บทที่ 237 ปราสาทหินยักษ์
ฉื่อหยานยืนอยู่ไม่ไกลจากตะวันกกลั่นวิญญาน เขารู้สึกได้ถึงเปลวไฟแสงอาทิตย์ที่มีชีวิตชีวาของตะวันกกลั่นวิญญานที่ไหลเข้าไปในหัวใจของเขา
ในจิตใจของเขา มีจิตวิญญานแห่งดวงดาวของพรรคสามเทพอยู่
ตอนแรกจิตวิญญานแห่งดวงดาวสามารถดูดซับได้เพียงพลังจากดวงดาวเท่านั้น ไม่สามารถดูดซับพลังจากดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าตะวันกลั่นวิญญาน ตอนนี้พลังแสงอาทิตย์กลับไหลเข้าไปในร่างกายของเขาและนั่นก็เป็นผลของจิตวิญญานแห่งดวงดาวที่กำลังดูดซับพลังแสงอาทิตย์อย่างรวดเรซ
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ฉื่อหยานรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เปลวเหมันเยือกแข็งพูดแน่นอน มันบอกเขาว่าเป็นเพราะดวงอาทิตย์เองก็นับเป็นดวงดาวดังนั้นมันจึงสามารถดูดซับพลังงานแสงอาทิตย์ได้
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง พรรคสามเทพคงจะไม่แยกออกเป็นจิตวิญญานแห่งดวงอาทิตย์ และ จิตวิญญานแห่งดวงดาวแน่นอน นั่นแสดงว่าจิตวิญญานแห่งดวงอาทิตย์และ จิตวิญญานแห่งดวงดาวจะต้องมีความแตกต่างกันและต้องไม่มีผลคล้ายกันแน่ๆ
แต่ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น แล้วทำไม จิตวิญญานแห่งดวงดาวถึงดูดซับพลังแสงอาทิตย์ได้กัน?
ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขาในหัวของเขาประกายความคิดต่างๆผุดขึ้นมา ในที่สุดเขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
พลังลึกลับในเส้นชีพจรของเขาเริ่มกระจายออกมา
เหมือนกับสายฟ้าฟาดในความคิดของเขา ฉื่อก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้น ตอนที่หัวใจของเขาได้ดูดซับพลังประหลาดขณะที่เขาตกอยู่สภาวะบ้าคลั่ง มันก็ได้ไปกระตุ้นจิตวิญญาณอมตะและจิตวิญญาณการต่อสู้ลึกลับ จากนั้นมันก็ได้ไปเปลี่ยนแปลงจิตวิญญานแห่งดวงดาวในการเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้ระดับของ จิตวิญญานแห่งดวงดาวเพิ่มขึ้นและเกิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นมา
มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ฉื่อหยานพยักหน้าอย่างมั่นใจ.
” หวือ ! “
แกนเพลิงที่อยู่ในตะวันกลั่นวิญญาน กำลังดูดซับพลังไฟแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงอยู่ ปริมาณพลังไฟแสงอาทิตย์จำนวนมากกลายเป็นเหมือนกับงูเพลิงไหลเข้าไปในแกนเพลิง จากนั้นมันก็กลายเป็นพลังส่วนหนึ่งของแกนเพลิง และทำให้การเปลวไฟที่เผาไหม้ของแกนเพลิงเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์
จากสิบเมตร , ฉื่อหยาน ยังคงยืนนิ่ง แต่จิตวิญญานแห่งดวงดาวในร่างกายของเขายังคงดูดซับพลังแสงอาทิตย์จากตะวันกลั่นวิญญานอยู่ พลังของตะวันกลั่นวิญญานกลายเป็นเส้นสายสองสายไหลไปยังร่างของฉื่อหยานและแกนเพลิง
เมื่อถูกดูดซับด้วยตัวตนทั้งสอง แสงอาทิตย์ที่ส่องออกมาจากตะวันกลั่นวิญญานก็ค่อยๆจางลง
ความร้อนจากในอุกกาบาตยักษ์ค่อยๆหายไป
พลังความร้อนทั้งหมดที่กดดันอยู่ทั่วทะเลทรายเริ่มหายไป ด้วยพลังของตะวันกลั่นวิญญานที่ลดลงเรื่อยๆ ทำให้อากาศค่อยๆเย็นขึ้น
อีกด้านหนึ่ง…
” เจ้ารู้สึกไหมว่า อากาศเริ่มเย็นขึ้น ? “
” ใช่ อุณหภูมิในทะเลทรายดูเหมือนจะลดลง “
” เห้อออ ตอนนี้รู้สึกสบายขึ้นมาก ดูเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถช่วยให้เราหาทางออกไปได้หรือไม่ “
” ใครจะรู้ได้… ข้าไม่อยากจะอยู่ในสถานที่ที่โหดร้ายเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่รู้จุดสิ้นสุดของทะเลทรายนี่ ! “
” อย่าพูดไร้สาระ พวกเรามายังหุบเหวสนามรบเพื่อสังหารพวกที่มาจากตระกูลหยาง แต่เรากลับไม่เจอพวกมันแม้แต่คนเดียว ต่อให้เราหาทางออกได้ เมื่อเจ้ากลับออกไป เจ้าจะไม่รู้สึกระอายบ้างรึที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ ? “
นักรบที่มาจากตระกูลหรือสำนักต่างๆในทะเลเคียร่า พวกเขามารวมตัวกันและพูดคุยว่าจะทำเช่นไรต่อไป
ฉาวจื่อหลานนั่งอยู่คนเดียว นางขมวดคิ้วแน่น ดวงตาที่งดงามของนางก็สว่างขึ้น
อย่างเงียบ ๆ จิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าของ ฉาวจื่อหลานก็เริ่มสังเกตเห็นทุกสิ่งรอบๆที่นิด พวกมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างแปลกประหลาด
หลังจากนั้น ฉาวจื่อหลาน ก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า ” เราสามารถไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบได้แล้ว ! ข้ามั่นใจว่าไม่มีพลังความร้อนหรือพลังใดๆที่มีอันตรายต่อชีวิตเราอีกแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ไปจะตรวจดูที่แห่งนั้น”
” ข้าไปด้วย ! ” พานโจว รีบลุกขึ้นยืน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ทั้งสี่คน ฉาวจื่อหลาน ซูหยานซิง กู่หลินหลง และพานโจว ก็กลับมายังพื้นที่ตรงนี้อีกครั้งและหยุดอยู่ห่างจากตะวันกกลั่นวิญญาน พวกเขามองไปที่ตะวันกลั่นวิญญานด้วยสีหน้าประหลาดใจ
” ฉื่อหยานไปไหนกัน ? ” กู่หลินหลงพูดอย่างรุนแรง ” เจ้านั่นหายไปอีกแล้ว ! แล้วเราจะหาตัวมันได้อย่างไร ? “
ฉาวจื่อหลานยืนนิ่งมองดูตะวันกลั่นวิญญานด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางรู้สึกสับเป็นอย่างมาก
นี่คือตะวันกลั่นวิญญานจริงรึ ?
เห็นได้ชัดว่ามันย่อมเป็นอุกกาบาตที่ตกมาจากนอกโลก !
ตะวันกลั่นวิญญานนั้นมาจากระบบสุริยะ มันสมควรเต็มไปด้วยพลังความร้อนจากแสงอาทิตย์สิ แล้วมันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?
อะไรกันที่สามารถดูดซับพลังแสงอาทิตย์จากตะวันกลั่นวิญญานทั้งหมดได้ในเวลาสั้น ๆ ! [TL.แกนเพลิงน้อย กับ จอมดูดฉื่อหยานไงครับ 5555555]
เป็นฉื่อหยานงั้นรึ ?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของฉาวจื่อหลาน ขณะที่จ้องไปยังตะวันกลั่นวิญญาน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นหินอุกกาบาตธรรมดาไปแล้ว นางถึงพับพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
สิ่งที่แรกที่นางคิดก็คือ นางนั้นกำลังกังวลเกี่ยวกับฉื่อหยาน นางรู้สึกว่าฉื่อหยานนั้นมีความลับมากมาย ที่นางไม่อาจเข้าใจได้
ด้วยจิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าของนาง นางสามารถมองเห็นจิตใจของคนได้อย่างง่ายดาย สามารถรับรู้และตรวจจับพลังวิญญานได้ทุกรูปแบบ และนางก็สามารถมองศัตรูของนางได้อย่างทะลุปุโปร่ง
แต่ในวันนั้น นางกลับไม่สามารถมองฉื่อหยานออกได้เลย และนั่นทำให้นางกังวลและสับสนเป็นอย่างมาก นางไม่เคยเจอใครที่อยู่เหนือสัมพัสของนางเลย นางนั้นเกลียดความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นนี้มากๆ
พานโจว และซูหยานซิง นั้นก็รู้เรื่องเกี่บวกับตะวันกลั่นวิญญานในตำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาเองก็สับสนเช่นกันในขณะที่มองดูตะวันกลั่นวิญญาน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเหมือนกับก้อนหินธรรมดา พวกเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หลังจากนั้นสักพัก
” ข้าคิดว่า ฉื่อหยานได้หนีไป เห้ออ . . . สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือตามหาร่องรอยทิศทางที่เขามุ่งไป “
” ตรงนั้น ดูเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ ! ” หยุดเล็กน้อย จากนั้นฉาวจื่อหลาน ก็อุทานออกมา ” โอ้ …” ใบหน้าของนางก็กลายเป็นประหลาดใจ
” มันคืออะไรรึ ? ” พานโจวถาม
” เจ้าคิดหรือไม่ว่าาทะเลทรายตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เราเข้ามา ? ตอนนี้พวกเจ้าสามารถใช้พลังวิญญานได้โดยไม่ถูกปิดกั้นแล้ว ในที่สุดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าของข้าในสถานที่แห่งนี้ก็หายไป หึ ! ตรงนั้น ตรงนั้นสมควรมีรูปแบบ และสิ่งก่อสร้างบางอย่างอยู่ ข้าคิดว่าตอนนี้เราสามารถออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ” ฉาวจื่อหลานพูดอย่างใจเย็น
” จริงรึ ? ” กู่หลินหลงก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น .
ทะเลทรายแห่งนี้อากาศค่อยๆเย็นขึ้นเรื่อยๆ , พลังแปลกประหลาดที่ปกคลุมอยู่มทั่วทะเลทรายทั้งหมดก็หายไป
” เป็นเรื่องจริงสินะที่ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นจากอุกกาบาตนี่ ” ซูหยานซินมองไปที่ตะวันกลั่นวิญญานที่กลายเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ” มันต้องเป็นเพราะตะวั่นกลั่นวิญญานแน่นอน ‘ ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในทะเลทราย “
” เรื่องนั้นข้าเองก็รู้ ! ” ฉาวจื่อหลาน ร่างที่บอบบางก็สั่นด้วยความโกรธ ดวงตาของนางส่องประกายและนางก็กล่าว, ” ทะเลทรายแห้งนี้มีขนาดกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ตะวันกลั่นวิญญานเป็นแหล่งพลังทั้งหมดของรูปแบบที่ปกคลุมอยู่ทั่วสถานที่แห่งนี้ เมื่อพลังทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้หายไป รูปแบบที่ยิ่งใหญ่นี้ก็หยุดทำงานและสถานที่ที่แท้จริงก็ปรากฏออกมา “
” พระเจ้า ….มีรูปแบบที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่ด้วยงั้นรึ ?” กู่หลินหลงตะโกนออกมาพร้อมกับเอามือปิดปาก
” ใช่ ! ” ฉาวจื่อหลานพยักหน้าหน้า จากนั้นวิเคราะห์อยู่พักหนึ่งและพูดออกมา ” บางทีเราคงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว ข้ารู้ทางออกแล้ว อื้ม….เราสมควรไปที่นั่น ข้าคิดว่า ฉื่อหยานเองก็คงไปทิศทางนั้นเช่นกัน “
หลังจากนั้นสักครู่
ฉาวจื่อหลาน และคนอื่นๆก็พบกับรูปแบบโบราณแห่งหนึ่งในทะเลทราย รูปแบบโบราณนี้คล้ายกับรูปแบบที่พวกเขาใช้มายังทะเลทราย
โดยไม่ลังเล เหล่านักรบทั้งหมดก็เข้าไป จากนั้นก็มีแสงสว่าสีชมพูส่องออกมา ทันทีพวกเขาก็หายตัวไปจากทะเลทรายแห่งนี้ โดยไม่เหลือร่องรอย
ในป่าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ในป่าแห่งนี้มีกลิ่นอายธรรมและพลังหนาแน่นเป็นอย่างมาก ภายในป่าเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และอากาศที่บริสุทธิ์ก็กระทบเข้ากับใบหน้าของเขา ทำให้นักรบที่มายังที่แห่งนี้รู้สึกสดชื่นและสบาย
เหนือรากต้นไม้โบราณ ฉื่อหยาน ซ่อนอยู่ในกองพุ่มใบไม้ที่หนาแน่น โดบสูงจากพื้นดินประมาณร้อยเมตร ฉื่อหยาน ก็มองลงมา
หลังจากที่ผ่านรูปแบบโบราณเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ที่แรกฉื่อหยานคิดว่า เขาได้กลับมายังทะเลเคียร่าแล้วนั่นทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เขารู้ว่าเขาคิดผิด เขานั้นอยู่ในหุบเหวสนามรบ
บนท้องฟ้าปลอดโปร่งเต็มไปด้วยก้อนเมฆ มีมวลของเมฆขาวลอยเอื่อยเฉื่อย แต่ไม่มีแดด ไม่มีพระจันทร์ หรือดวงดาว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังจากดวงดาวไหลเข้าไปในจิตวิญญานแห่งดวงดาวของเขา
โลกที่ไร้ซึ่ง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ทะเลเคียร่า สถานที่แห่งนี้ยังคงอยู่ภายในหุบเหวสนามรบอยู่ มีเพียงสภาพแวดล้อมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ในเหวสนามรบ , แต่กลับมีกลิ่นอายธรรมชาติและพลังหนาแน่นเป็นอย่างมาก มันดูแตกต่างจากคำพูดของหยางมู่และนักรบคนอื่นๆมาก
จากคำพูดของหยางมู่และนักรบปฐพีคนอื่นๆ พลังในสถานที่แห่งนี้สมควรที่จะบางเบา มันเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่การฝึกฝนเป็นอย่างมาก สถานที่ที่เรียกว่าหุบเหวสนามรบแห่งนี้ มีเพียง ซากอารยธรรมโบราณ หรือกระดูกของนักรบเท่านั้น ไม่ใช่สถานที่ ที่นักรบจะสามารถอาศัยอยู่ได้
มันห่างไกลจากคำบอกเล่าเหล่านั้นเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เขาพบว่า เขากำลังอยู่ในป่าไม้ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์
จากที่ไกลๆ ดูเหมือนจะมีปราสาทหินขนาดใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ปราสาททั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยหินยักษ์ , มีธงสีแดงโบกสะบัดอยู่ด้านบนของปราสาท และสามารถมองเห็นใครบางคนที่อาศัยอยู่ในปราสาทได้อย่างชัดเจน
ที่ตั้งของปราสาทหินขนาดยักษ์นั้นอยู่ห่างจากฉื่อหยานประมาณสิบไมล์ ปราสาททั้งหมดถูกป้องกันด้วยพลังลึกลับบางอย่างซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉื่อหยานจะส่งจิตสำนึกเข้าไปตรวจสอบดู
เมื่อหันมองไปทางอื่น ก็ยังเห็นเพียงแค่ป่าไม้ที่ไม่มีสิ้นสุด และหูของเขาบางครั้งก็ยินเสียงที่น่ากลัวของสัตว์อสูรบางตัว
สถานที่นี้ ไม่ต่างจากสถานที่แห่งอื่นที่อยู่นอกหุบเหวสนามรบ มีกลิ่นอายธรรมชาติ สัตว์อสูร และนักรบ แต่มันกลับไม่มีดวงอามิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ หรือดวงดาว
สังเกตจากความสูงหนึ่งร้อยเมตร ฉื่อหยานก็เงียบไปสักพัก แล้วก็ตัดสินใจว่าจะไปยังปราสาทหินขนาดยักษ์เพื่อดูว่ามีนักรบคนอื่นอยู่จริงหรือไม่
” ตุบ ! “
เหมือนกับนกตัวใหญ่ ฉื่อหยานกระโดดลงไปด้านล่างอย่างมั่นคง
ตอนนั้นเอง ก็พลังงานเชิงลบออกลอยออกมาเหมือนกับเชือกนับพันล้านเส้นพันไปรอบๆร่างของเขา หลังจากเขาลงถึงพื้น เขาก็รู้สึกได้ว่า เขากำลังถูกพันธนาการและไม่สามารถคเคลื่อนไหวได้
” เจ้าคนเผ่าป่าเถือน ! “
เสียงที่เย็นยะเยียบกระซิบมาที่หูของเขาจากด้านหลัง
ฉื่อหยานต้องหันหัวไปข้างหลังเพื่อดูว่าเสียงกระซิบนั่นมาจากที่ได้ แต่เขาก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถหันคอของเขาไปได้ เขาได้กลิ่นหอมของกล้วยไม้ และกลิ่นนั่นก็ลอยเข้าไปในจิตใจของเขาอย่างเงียบๆ ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวจากนั้นเขาก็สลบไป
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 16 แล้ว มีถึงตอนที่ 698 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>G OS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ