บทที่ 267 เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
ในถ้ำหินที่มืดมิด ฉื่อหยานจ้องไปที่จักพรรดิ์นีเของตระกูลปีกขาวที่กำลังโกรธด้วยแววตาใสซื่อ นางนั้นอยากจะชกเขาเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงสิ่งที่อยู่ภายในภูเขา นางก็ต้องยับยั้งการระคายเคืองของนาง นางจ้องเขาด้วยสายตาเร่าร้อนของนาง หญิงสาวดึงมือของเขา และพาเขาไปยังศูนย์กลางของภูเขา
ด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่อยู่ภายใน การกระทำของยู่โหลวนั้นไม่อ่อนโยนเลย มือเล็กของนางเป็นเหมือนกับคีมบีบไปที่มือของฉื่อหยาน
” โอ้ ! ? “
แม้ว่ายู่โหลวจะเพิ่มแรงบีบไปอย่างต่อเนื่อว นางก็ตระหนักได้ว่า ฉื่อหยานไม่ได้พูดหรือร้องออกมาเลยราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิด กับความประหลาดใจของนาง นางก็เอาแต่บีบไปที่มือของเขา
ยู่โหลวก็แปลกใจ แรงที่นางใช้นั้นเพียงพอที่จะบดกระดูกของนักรบระดับรู้แจ้งด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ฉื่อหยานจะอยู่เพียงแค่นภาที่สองของระดับหายนะ เขากลับทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น
” ท่านพอใจแล้วหรือยัง ?” เมื่อยู่โหลวบีบแรงขึ้น ฉื่อหยานจึงเริ่มพูดออกมา ” ถ้าท่านยังทำเช่นนี้อยู่ ก็ช่วยไม่ได้หากข้าจะร้องออกมา หากท่านได้ปลดปล่อยความโกรธแล้ว ก็อย่าได้ทรมานข้าเลย . “
” เจ้าเด็กบ้า เจ้านั้นไม่ธรรมดาจริงๆ เส้นชีพจรของเจ้าดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างต่อเรื่อง พวกมันแต่ละเส้นนั้นประหลาดเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่ามีพลังบางอย่าง ช่วยต้านรับและหลอมรวมอยู่ภานใน . . . . . . . “
ยู่โหลวยังคงบีบมือของเขาไว้แน่น นางไม่คิดที่จะลดแรงที่นิ้วมือของนางลงเลย นางยังคงพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนและจ้องมองอย่างประหลาดใจ ” ฉื่อหยาน , ร่างกายของเจ้านั้นไม่เหมือนกับคนทั่วไป ข้ามีความรู้สึกว่าเส้นชีพจรในร่างกายของเจ้าทั้งหมดดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับคนปกติ เจ้าทำอะไรกันแน่ ? “
นางนั้นยังต้องการที่จะสำรวจความลับทั้งหมดภายในร่างกายของ ฉื่อหยาน ครั้งสุดท้ายเมื่อนางได้กลับไปยังเมืองโบราณ นางก็ได้พบว่ามีพลังยางอย่างอยู่ในเลือดและเส้นเลือดของฉื่อหยานซึ่งมันได้กดขี่โลหิตอมตะอยู่ นางนั้นรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวโบราณมากมาย ดังนั้นนางจึงนึกไม่ออกเลยว่าพลังอะไรกันอยู่เหนือกว่าพลังในสายเลือดของพระเจ้าราชันย์อมตะ
นางเดาว่าฉื่อหยาน ยังคงปกปิดความลับบางอย่างอยู่ นางตระหนักได้ว่ามีอำนาจลึกลับบางอย่างกำลังกดขี่โลหิตอมตะอยู่ในเลือดภายในร่างกายของเขา มิฉะนั้นโลหิตอมตะคงไม่สงบเช่นนี้
” ไม่มีอะไร . . . . . . . ” ฉื่อหยานส่ายหัว .
เขาต้องเก็บทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณต่อสู้ลึกลับของเขาให้มิด . เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ไม่ต้องพูดถึงมันยู่โหลว แม้จะเป็นเซี่ยซินหยานเขาก็ยังคงไม่บอกนาง
” ฉื่อหยาน , บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ แต่ข้าได้บอกเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าให้ ตี่ฉานฟังแล้ว . ” ยู่โหลวก็พูดขึ้นหลังจากคิดสักพัก ” ตี่ฉาน เป็นคนหยิ่ง ไม่มีใครที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงและโหดร้ายเช่นเขา ในเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก ตี่ฉานถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของนักรบระดับสูง แม้แต่ข้าก็ยากที่จะเป็นคู่แข่งของเขา ถ้าเจ้าสามารถได้รับการสนับสนุนจากตี่ฉาน และเมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของบรรพบุรุษ เขาก็จะยอมรับเจ้าเป็นนายเหนือหัว จากนั้นเขาก็จะปกป้องชีวิตของเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้า หลังจากออกจากดินแดนรกร้างแห่งนี้ได้ เจ้าจะมีขุมกำลังมหาศาลคอยสนับสนุน . ด้วยความร่วมมือของตี่ฉาน และข้า รวมถึงเปลวไฟนภา ซึ่งเป็นศัครูตามธรรมชาติของเผ่าเสียงอสูร บางทีเจ้าอาจจะสามารถกำหราบเผ่าเสียงอสูรได้ เจ้ารู้ใช่หรือไม่นั่นหมายความว่าเช่นไร? “
” อะไรนะ ? ” ฉื่อหยานก็มองไปด้วยความตกใจ ตาของเขาสว่างขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจเพียงใด
” อย่างไรก็ตาม ตี่ฉาน หยิ่งยโสโอหังมาก ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานของพระเจ้าราชันย์อมตะ เจ้าก็ยังเป็นแค่นักรบระดับปฐพี มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขาเชื่อฟังเจ้า “ยู่โหลว พูดอย่างต่อเนื่อง ” ดังนั้น ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ตี่ฉานร่วมมือด้วย เจ้าจะต้องแสดงความสามารถของเจ้าออกมาให้มากกว่านี้ เจ้าไม่ควรเก็บซ่อนมันไว้ นอกจาก ตี่ฉาน จะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเจ้าแล้ว เขาจะไม่นับถือหรือปฏิบัติตามเจ้าเด็ดขาด ” ยู่โหลว ค่อยๆ อธิบายให้เขาฟัง
ฉื่อหยาน ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ หลังจากที่ยู่โหลวพูดจบ เขาก็พยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า ” ข้าเข้าใจแล้ว “
ฉื่อหยาน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร ยู่โหลวไม่ได้พูดอะไรต่อและยิ้มให้ จู่ๆ นางพุ่งออกไปและกลายเป็นรัศมีสีขาวสาดไปที่ตรงกลางของภูเขา
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
” แตร๊ก แตร๊ก”
” แคว๊กก แคว๊กกก ” .
ลึกภายในภูเขา เสียงคำรามของสัตว์อสูรเสียงดังก้องไปอย่างต่อเนื่อง พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ด้วยเสียงที่บาดหูและเสียงสายฟ้าที่อยู่นอกภูเขา
ยู่โหลว กับฉื่อหยานืั้ถูกจับก็บินตรงเข้ามาในภูเขาพร้อมกัน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาก็ยังอยู่่ในถ้ำมืดที่มืดมิด
อย่างไรก็ตาม ยู่โหลวรู้ทุกเส้นทางบนภูเขาดี นางตามไปยังทิศทางที่ ตี่ฉาน อีเทียนโหมวไป นางไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว
ไม่แน่ใจว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่ , ฉื่อหยาน พลันได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรเสียง , เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่เป็นการโจมตีพิเศษมุ่งมา
ในเวลาเดียวกัน , ร่างของยู่โหลวก็เคลื่อนไหวช้าลง แสงสีเงินจางๆเข้ามาใกล้พวกเขา แสงสว่างนี้สว่างขึ้นในถ้ำมืด
” ตี่ฉาน !” ยู่โหลวตะโกนตกใจ นางปล่อย ฉื่อหยาน และบุกไปข้างหน้า
” ตูม ตูม ตูม “
พลังที่น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อประทะกันและเกิดระเบิดขึ้นในถ้ำ หินลาวาขนาดใหญ่ทันทีก็กลายเป็นชิ้นๆ กระจายทั่วในถ้ำหลังจากที่ถูกโจมตีด้วยพลังเหล่านั้น
ฉื่อหยาน ยืนอยู่บนก้อนหินลาวาที่แข็งแรงก้อนหนึ่ง เขาต้องการที่หามุมที่สามารถมองเห็นฉากที่ิอยู่่ด้านหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ฝุ่นสีเทาหนาก็ปิดกั้นวิสัยทัศน์ของเขาไว้ ฝุ่นละอองจำนวนมากได้ลอยเข้าไปในดวงตาของเขา ทำให้เกิดอาการคันระคายเคือง .
หลังจากที่เขาได้ปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไป เขาก็พบว่ามีสนามแม่เหล็กวิญญานหมุนอยู่ภายในถ้ำ
สนามแม่เหล็กวิญญานทันทีก็กดทับลงมาที่จิตสำนึกวิญญษนของเขา มันได้สลายจิตสำนึกวิญญานของเขาอย่างไม่เหลือร่องรอย
ทันทีเขาก็ตกใจด้วยความกลัว เขาไม่กล้าที่จะส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไปอีกครั้ง แต่เขาก็ได้โคจรพลังปราณลึกลับไปที่ดวงตาของเขา และพลังปราณลึกลับของเขาก็ได้รวมกันกลายเป็นม่านแสง
แม้ว่าเขาไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในถ้ำ หรือปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไป มันไม่ได้หมายความ ว่า เขาจะไม่สามารถมองเห็นมันได้
พลังที่กราดเกรี้ยวได้ทำลายก้อนหินที่อยู่บนภูเขาเสียงอสูรไปหลายก้อน ก้อนหินแตกกระจาย เกิดเป็นฝุ่นเต็มไปหมด ด้วยแรงสั่นสะเทือน เขามั่นใจว่า นักรบยอดฝีมือกำลังต่อสู้กันอยู่ในถ้ำ
ยู่โหลวได้ร้องตะโกนออกไปทันที เมื่อนางเห็นว่าตี่ฉานกำลังต่อสู้อยู่ ดังนั้น นางจึงปล่อยฉื่อหยานและมุ่งไปที่ ตี่ฉาน
แม้ว่า ตี่ฉาน จะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งในเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก ไม่ว่าสถารการณ์จะเลวร้ายเพียงใดหรือ คู่ต่อสู้ของเขาคือสัตว์อสูรเสียงที่อยู่เหนือสัตว์อสูรเสียงทั้งปวงและยังเป็นปีศาจที่กระหายเลือดมากที่สุด ไม่ว่าคนๆมันจะเป็นอะไร มันก็คงไม่สามารถชนะตี่ฉานได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ฉื่อหยานจึงยืนอยู่ที่เดิมอย่าง , สงบเงียบ และ รอ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
แสงแดงระเรื่อที่ปรากฏอยู่ในถ้ำมืด ค่อยๆริบหรี่ลง ฝุ่นและเถ้าถ่านที่กระจายอยู่รอบๆและบังวิสัยทัศน์ของเขาก็ถูกซัดปลิวไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น ฝุ่นและเถ้าถ่านรอบๆ ฉื่อหยานก็หายไป
” โอ้ ! ” ฉื่อหยาน ก็ตกใจเป็นอบ่างมาก จู่ ๆเขาก็มองไปยังแหวนสายโลหิตบนนิ้วของเขา เขาเห็นแสงสีแดง ส่องออกมาจากแหวนสายโลหิต
ด้วยแสงสีแดงที่ส่องออกมา วิสัยทัศน์ของฉื่อหยานก็กลายเป็นชัดเจน ทุกอย่างรอบๆตัวเขากลายเป็นชัดมากขึ้น
นี่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ แสงสีแดงยังคงส่องประกาย ชำระล้างขี้เถ้าและฝุ่นออกไป ฉื่อหยานก็เริ่มเห็นเส้นทางของถ้ำที่ยาวไม่รู้จบ
มีหยกสีน้ำตาลแขวนอยู่เหนือหัวของเขา 30 เมตร พื้นผิวเต็มไปด้วยหลุมขนาดใหญ่เท่าปลานนิ้ว ทั้งท้องฟ้าและพื้นดิ้นหยาแน่นไปด้วยกลิ่นอายพลังหยิน
สถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นแกนหลักของภูเขาเสียงอสูร
เขามองตามแสงสีแดงที่ส่องออกไป จนแสงสีแดงครอบคลุมเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างเท่ากับห้าสนามฟุตบอลรวมกัน เขาก็เริ่มเห็นดวงตาหลายคู่ที่มีสีแตกต่างกันกระพริบไปมา ในขณะที่แสงสีแดงยังคงส่องแสงอยู่ดวงตาเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้น
สัตว์อสูรเสียงปรากฏตัวขึ้นทุกที่ พวกมันมีจำนวนหลายร้อยหลายพันตัว จากระยะไกลออกไปพวกมันแต่ละตัวจ้องมองมาที่เขาด้วยความเกลียดชัง
ฉื่อหยานเห็นได้ชัดว่าไม่หวาดกลัว เขาเผยรอยยิ้มอ่อน เปลวไฟสีแดงก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา และพลังของเปลวไฟนภาก็หลั่งไหลออกมาจากร่างของเขา สัตว์อสูรเสียงที่เห็นก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกมันขยับถอยไปหลังทีละนิด
” ที่นี่ที่ไหน ? “
จิตสำนึกของเปลวเหมันเยือกแข็งก็ลอยออกมาจากแหวนสายโลหิตทันีท เป็นเปลสเหมันเยือกแข็งที่ส่งข้อความออกมา . ท้องฟ้าและพื้นดิน เต็มไปด้วยกลื่นอายพลังหยินที่หนาแน่น ภายในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยินที่เย็นยะเยือกจนสามารถทำลายวิญญานได้ นี่ นี่ . . . . . . . “
” แหวนสายโลหิตปลดผนึกให้เจ้าแล้วงั้นรึ ? ” ฉื่อหยานตอบกลับทันทีด้วยความสุข
แหวนสายโลหิตคงจะตระหนักได้ว่าอันตรายกำลังจะมาถึงตัว นอกจากนี้ เพราะจิตสำนึกตอนนี้ของแกนเพลิงได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว มันจึงไม่ผนึกข้าอีก . ” เปลวเหมันเยือกแข็งรีบตอบเขา แล้วมันก็พูดกระตุ้นฉื่อหยาน ” ออกไปจากสถานที่นี้ซะ ที่นี่มันอันตรายเป็นอย่างมาก กลิ่นอายพลังหยินนี้สามารถทำลายวิญญาณของมนุษย์ได้ . มันคือ . . . . . . . “
” อะไร ? “
” มันคือเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน หนึ่งในเปลวไฟนภา , มันเป็นหนึ่งในตัวตนที่อันตรายที่สุด เปลวไฟของมันนั้นไม่ใช่เปลวไฟที่มวลสารที่แท้จริง มันสามารถทำลายวิญญาณของสิ่งมีชีวิตได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็แทบจะไม่สามารถต้านทานพลังไฟของมันได้เลย ทันทีปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานสัมผัสกับร่างกายของเจ้า มันก็จะเผาวิญญานของเจ้าเป็นเถ้าถ่านทันที “
” เจ้าบอกได้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน “
” มันอยู่ตรงนั้น ข้ารู้สึกถึงมันได้ เจ้าควรจะไปซะเดี๋ยวนี้ “
” ตูม ตูม ตูม “
เสียงต่อสู้ที่เกรีั้ยวกราดพร้อมกับเสียงร้องของยู่โหลวก็ดังขึ้นมาจากพื้นดินที่สั่นสะเทือนและเสียงคำรามโหยหวน .
หน้าฉื่อหยานเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาก็มองไปยังทิศทางนั้น
แสงที่ส่องออกมาจากแหวนสายโลหิตก็ส่องออกไป มันพัดฝุ่นและเถ้าถ่านรอบๆ ฉื่อหยาน และเปิดวิสัยทัศน์ของเขาให้ค่อยๆชัดเจนขึ้น
จ้องมองไปอย่างระมัดระวัง เขาก็ตระหนักได้ว่ามีร่างหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรเสียงหลายตัวพร้อมกับเกิดระเบิดที่รุนแรงขึ้น . นี้ฝูงสัตว์อสูรเสียงที่ก้าวร้าวเป็นอย่างมาก พวกมันไม่เกรงกลัวความตาย ร่างยักษ์ของพวกมันปกคลุมไปด้วยเกล็ด ซึ่งดูน่ากลัวและดุร้ายเป็นอย่างมาก
สัตว์เหล่านั้นปล่อยกลิ่นอายพลังหยินที่รุนแรงออกมา สีตาของเขาเป็นสีเงิน สายตานั้นแนบติดกับร่างกาย ร่างกายของพวกมันดูราวกับถูกหล่อขึ้นมาจากเหล็กที่แข็งแกร่ง สัตว์อสูรเสียงเหล่านี้ไม่เหมือนกับทั่วไป ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีขนาดใหญ่ พวกมันกลับไม่มีร่องรอยขอชีวิตราวกับว่าวิญญานของพวกมันถูกถอนไปอย่างสมบูรณ์ ร่างกายทั้งหมดของพวกมันเต็มไปด้วยเกล็ดและกลิ่นอายแห่งความตาย
สัตว์อสูรเสียงเหล่านี้ทำให้ผู้นำทั้งสาม ตี่ฉาน ยู่โหลว ตั่วหลง ต่อสู้กับพวกมันด้วยความยากลำบาก
” นั่นคือสัตว์อสูรเก้าวิญญาน ในร่างกายของสัตว์อสูรเหล่านั้นเต็มไปด้วยพลังหยินและเก้าสมถะ พวกมันนั้นไร้ซึ่งวิญญาน พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือถูกควบคุมด้วยความจาย พลังของพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อพวกมันตาย มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับสัตว์อสูรผีดิบพวกนี้ เว้นเสียแต่ว่าจะทำลายพวกมันจนเป็นขี้เถ้า มิฉะนั้น หากมีกระดูกเหลือเพียงแม้แต่ข้อเดียว เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็ยังสามารถควบคุมพวกมันและโจมตีเราได้ . ” เปลวเหมันเยือกแข็งอธิบาย
ทันที ประกายแสงของความประหลาดใจก็ส่องออกมาจากดวงตาของฉื่อหยาน
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 20 แล้ว มีถึงตอนที่ 895 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <