้มและก้าวไปข้างหน้า และยืนอยู่ข้างๆ ฉาวจื่อหลาน . เขาพยักหน้าไปที่หยางมู่ที่อยู่ไม่ไกล ” เราพบกันอีกครั้งแล้วนะ คราวนี้เจ้าไม่มีสัตว์อสูรเพื่อรับมือกับเรา ข้าหละอยากรู้จริงๆว่าเจ้ายังจะสามารถหนีรอดไปได้อีกไหม ”
” ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันพวกเจ้าเป็นคนหนีหางจุกตูดไปไม่ใช่รึ ? ไม่ใช่เรา ” หยางมู่ดูแสดงท่าทีหยอกล้อ เขาเกาหัวและมองไปที่หยางเค่อ ” ข้าพูดถูกไหม ? ไม่ใช่เราเสียหน่อยที่กระโดดลงไปในทะเล ”
หยางเค่อหัวเราะอย่างเย็นชา ” ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่ , ท่านอาจจะจำผิดก็ได้ พวกเขาอาจจะแค่ดูเหมือนพวกคนก่อนหน้าก็เท่านั้น ” .
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนเยอะกว่าสองเท่า หยางมู่ และหยางเค่อกลับไม่ตกใจสัดนิด พวกเขายังคงพูดเยาะเย้น พานโจว อยู่ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอะไรเลย
พานโจว ซูหยานซิง และ กู่หลินหลง โดยทันทีการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
” หึ ! ที่ปรากฏตัวออกมาตอนนี้สมควรคือทั้งหมดแล้ว เท่านี้เพียงพอแล้วหรือไม่ ? ” ฉาวจื่อหลาน ยิ้ม นางหันหลังกลับ มองผ่านๆ ที่พานโจว และคนอื่นๆที่เหลือ แล้วพูดอย่างมั่นใจ ” เจ้าสามารถเข้าไปด้านในและทำสิ่งที่ต้องการได้ตามใจ ไม่ต้องห่วง จะไม่มีกับดักใดๆทำร้ายพวกเจ้าได้ . ”
แล้วฉาวจื่อหลาน ก็ผิวปาก
เสียงหวีดกระจายไกลเสียงดังออกไปรอบๆ , ทันทีที่เกิดเสียงขึ้น ร่างกายบอบบางของนางก็เหมือนกับสายฟ้าฟาดพุ่งไปยังฉื่อหยาน
ในเวลาเดียวกัน , คลื่นพลังสีฟ้าที่เป็นรูปวงแหวนก็ลอยออกมาจากร่างกายของนาง คลื่นสีฟ้าเหล่านี้เป็นเหมือนกับห่วง ทันทีมันก็พุ่งไปยังราชวัง โดยจุดมุ่งหมายของมันก็คือหลุมแรงโน้มถ่วงที่ฉื่อยหานสร้างขึ้นมา
ภายในคลื่นพลังสีฟ้าที่วง ดูเหมือนว่าจะมีพลังวิญญานของฉาวจื่อหลายอยู่ภายใน เมื่อวงแหวนคลื่นพลังสีฟ้าเหล่านี้เข้าไปภายในหลุมแรงโน้มถ่ว ทันทีคลื่นพลังสีฟ้าสดใสก็กระเพื่อมออกมา และแสงสีฟ้าทันทีก็กระจายไปทั่วหลุมแรงโน้มถ่วง
หลุมแรงที่ยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ ปรากฏขึ้นมาในสายตาด้วยแสงสีฟ้า
เมื่อ คลื่นพลังสีฟ้าเข้าไปในหลุมแรงโน้มถ่วง มันก็ปกคลุมและส่องแสงสีฟ้าออกมา โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากหลุมแรงโน้มถ่วง อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่หลุมแรงโน้มถ่วงมีแสงสีฟ้าส่องออกมา ทำให้พานโจวและคนอื่นๆที่เหลือรู้ว่านั่นคือกับดัก และพวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้
ฉาวจื่อหลาน ไม่ได้พูดเตือนพวกเขา แต่บอกตำแหน่งของมันด้วยแสงสีฟ้าแทน นั่นทำให้พานโจวและคนอื่นๆสามารถเห็นกับดักที่ฉื่อหยานสร้างขึ้นมาได้อย่างชัดเจน
หลุมแรงโน้มถ่วงตอนนี้กลายเป็นไร้ประโยชน์ไปแล้ว
” วู้วู้วู้ ! ”
ด้วยเสียงหวีด ฉาวจื่อหลานก็พุ่งไปยังฉื่อหยานเหมือนกับสายฟ้าฟาด ในช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียว ร่างบอบบางของนางก็ปรากฏอยู่ต่อหน้า ฉื่อหยาน
” ขอบเขตวิญญานนภา ! ”
ฉาวจื่อหลาน ตะโกนออกมา ,พร้อมกับมีแสง สีฟ้าที่เกิดจากพลังวิญญาณที่เข้มแข็งก็หล่นลงบนหัวของ ฉื่อหยาน
ขอบเขตวิญญานนภาเป็นวิชาระดับมนุษย์ โดยใช้พลังวิญญาณธรรมชาติสร้างเป็นรูปแบบปิดกั้นฝ่ายตรงข้ามไว้ ตราบใดที่พลังวิญญานยังคงอยู่ , รูปแบบ ขอบเขตวิญญานนภา ก็จะไม่หายไป
ด้วยวิชาขอบเขตวิญญานนภา ที่ใช้ออกมาโดย ฉาวจื่อหลาน ที่อยู่ในนภาที่สามของระดับปฐพี นางมั่นนั่นมั่นใจว่า แม้จะเป็นหยางมู่เอง ก็ไม่สามารถหนีรอดได้
” ช่างง่ายดายยิ่งนัก “ฉาวจื่อหลานหัวเราะออกมา นางมองไปที่ฉื่อหยานที่อยู่ในขอบเขตวิญญานนภา และส่ายหน้า ด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ” ข้าคิดว่าเจ้าจะมีบางอย่างที่สามารถทำได้เสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะคิดมากไป น่าเบื่อเสียจริง ”
” เจ้ากำลังบอกตัวเองอยู่รึไง ? ” ฉื่อหยานสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา
” หืม ? ” ฉาวจื่อหลาน ดวงตาที่สดใสก็สว่างขึ้น พร้อมกับที่นางมองไปยังฉื่อหยานที่อยู่นอกแสงสีฟ้าที่ปกคลุมด้วยความตื่นเต้น แล้วทันทีเมื่อนางมองไปยังแสงสีฟ้าที่ปกคลุมอยู่ นางก็พลันตระหนักว่าร่างของฉื่อหยานที่อยู่ในนั้น ก็ค่อยๆสลายและหายไปทีละนิด
” ร่างเงารึ ? ” ใบหน้าที่งดงามของฉาวจื่อหลาน ก็ยิ้มขึ้นมาและ นางก็พยักหน้า ” เจ้ามีวิชาบางอย่างสินะ ถึงไม่ถูกขังอยู่ทันที อืม ดีมาก ดี มาก นี้ค่อยน่าสนใจหน่อย ”
” หยางมู่ เจ้าหนีไม่รอดหลอก ! ” พานโจว ตะโกนออกมา พร้อมกับขสะบัดพัดขนนกในมือของเขา เขาเริ่มต่อสู้กับหยางมู่
นักรบระดับปฐพีก็เริ่มวิ่งเข้าไปในพระราชวังจากด้านนอก และทันทีก็เกิดการประทะขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขากระจายกันเป็นเส้นโค้งและล้อมรอบนักรบจากตระกูลหยางที่เข้ามาใกล้พวกเขา
หยางมู่ หยางเค่อ และคนอื่นๆ ก็เริ่มรับมือกับคู่ต่อสู้ของพวกเขา , และแอบถอยล่นอย่างเงียบๆ และตอนนั้นเอง พวกเขาก็เข้าไปใกล้ชิดกับพื้นที่ด้านหลังราชวังที่มีเมฆหนาทึบ
เมื่อฉาวจื่อหลาน ชี้จุดที่พวกเขาหลบซ่อนอยู่ได้ถูกต้อง หยางมู่ก็เตรียมถอยไว้แล้ว ในตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นเขาก็ได้ส่งสัญญานมือบางอย่างเพื่อบอกคนอื่นๆ เพื่อถอยเข้าไปยังรูปแบบฝนอุกกาบาตแล้ว
หลี่เฟิงเกอและส่วนที่เหลือทั้งหมดต่างก็รับรู้เรื่องนี้ดี พวกเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะสู้ตกตาย ด้วยสัญญานที่หยางมู่ส่งมา พวกเขาก็ค่อยๆเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้ด้านในขึ้นเรื่อยๆ
” พานโจว เจ้านั้นไม่สมควรจะเป็นศัตรูของข้าเลยสักนิด และ ตอนนี้มันก็ยังเป็นเหมือนเช่นเคย” หยางมู่หัวเราะเสียงดังออกมา ด้วยการแสดงออกที่กล้าหาญบนใบหน้าของเขา ด้วยนักรบมากมายที่ล้อมรอบอยู่ เขาก็ระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง ด้วยพลังที่ระเบิดออกมา คลื่นพลังของดาบยักษ์ก็กดทับไปที่พวกเขาเหมือนกับภูเขา เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้นักรบที่อยู่รอบๆรู้สึกเหมือนกับตกอยู่ในนรก
หยางมู่นั้นมีจิตวิญญานอมตะ เขาไม่ได้กลัวการบาดเจ็บสาหัสเลย เขาจงใจใช้ร่างกายของเขาแลกกับการถูกโจมตีเพื่อสังหารคนที่อยู่รอบๆ
ไม่นาน ก็มีบาดแผลมากมายปรากฏขึ้นบนร่างกายของหยางมู่ บาดแผลหลายแห่งลึกจนเห็นกระดูก มันดูรุนแรงมาก
ที่เป็นผลตอบแทนที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาเพียงแค่นี้ หยางมู่ก็ได้ฆ่านักรบในนภาแรกของระดับปฐพีไปสามคนแล้ว อีกทั้งนี้ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่เขาเผชิญกับการโจมตีพานโจวในเวลาเดียวกัน
หยางเค่อ หยางซู่ ก็ทำเช่นเดียวกันกับหยางมู่ พวกเขาอาศัยความกล้าหาญที่ไม่หวาดกลัวต่อการได้รับบาดเจ็บ และเมื่อพวกเขาต่อสู้กับศัตรู พวกเขามักจะไม่สนใจเกี่ยวกับบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างของพวกเขา พวกเขายอมฆ่าศัตรูโดยแลกกับบาดแผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
” ฉื่อหยาน ! ดูสิ ครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหนพ้น ? ” กู่หลินหลง ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา เพียงครู่เดียว ดาบเวทย์มน ก็บินผ่านอากาศออกมา ดาบเวทย์มนต์นี้มีรูปทรงสามเหลี่ยมสะท้องแสงอย่างแปลกประหลาด พร้อมกับมีบรรบากาศหนาวเย็นลอยออกมา
แววตาของฉื่อหยานยังคงสงบอยู่ เขาไม่ได้มองไปที่ดาบเวทย์มนต์น้ำแข็งที่พุ่งออกมาจากกู่หลินหลงเลย เขากลับจ้องไปที่ฉาวจื่อหลานแทน.
หลังจากนั้นฉาวจื่อหลาน นางก็ไม่ได้โจมตีอีกครั้งเลย แต่นางสังเกตสถานการณ์ในสนามรบด้วยความสนใจ นางมองไปยังพานโจวและคนอื่นๆที่ล้อมหยางมู่อยู่ และนางก็เริ่มสังเกตุเห็นว่านักรบตระกูลหยางกำลังค่อยๆหนีเข้าไปยังรูปแบบฝนอุกกาบาตทีละคน
ช่วงเวลาที่กู่หลินหลงใช้ดาบเวทมนต์น้ำแข็งโจมตีออกมา ฉื่อหยานทันทีก็รู้ได้ถึงเจตนาของนาง
ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด คลิ่นพลังของดาบเวทมนต์ทั้งเจ็ดได้ไหลเข้าไปในร่างกายของเขา อย่างไรก็ตามพวกมันก็ถูกเผาอย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังไฟของแกนเพลิง
ด้วยการที่นางเป็นเจ้านายของดาบเหล่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะสัมพัสได้ถึงพลังไฟที่ร้อนแรงในร่างของฉื่อหยาน ดังนั้น ตอนนี้นางจึงไม่ได้ใช้ดาบเวทมนย์ทั้งเจ็ดเล่มนั้น กลับกันนางนั้นได้ปรับเปลี่ยนพลังของนาง และควบคุมดาบเวทมนย์น้ำแข็งเล่มนี้ด้วยพลังความเย็น นางนั้นต้องการที่จะใช้พลังความเย็นนี้ยับยั้งพลังไฟในร่างของฉื่อหยาน
ดาบเวทมนย์น้ำแข็งพุ่งผ่านอากาศ
สีหน้าของฉื่อหยาน ก็กลายเป็นเยือกเย็น เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเขารู้สึกว่าได้ถึงพลังความเย็นที่เข้ามา รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา
” บูม ! ”
เขายกมือขึ้นและรวบรวมพลังงานเชิงลบและผนึกแห่งความตายก็ระเบิดออกมา
ผนึกแห่งความตายประทะเข้ากับดาบเวทมนย์น้ำแข็ง พลังงานเชิงลบของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่ามากจากการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา ทันทีมันระเบิดออกมา มันก็เป่าดาบเวทมนย์น้ำแข็งลอยไปในอากาส
กู่หลินหลงร่างกายที่บอบบางก็สั่นเทา ใบหน้าของนางก็ซีดลง นัยน์ตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากหายแปลกใจ นางก็ยิ้ม” แสดงให้ข้าเห็นทีว่าตอนนี้เจ้าจะกำจัดพลังความเย็นได้อย่างไร ”
เมื่อผนึกแห่งความตายประทะเข้ากับดาบเวทมนย์น้ำแข็ง พลังความเย็นที่อยู่ในดาบเวทมนย์น้ำแข็งก็ไหลออกมา และตอนนี้มันก็ได้ซึมผ่านเข้าไปในร่างกายทั้งหมดของ ฉื่อหยาน
จุดประสงค์ที่แท้จริงของกู่หลินหลงนั้นคือทำให้พลังความเย็นของดาบเวทมนย์น้ำแข็งเข้าในร่างของฉื่อหยานโดยสมบูรณ์
ฉาวจื่อหลาน หัวเราะ นางมองไปยังฉื่อหยานด้วยความสนใจ และกล่าวว่า : ” พลังความเย็นได้นั้นเข้าไปในร่างของเจ้าแล้ว ดูสิเจ้าจะจัดการกับมันอย่างไร ”
” ทำไมข้าต้องจัดการกับมันด้วยรึ ? ” ฉื่อหยานขมวดคิ้วและมองไปที่กู่หลินหลงและเขาก็พูดเยาะเย้ย ” ไม่ใช่ว่าเจ้าปัญญาอ่อนกู่เจียงเกอ บอกเจ้าแล้วหลอกรึ ว่าข้านั้นได้ถูกผนึกอยู่กับเปลวเหมันเยือกแข็งมาเป็นเวลาสามปี แม้แต่พลังความเย็นของเปลวเหมันเยือกแข็งยังทำอะไรข้าไม่ได้ แล้วพลังความเย็นอันน้อยนิดจากดาบเวทมนย์น้ำแข็ง ของเจ้าซึ่งอ่อนแอกว่าของเปลวเหมันเยือกแข็งนั้น จะทำอะไรได้ ? ”
สีหน้าของกู่หลินหลง ก็เปลี่ยนไป
” ถอยได้ ! ”
ในช่วงเวลานั้นเอง หยางมู่ก็คำรามออกมา ดาบยักษ์ของเขาส่องแสงลุกโชนออกมา และด้านดาบที่แหลมคมก็ พุ่งไปยังพานโจวและคนอื่นๆ
ใช้โอกาสนี้ หยางมู่ และกลุ่มของนักรบตระกูลหยาง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในรูปแบบฝนอุกกาบาต
” ไปกันเถอะ ” คาม่าโบกมือของเขาและตะโกน : ” คุณชายหยาน เราสมควรไปได้แล้ว ”
” พวกเจ้าไปก่อนเลย ”
ฉื่อหยานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เส้นขนบนร่างของเขาทั้งหมดก็ลุกชัน และดวงตาของเขาก็จ้องมองตรงไปยังฉาวจื่อหลาน .
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 14 แล้ว มีถึงตอนที่ 620 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ