เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 236 ดูดซับ

บทที่ 236 ดูดซับ

 

กลางทะเลทราย พลังชั่วร้ายจากดาบยักษ์กระจายออกมาจำนวนมหาศาล มันเป็นคลื่นพลังกระแทกไปยังพานโจวและคนอื่นๆ

เปลวไฟแสงอาทิตย์ของตะวันกลั่นวิญญานพวยพุ่งออกมากจากดาบมากขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มก้อนไฟเผาไหม้จากกตะวันกลั่นวิญญานลอยออกมา สีของมันเป็นเหมือนกับท้องฟ้าสีแดง มันเผาไหม้ทำให้ทะเลทรายร้อนระอุและรู้สึกอีดอัด

ฉาวจื่อหลาน , พานโจว กู่หลินหลง และซูหยานซิงความสามารถของพวกเขาจะนับได้ว่าโดดเด่นเป็นมากในปัจจุของทะเลไม่มีสิ้นสุด แต่ตอนนี้พวกเขากลับดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก พวกเขาวิ่งหนีออกห่างจากตะวันกลั่นวิญญานอย่างเอาเป็นเอาตายและในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคิดที่ว่า ข้าจะไม่มีทางนังสถานที่แห่งนี้อีกเด็ดขาด !

ไกลจากที่นั่น มีนักรบอีกกลุ่มนึ่ง คนเหล่านี้คือกลุ่มนักรบที่ไม่กล้ามาเข้าใกล้กับตะวันกลั่นวิญญาน เมื่อเห็นเปลวไฟเผาไหม้ครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า รวมทั้งบรรยากาศทุกทีกลายเป็นกดดัน พวกเขารู้สึกกลัวที่จะเข้ามาใกล้ แต่พวกเขาก็ยังอยากที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา พวกเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะมุ่งไปยังที่แห่งนั้น

หลังจากเพียงก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขาก็เห็นฉาวจื่อหลานวิ่งหนีมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าจริงจัง

” ถอยไปซะ ! ” ฉาวจื่อหลานพูดด้วยสีหน้มืดมน โดยไม่พูดอะไรอีก หลังตะโกนขึ้นนางก็วิ่งผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว

อีกสามคน พานโจว กู่หลินหลง ซูหยานซิง ก็ตามมาข้างหลัง เมื่อพวกเขาได้พบกับกลุ่มนักรบที่ยืนอยู่ พวกเขาก็ออกคำสั่งให้หนีทันที ทั้งสามตะโกนให้กลุ่มนักรบไปจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด

นักรบเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นผู้นำของพวกเขามีสีหน้าบิดเบียว พวกเขาจึงเลิดลังเล และวิ่งตามพานโจวและคนอื่นๆไปอย่างรวดเร็ว

ใกล้กับตะวันกลั่นวิญญาน

กลุ่มก้อนเปลวไฟแสงอาทิตย์ทะลักออกมาจากตะวันกลั่นวิญญานอย่างรวดเร็ว มันครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหมือนกับเมฆไฟ

ดาบสีแดงลอยอยู่ในอากาศ พลังชั่วร้ายกระจายไปทั่วท้องฟ้า ดวงตาสีแดงที่อยู่บนดาบกระพริบส่องแสงสีแดงออกมา

ในตอนนั้นเอง ดวงตาสีแดงที่กระพริบอยู่บนดาบก็ส่องแสงมุ่งไปยังจุดๆเดียว

ภายใต้ดาบยักษ์ ฉื่อหยานนอนอยู่ด้วยดวงตาสีแดง สติของเขาลางเลือน เขายกศีรษะขึ้นมองดาบขนาดยักษ์ซึ่งยาวสองเมตรและกว้างเมตรครึ่ง ดวงตาของเขาตอนนี้เปิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พร้อมกับแหวนสายโลหิตบนนิ้วของเขายังคงส่องแสงสีแดงอ่อนออกมา ซึ่งมันตรงไปที่แสงสีแดงที่ออกมาจากดาบยักษ์

แสงสีแดงเลือดพวยพุ่งออกมาจากด้านในแหวนสายโลหิต ตอนนี้พลังของเปลวเหมันเยือกแข็งถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์

หน้าฉื่อหยานกลายเป็นสับสน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงยกแหวนสายโลหิตที่อยู่บนนิ้วของเขาออกไป

มีแสงแปลกประหลาดพุ่งออกมาจากแหวนสายโลหิต เป็นแสงสีแดงเลือดที่ดูสวยงาม ท้องฟ้าทั้งหมดกลายเป็นเหมือนถูกย้อมด้วยเลือด

ในเวลาเดียวกัน อารมณ์เชิงลบที่อยู่ในร่างของฉื่อหยาก็ไหลลงไปที่แหวนสายโลหิต .หลังจาก พลังวิญญานที่แข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้น

ดาบยักษ์ส่องแสงสีแดงเป็นแสงระยิบระยับ จากนั้นมันพุ่งตรงเข้าไปในแหวนสายโลหิต ในช่วงเวลานั้นเอง มันก็หายไปภายในแหวนสายโลหิตโดยไร้ร่องรอย

ฉื่อหยานที่สติเลือนลางทันทีก็กลายเป็นตื่นตัว

อารมณ์เชิงที่แตกต่างกัน ซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ในจิตใจของเขาหายก็พรันหายไปในชั่วพริบตา พลังแสงอาทิตย์จากตะวันกลั่่นวิญญานยังคงเผาไหม้และไหลเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้หัวใจของเขาส่องประกายออกมาเหมือนดวงดาวนับพัน พร้อมกับมีเปลวไฟเผาไหม้ลุกโชน

ร่างกายของเขากำลังถูกเผา เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ยังดีที่พลังความเย็นของเปลวเหมันเยือกแข็งยังหลงเหลืออยู่ในร่างของเขา มันจึงช่วยลดทอนความเจ็บปวดให้แก่เขาอยู่บ้าง

แม้เขาจะอยู่ ห่างออกมาจากตะวันกลั่นวิญญานมากกว่าพันเมตร เขายังรู้สึกได้ว่าตะวันกลั่นวิญญานนั้นความแข็งแกร่งของมันอ่อนแอลงจากก่อนหน้านี้

หันไปมองที่ตะวันกลั่นวิญญาน ฉื่อหยานตระหนักได้ชัดเจนว่า หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาสั้นๆ , พลังแสงอาทิตย์เผาไหม้ที่ออกมาจากจุดศูนย์กลางของตะวันกลั่นวิญญาน กำลังอ่อนแอลงและอ่อนแอลงเรื่อยๆ

พลังแสงอาทิตย์และเปลวไฟแสงอาทิตย์ที่อยู่ในตะวันกลั่นวิญญาน ถูกดูดซับเข้ามาในร่างของเขาและกำลังเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เวลาสั้นๆ พลังเหล่านั้นก็หายไปกว่าครึ่ง

อุกกาบาตขนาดใหญ่ยังคงส่องแสงออกมาแต่มันกลับไม่เจิดจ้าเช่นเดิมอีกต่อไป

ฉื่อหยานขมวดของเขา ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

อย่างไรก็ตาม เขายังคงจำได้ลางๆ ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาใกล้พื้นที่แห่งนี้ และพวกเขาก็ถูกไล่ตามใครบางคน จากตะวันกลั่นวิญญาน . . . . . . .

หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็ใช้จิตสำนึกของเขาค้นหาไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีสิ่งมีชีวิตใดอยู่หรือไม่

หนึ่ง , สอง , สาม . . . . . . .

 

ในห้วงจิตสำนึกของเขา เขารู้สึกได้ว่านักรบมากกว่าสิบคนอยู่ห่างออกไปจากเขา พวกเขากำลังเคลื่อนที่จากไปด้วยความเร็ว

ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ

เขาตกตะลึงชั่วครู่ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้หนีเขาเช่นนี้ แต่เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะไล่ตามพวกเขาไปเลย หลังจากที่ครุ่นคิดสักพัก เขากหันไปรอบ ๆและวิ่งตรงไปที่ตะวันกลั่นวิญญาน

” ทำไมเราต้องหนีด้วย ? ” หลังจากวิ่งมาสักพัก กู่หลินหลงก็หยุดลง และหันไปทองท้องฟ้าสีแดงข้างหลังนาง พร้อมกับขมวดคิ้วและพูดว่า ” มันก็แค่ฉื่อหยาน ทำไมต้องเราหนีด้วย ? “

ฉาวจื่อหลานส่ายหัว นางกล่าวว่า ” ฉื่อหยานรึ ? ที่เราหนีไม่ได้เป็นเพราะฉื่อหยาน จริงๆแล้วที่เราหนีคือดาบยักษ์แปลกประหลาดนั่นต่างหาก”

” ดาบยักษ์ . . . . . . . ” กู่หลินหลงดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ใบหน้าเล็กๆนางกลายเป็นบูดเบี้ยว ” ตอนที่ดาบยักษ์ปรากฏออกมา จิตวิญญานหัวใจแห่งดาบของข้านั้นสั่นสะท้านรุนแรงเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่ามันเตือนให้ข้าหนีไป เป็นดาบยักษ์นั่นสินะที่อันตรายจริงๆ ? “

” หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นทังมด มันก็ยากที่จะบอกได้ว่าอะไรคือสิ่งที่อันตรายจริงๆ . . . ” ฉาวจื่อหลาน พูดอย่างจริงจัง ” แต่มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ดาบยักษ์นั่นจะฆ่าเรา เพียงแค่พลังชั่วร้ายที่มันปล่อยออกมา ก็สามารถทำลายวิญญานของพวกเราทั้งไดแล้ว “

ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ดวงตาและปากของพวกเขากลายเป็นเปิดกว้าง

” นี่ช่างอันตรายนัก ? ” พานโจวเดาะลิ้นของเขาอย่างเงียบๆ ” ถ้าเป็นเช่นนั้น ดาบยักษ์นั่นก็เทียบได้กับสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์หนะสิ “

” อย่างน้อยมันก็สมควรอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ ” ซูหยานซินพยักหน้าของนาง ” จิตสำนึกที่ชั่วร้ายของดาบยักษ์นั้นน่ากลัวจริงๆ จากระยะห่างไกล ข้าก็เกือบสิ้นสติแล้วในขณะที่กำลังหนี ถ้าข้าไม่มีสมบัติลับจากสหายนักรบของข้า ข้าคงตายไปแล้ว ดวงตาที่อยู่บนดาบยักษ์นั้นมีพลังที่น่าสะพรึ่งจริงๆ ราวกับว่ามันมีชีวิตเป็นของตัวเอง “

ใบหน้าของพานโจวและนักรบคนอื่นๆกเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ด้วยคำบอกเล่าของซูหยานซิงเกี่ยวกับดวงตาที่อยู่บนดาบยักษ์ ดวงตานั่นส่องแสงสีแดงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ามันเป็นเหมือนกับกลุ่มก้อนพลังปีศาจ มันทำให้นักรบรู้สึกคลื่นไส้และอันตรายอยู่ตลอดเวลา เหล่ายอดฝีมือที่โดดเด่นของทะเลไม่มีสิ้นสุดต่าางก็ตกอยู่ในความหวาดกลั่ว พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กลับแม้แต่นิดเดียว

” ตอนนี้พวกเราควรยังไงดี ? ” กูหลิงหลง พูด ” แน่นอนอยู่แล้วว่านั่นคือ ฉื่อยหาน แต่เราไม่สามารถเข้าไปใกล้เขาได้ และเราไม่รู้ด้วยว่าดาบยักษ์นั่นเป็นของใคร พวกเจ้าคิดว่ายังมีใครอื่นอีกหรือไม่ที่อยู่ที่นี่ ? “

” ข้าจะใช้จิตวิญญาณต่อสู้ของข้าเพื่อดูว่ายังคงมีพลังแสงอาทิตย์ของตะวันกลั่นวิญญานอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีอันตรายใด ๆเราจะไปที่นั่นกัน ฉื่อหยานนั้นไม่สามารถเทียบกับเราได้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น เขาก็ย่อมไม่ใช่คู่มือของเรา ” ฉาวจื่อหลาน มั่นใจในกลุ่มนักรบของนางเป็นอย่างมาก

ทุกคนก้มศีรษะของพวกเขาลง

มีแสงแปลกประหลาดจำนวนมากประกายอยู่ที่ดวงตาของฉื่อหยาน ระหว่างที่เขากำลังเดินไปที่ตะวันกลั่นวิญญาน จู่ๆเขาก็ประหลาดใจ

” ในแหวนนี่…. ทำไมถึงมีดาบยักษ์อยู่กัน ? มันเป็นสิ่งของที่มีตัวตนจริงรึ ? แล้วแหวนวงนี้เก็บเจ้าดาบชั่วร้ายนั่นมาได้อย่างไรกัน ? ” จู่ๆเปลวเหมันเยือกแข็งก็พูดขึน ” ข้ามองจากภายในแหวน แต่กลับไม่สามารถสัมพัสได้ถึงวัตถุใดๆเลย แล้วเจ้าดาบนี่มันจะมาอยู่ในแหวนได้ยังไง ? “

” ข้าคิดว่าดาบนี้ต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแหวนของข้าแน่นอน ” ฉื่อหยานกล่าวว่า

” ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้รึ ? ” เปลวเหมันถามด้วยความสับสน .

” ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ฉันข้าสัมพัสได้ว่ามันคล้านคลึงกัน กลิ่นอายของแหวนสายโลหิตและดาบนี้คล้ายกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญลักษณ์แปลกประหลาดที่อยู่บนด้ามดาบ มันนั้นมีลักษณ์คล้ายกับสัญลักษณ์ที่อยู่รอบๆแหวน บางทั้งดาบและแหวนนี้อาจจะถูกสร้างขึ้นโดยคนๆเดียวกัน “

ฉื่อหยานหมุนแหวนสายโลหิตด้วยสีหน้าแปลกใจ

หลังจากเขาส่งจิตสำนึเข้าไปในแหวนสายโลหิต เขาก็เห็นว่ามีพื้นที่เพิ่มมาอีกที่หนึ่ง ที่แห่งนั้นมีดาบแปลกประหลาดลอยอยู่เงียบๆโดยปราศจากพลังใดๆ

ความรุนแรงและจิตสำนึกชั่วร้ายที่อยู่ในดาบยักษ์ ก็หายไปโดยไม่มีอะไรเหลือเลย

หลังจากเห็นเช่นนั้น จิตใจของเขาผ่อนคลาย ฉื่อหยานพยายามส่งจิตสำนึกไปที่ดาบนี่ แต่เขาก็ไม่สามารถสัมพัสถึงอะไรได้จากดาบนี่เลย

ถ้าเขาไม่เห็นว่ามีพลังแปลกประหลาดไหลออกมาจากดาบ เขาก็คงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดา ที่ไม่มีอะไรพิเศษเลย

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อมต่อกับดาบยักษ์และสัมพัสได้ถึงจิตสำนึกของเขา ดาบยักษ์ที่ดูเหมือนว่า หลังจากเข้ามาในแหวนสายโลหิต แสงประกายที่ส่องออกมาจากดาบก็พลันหายไป ทำให้มันเปลี่ยนจากดาบเทพเจ้าเป็นดาบธรรมดา โดยสูญเสียความแข็งแกร่งและอำนาจที่น่าเกรงขามทั้งหมดไป

” วุชชช”

ภายในของตะวันกลั่นวิญญานจู่ๆก็มีเสียงประหลาดดังออกมา

ฉื่อหยานก็หยุดลง และสังเกตไปที่ตะวันกลั่นวิญญานจากระยะสิบเมตน และสัมพัสไปที่พลังแสงอาทิตย์ที่อยู่ในตะวันกลั่นวิญญาน

พลังแสงอาทิตย์ที่อยู่ในตะวันกลั่นวิญญานไหลออกมา และมันก็ลอยตรงเข้ามาในหัวใจของเขา

หลังจากเิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่ขึ้น ร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะค่อย ๆปรับตัวให้ทนต่อความร้อนจากพลังแสงอาทิตย์ได

ขณะที่พลังแสงอาทิตย์กำลังไหลเข้ามาในร่างกายของเขา ร่างกายของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆหรือถูกเผาโดยพลังแสงอาทิตย์อีกต่อไป

มันดูราวกับว่า ร่างกายของเขาได้ถูกเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเพื่อให้สามารถเข้ากับพลังแสงอาทิตย์ได้ และมันก็เข้ากับจิตวิญญานแห่งดวงดาวได้เป็นอย่างดี

 

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 16 แล้ว มีถึงตอนที่ 695 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>G OS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset