บทที่ 228 สถานการณ์พลิกผลัน
ในพระราชวังทรุดโทรม นักรบตระกูลหยางส่วนมากได้เข้าไปยังรูปแบบฝนอุกกาบาต
ตอนนี้คนที่ยังคงอยู่ด้านนอก มี หยางมู่, หยางเค่อ, หลี่เฟิงเกอ และ ฉื่อหยาน
อย่างไรก็ตามนั้นอีกด้านหนึ่ง ฉาวจื่อหลาน และ พานโจว พร้อมกับนักรบเกือบร้อยคนยังคงอยู่ ซึ่ง พานโจว, ฉาวจื่อหลาน, เซี่ยกุ่ย, ซูหยานซิง,และกู่หลินหลง ต่างก็เป็นคนที่มีรายชื่อในลำดับรายชื่อผู้แข็งแกร่ง ด้วยพวกเขาทั้งห้าคนนี้สามารถเอาชนะ กลุ่มของฉื่อหยานได้อย่างแน่นอน
ฉื่อหยานโดนคลื่นพลังที่ ฉาวจื่อหลาน ปลดปล่อยออกมาโดยบังเอิญ หยางมู่ที่กำลังอยู่ในความวุ่นวายพยายามจะช่วยเขา หลังจากนั้น หยางเค่อ และ หลี่เฟิงเกอ ทั้งสองรู้ว่าโอกาสที่พวกเขาจะรอดนั้นน้อยเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็หยุด แล้วหันกลับไปยืนอยู่ข้างหยางมู่
ในการต่อสู้ ฉื่อหยานได้ใช้บ้าคลั่งในนภาที่สอง การเรียกพลังเชิงลบจากเส้นชีพจรของเขาผสานเข้ากับเลือดในร่างกาย
ในขณะนั้นพลังในร่างกายของฉื่อหยานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับหายนะ พลังในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การหลอมรวมกับพลังงานเชิงลบที่ทะลักออกมาก่อให้เกิดคลื่นพลังที่ชั่วร้ายกระจายออกไป และมันก็ได้ผลักพลังที่น่าหวาดหวั่นของฉาวจื่อหลานที่ล้อมอยู่รอบๆออกไป
ฉื่อหยานก้าวเข้าไปหาฉาวจื่อหลาน
อำนาจชั่วร้าย ความเกลียด ความกลัว ความสิ้นหวัง ความกระหายเลือดและความรุนแรง ทะลักออกมาจากร่างกายของฉื่อหยาน การไหลเวียนของพลังชั่วร้ายนี้ขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าเหมือนพายุหมุน ในขณะที่ฉื่อหยานกำลังก้าวเดิน คลื่นพลังก็ก่อตัวขึ้นเหมือนเงาของภูติปีศาจยักษ์สามตน
เงาภูติปีศาจยักษ์สามตนถูกสร้างขึ้นด้วยอำนาจเชิงลบที่แตกต่างกัน ในเงานั้นมีจิตวิญญาณของฉื่อหยานอยู่ด้วยอารมณ์เชิงลบที่รุนแรงและพลุ่งพล่าน
ภูติปีศาจยักษ์สามตน เป็นหมอกลอยปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของฉื่อหยาน ใบหน้าของพวกเมันมัวเบลอ ทำให้ความรู้สึกของผู้อื่นที่พบเห็นตกอยู่ในความสะพรึงกลัว
ดวงตาของฉื่อหยานที่กลายเป็นสีแดง จ้องไปที่ ฉาวจื่อหลาน อย่างเยือกเย็น จิตสังหารเกิดขึ้นในจิตใจของเขา ทันใดนั้นภูติปีศาจยักษ์สามตนก็พุ่งตัวออกมาพร้อมๆ กันกรงเล็บที่ใหญ่โตของพวกมันเป็นเหมือนกับก้อนเมฆสีดำที่กำลังจะกดทับไปยัง ฉาวจื่อหลาน
ใบหน้าของทุกคนในสนามรบเปลี่ยนไป
พลังของฉื่อหยานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นภูติปีศาจยักษ์สามตนอยู่บนศีรษะของฉื่อหยาน ภูติปีศาจยักษ์สามตนเป็นเหมือนกับภาพลวงตา แต่กลับเต็มไปด้วยความปั่นป่วนของพลังที่รุนแรงและนำความหวาดกลัวมาสู่ทุกคน จะเห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากการโจมตีของภูติปีศาจยักษ์ การโจมตีจากภูติปีศาจยักษ์นั้นคือการโจมตีของฉื่อหยาน
“เสี่ยวหยาน เจ้านี่ช่างลึกลับจริงๆ “ หยางมู่พูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง เขาถือดาบเล่มใหญ่ในมือแล้วเหวี่ยงมันไปบนท้องฟ้า
ดาบยักษ์ที่อยู่ในมือของเขาดูเบาราวกับขนนก มันแกว่งโค้งสวยงามบนท้องฟ้า กลุ่มแสงสีเงินสว่างถูกปล่อยออกมา และทำให้พานโจวกระเด็นออกไปด้วยการซัดเพียงครั้งเดียว
ทันใดนั้น ในรูปแบบฝนอุกกาบาต, หยางซู่่, คาม่า, และ เจียงหัวชวน ก็ปรากฏตัวออกมา,เหล่านักรบตระกูลหยางที่เดินหน้าไปในรูปแบบฝนอุกกาบาตก่อนหน้านี้,เมื่อเห็นว่าหยางมู่ตกอยู่ในอันตรายพวกเขาจึงกลับมาช่วย
ด้วยความช่วยเหลือจาก หยางซู่ และนักรบตระกูลหยางคนอื่นๆ พวกเขาก็ได้ทำการโจมตีม่านพลังเพื่อปลดปล่อยหยางมู่และคนอื่นๆอีกสองคน
“หวือ หวือ หวือ”
ภูติปีศาจยักษ์สามตนอยู่ภายใต้จิตสังหารของฉื่อหยาน จิตใจของเขาบ้าคลั่งพร้อมกับกระโจนไปหาฉาวจื่อหลาน ภูติปีศาจยักษ์สามตนถูกสร้างขึ้นจากพลังงานเชิงลบในเส้นชีพจร พวกมันไม่กลัวการโจมตีทางกายภาพหรืออาวุธใดๆทั้งนั้นและไม่มีอาวุธระดับพระเจ้าใดที่จะสามารถฆ่าเหล่าภูติปีศาจยักษ์ทั้งสามตนนั้นได้
ภายใต้การโจมตีของภูติปีศาจยักษ์ทั้งสามตน ฉาวจื่อหลาน ก็ได้แสดงออกอย่างจริงจังมากขึ้น ในขณะที่ล้อมรอบไปด้วย เหล่าภูติปีศาจยักษ์ทั้งสามตน ฉาวจื่อหลาน ได้ร่ายมือไปมาและพลังที่แตกต่างกันพร้อมกับพลังปราณลึกลับก็ได้ ทะลักออกมาจากฝ่ามือของนาง
พลังงานที่ทะลักออกมาได้ก่อเกิดเป็นเกราะกำบังบางๆขึ้นมา ยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เกราะกำบังเหล่านี้มีอำนาจในการป้องกันเป็นพิเศษ ภายใต้การกระหนํ่าโจมตีของภูติปีศาจยักษ์สามตน เกราะกำบังเหล่านั้นยังคงอยู่และยังไม่ถูกพังทลายลงมา
รอยเหงื่อได้ไหลลงบนแก้มอันบอบบางของฉาวจื่อหลาน ดูเหมือนว่านางจะสามารถป้องกันการโจมตีจากเหล่าภูติปีศาจยักษ์ทั้งสามได้ ด้วยความพลังของวิชาชั้นสูง และนั่นก็ทำให้นางใช้พลังไปค่อนข้างมาก
“ผนึกแห่งความเป็นความตาย !!” ฉื่อหยานคำราม
“บูมบูมบูมบูมบูมบูมบูม!”
มีระเบิดรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งที่กำแพงที่ถูกสร้างโดย ฉาวจื่อหลาน กำแพงที่ ฉาวจื่อหลาน ได้สร้างขึ้นมานั้นยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ทันใดนั้น เพียงเสียววินาที กำแพงที่ ฉาวจื่อหลาน ได้สร้างไว้จู่ๆก็แตกออกเเล้วกระจัดกระจายลอยขึ้นบนทั้งฟ้า เเละกระจายไปทุกๆที่
ใบหน้าที่งดงามของ ฉาวจื่อหลาน ก็ได้เปลี่ยนไปหลังจากนั้นนางก็ได้ตะโกนออกมา “ก้าวดารา!”
แสงที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าจู่ๆก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และสร้างเป็นกระจกแบนราบตรงหน้าของ ฉาวจื่อหลาน
ในขณะที่พื้นกระจกถูกสร้างขึ้น ภูติปีศาจยักษ์สามตนภายใต้การควบคุมมันก็มุ่งมาทางฉาวจื่อหลาน และกรงเล็บของพวกมันก็มุ่งคว้าไปยังร่างของ ฉาวจื่อหลาน อย่างรุนแรง
อย่างน่าอัศจรรย์ จู่ๆภูติปีศาจยักษ์สามตนก็ได้หายไปโดยไม่มีร่องรอยอะไรเลยเมื่อพวกเขาตกลงไปในพื้นกระจกเงา
เหล่าภูติปีศาจยักษ์สามตนได้หายตัวไปในอากาศ ต่อหน้า ฉาวจื่อหลาน โดยไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีแดงของฉื่อหยานก็ประกายด้วยความประหลาดใจ
จิตใจของเขาเปลี่ยนไปและด้วยสัมผัสของเขา เขาก็พบว่าภูติปีศาจยักษ์สามตนนั้นได้อยู่ห่างออกไปนอกวังระยะ สามลี้
ฉาวจื่อหลาน ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ลึกลับของนาง ส่งภูติปีศาจยักษ์สามตนที่เกิดจากพลังงานเชิงลบออกไป และ รับมือกับการโจมตีที่รุนแรงได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำสำเร็จ ? ระดับหายนะอย่างเจ้าสามารถบังคับให้ข้าใช้วิชาการป้องกันตัวแบบนี้ได้ อืมมมม ไม่แปลกใจเหตุใดเจ้าถึงได้หยิ่งพยอง “ฉาวจื่อหลาน ถอนหายใจอย่างเบาๆ และส่ายหัว ด้วยความเห็นใจนางกล่าวว่า “ตอนแรกข้ากะจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้านั้นมีประสิทธิภาพมากเกินไป ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฆ่าเจ้าก่อนจากนั้นค่อยหาว่าเจ้าซ่อนความลับอะไรไว้”
หลังจากที่นางพูดจบ ก็มีแสงแปลกๆ ส่องประกายในดวงตาที่สวยงามของฉาวจื่อหลาน แสงแปลกๆเหล่านั้นได้ไหลเวียนสร้างเป็นรูปแบบพิเศษในดวงตาของฉาวจื่อหลาน มันส่องประกายออกมาเหมือนกับ ดาวที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า เคลื่ยนที่ไปตามกฏของจักรวาล
ในเวลาเดียวกันกระแสของพลังอำนาจต่างๆได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในร่างกายอันละเอียดอ่อนของ ฉาวจื่อหลาน ได้เกิดแสงสี แดง เหลือง เขียว ฟ้า นํ้าเงิน ออกมาจากร่างกายของนางอย่างช้าๆ แสงสีทั้งห้าได้เริ่มเข้มขึ้นทีละนิดทีละนิด จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นพลังที่แตกต่างออกไปจากพลังปราณลึกลับ
“แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี!”
การแสดงออกของหยางมู่ นั้นก็กลายเป็นจริงจัง และเขาก็ตะโกนออกมา: “ฉื่อหยานเจ้าอย่าได้รับมือกับมันโดยตรง ถอยออกมาเดี่ยวนี้!!”
ดวงตาสีแดงของฉื่อหยาน ได้จ้องมองไปที่ ฉาวจื่อหลาน อย่างเยือกเย็น และมันก็เกิดเรื่องที่น่าทึ่งขึ้นเมื่อเขาหลับตาลง!
ใบหน้าของ หยางซู่, หยางเค่อ และ หลี่เฟิงเกอ ได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทั้งหมดต่างก็ได้โห่ร้องและพยายามโน้มน้าวให้ฉื่อหยานหลบออกไป
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเป็นวิชาระดับวิญญานของตระกูลฉาว ว่ากันว่าการฝึกฝนวิชานี้เป็นเรื่องยากมาก ก่อนอื่นจะต้องฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งห้าจากรูปแบบพลังที่แตกต่างกัน เมื่อถึงตอนนั้นพวกพวกเขาก็จะสามารถเริ่มฝึกฝนแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้
เนื่องจากแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนั้นยากที่จะฝึกฝน แม้แต่ในตระกูลฉาวเองก็ตาม แทบจะไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้เลย มีข่าวลือว่าพลังของมันเป็นนั้นน่าอัศจรรย์มาก
เมื่อหยางมู่ และคนอื่นได้เห็น แสงที่มีสีแตกต่างกันห้าสีลอยออกมาจากร่างกายของ ฉาวจื่อหลาน พวกเขาก็จำได้ทันทีว่านั้นเป็นวิชากในตำนาน พวกเขาจึงรีบบอกกล่าวให้ฉื่อหยานหลบออกไป
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น ฉื่อหยานกลับหลับตาลง!
หลังจากที่นักรบในตระกูลหยาง เช่น หยางมู่, หยางซู่, หลี่เฟิงเกอ ได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ, การแสดงออกของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นกังวลอย่างมาก เพราะพวกเขานั้นต้องการที่จะไปช่วยฉื่อหยาน แต่พวกเขาโดนหยุดโดยฝ่ายศัตรูที่อยู่ข้างหน้าของพวกเขาและไม่มีเวลาว่างที่จะคิดถึงเรื่องอื่นได้เลย
“ข้ารู้ว่าเหล่าอสูรภูตยักษ์ทั้งสามกำลังบินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว แต่ข้าคิดว่าเจ้าไม่สามารถรอจนกว่าพวกมันจะมาถึงได้หลอก ” แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีลอยออกมาและพลังอำนาจที่อันตรายก็ไหลออกมาจากร่างกายของนาง แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี จู่ๆก็มารวมตัวกันที่หน้าอกที่ใหญ่โตของนาง
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี, ได้รวมตัวกันเป็นหนึงและแสงศักดิ์สิทธิ์ที่รวมกันกลายเป็นเสาแสงสูดเสียบฟ้า ความปั่นของพลังที่รุนแรงทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นมาจากแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ทันใดนั้นมันก็ได้ถูกพุ่งออกไป
โดยมี ฉื่อหยาน ตกเป็นเป้าหมาย!
“หวือ หวือ หวือ!”
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็พุ่งผ่านอากาศมาเป็นวงกว้าง ความเร็วของมันนั้น เร็วกว่าที่ตาเปล่าจะสามารถมองเห็นได้
ฉื่อหยานยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
“หวือ!!”
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ถูกยิงผ่านร่างของเขา เหมือนกับเเสงเลเซอร์ มันแตกเป็นเสี่ยงๆทำลายเสาหินที่อยู่ด้านหลังของเขา และยังคงพุ่งไปด้านหลังถล่มพระราชวังหลังอื่นอย่างต่อเนื่อง
“เสี่ยวหยาน!” หยางมู่ ตะโกนออกมาพร้อมกับแสดงออกอย่างรุนแรง
“หืมมม?” ตอนนั้นเอง ในดวงตาของ ฉาวจื่อหลานก็ส่องประกายออกมา ใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความตกใจ แล้วพูดเบาๆว่า : “ภาพลวงตาอีกแล้วงั้นรึ ครั้งนี้เจ้าสามารถหลบมันได้ แต่ครั้งหน้าดูสิเจ้าจะโชดดีแบบครั้งนี้หรือไม่?
เศษหินกระจายไปทั่วท้องฟ้า เงาของฉื่อหยานก็โผ่ลออกมาอย่างช้าๆ โดยการใช้ ก้าวอัศนี และ ก้าวเงา และด้วยสภาพที่เปิดใช้บ้าคลั่งนภาที่สองอยู่ ฉื่อหยานจึงคาดเดาการโจมตีและทิศทางของแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ทันเวลา เขาจึงหลบการโจมตีที่มีอนุภาพร้ายแรงของแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้
“งั้น, ข้าก็จะไม่หลบ.”
ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองไปที่ ฉาวจื่อหลาน เสียงของฉื่อหยานที่เปล่งออกมานั้นดั่งออกมาโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ
กลุ่มก้อนของพลังไฟที่ลุกโชนก็ ค่อยๆซึมออกมาจากแหวนสายโลหิต พลังไฟได้ไหลผ่านเส้นชีพจรของเขาและกลุ่มก้อนพลังไฟก็ลุกโชนออกมาจากจมูกและดวงตาของฉื่อหยาน และ ร่างกายของเขามีบางอย่างแปลกประหลาดออกไป
ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ แกนเพลิงได้ยื่นมือออกมาช่วยเขาอีกครั้ง แล้วมันก็ได้ปล่อยพลังไฟ ที่สามารถเผาไหม้ได้ทุกสรรพสิ่งเข้ามาในร่างกายของเขา!
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 14 แล้ว มีถึงตอนที่ 624 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ