บทที่ 273 เส้นทางหวนกลับ
ยกให้เป็นนายเหนือหัว !
สามผู้นำแห่งเผ่าเสียงอสูรก้มศีรษะของพวกเขาอยู่ด้านหน้า ฉื่อหยาน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาก็ยังทำ
ตอนนี้ชะตากรรมของเผ่าเสียงอสูรอยู่ในมือของฉื่อหยาน
ตี่ฉานและยู่โหลวก็เผยรอยยิ้มดูหมิ่นอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของพวกเขา เหมือนกับพวกเขารู้อยู่แล้วว่า ทั้งสามคนจากเผ่าเสียงอสูรไม่กล้าที่จะพูดข่มขู่ฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน เหมือนกับว่าเขาได้หายไปในเมฆหมอก เขามองไปที่ผู้นำของเผ่าเสียงอสูรทั้งสามด้วยความสับสนราวกับว่าเขาอยู่ในความฝัน
ไม่ต่อต้าน ไม่ต่อรอง ไม่ไม่พอใจ นี่คือสิ่งที่ผู้นำทั้งสามแสดงออกมา !
เผยรอยยิ้มใหญ่ , ฉื่อหยาน ก็พูดกับผู้นำทั้งสามด้วยสีหน้ามีความสุข ” ท่านแน่ใจรึ ? “
พวกเขาทั้งสาม อีเทียนโหมว คาป้า และหยาเมิงพยักหน้าบอมรับสถานะของฉื่อหยานอย่างไม่เต็มใจ
” ดีมาก เท่านี้ก็เป็นอันตกลง ” ตี่ฉานขมวดคิ้วเข้าหากันและกล่าวว่า ” . มีแค่เราที่รู้เรื่องนี้ รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะบอกคนอื่น ๆ ข้าคิดว่าคนของเราจะต้องเข้าใจการตัดสินใจของเราและสิ่งที่เราทำ เมื่อนายท่านของเราจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขาก็จะยอมรับนายท่านด้วยใจแน่นอน . “
ตี่ฉานมองฉื่อหยาน
ฉื่อหยานก็เข้าใจเลย เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า ” ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร “
” ทุกอย่างจะยังคงเป็นเช่นปกติ แต่ในตอนนี้ ทุกคนต้องทำตามกฎ “
ยู่โหลวยิ้ม คิดสักพักก่อนพูดอย่างจริงจัง ” ข้าคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำก่อนคือการคิดหาวิธีทางออกจากไปจากที่นี่ “
” บันไดสวรรค์ ได้ปรากฎตัวขึ้นแล้ว ทางออกมันก็อยู่ตรงหน้าเรา ” ตี่ฉาน ยกศีรษะของเขา และก็บอกว่า ” เราต้องจัดการนำผู้คนออกจากที่นี่ เราไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เวลาคับขันเช่นนี้ ต้องรีบหน่อย “
” นายท่าน พวกเราจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ” 3 ผู้นำเผ่าเสียงอสูร พูดขอคำสั่งพร้อมกับมองไปที่ฉื่อหยาน และกำลังรอการอนุมัติจากเขา
ฉื่อหยาน สับสน เขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของทั้งสามคนได้ หลังจากตรึกตรองอยู่สักพัก เขาฝืนพลิกมือของเขาและกล่าวว่าด้วยความพึงพอใจ” เจ้าไปตรวจสอบและเตรียมความพร้อมไว้ ตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก นอกจากนี้ พูดตามตรง ความสามารถของข้าจะยังคงมีจำกัด และประสบการณ์ของข้าก็ไม่มีเท่าพวกเจ้า เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าคิดว่าถูกต้องและสมเหตุสมผลได้เลย ครั้งหน้า เจ้าไม่ต้องมารอคำสั่งจากข้าก้ได้ ” .
หลังจากเขาพูดเสร็จ สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรและสองผู้นำของเผ่าปีกทั้งหมดก็มองไปที่ฉื่อหยานด้ววยความประหลาด
พวกเขาคิดว่าฉื่อหยานนั้นพึ่งเข้ามา และเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม เขาเป็นคนทะเยอทะยานและก้าวร้าว เขามีความคิดและมุมมองของเขาเอง
ยังไงเขาก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่ม เด็กมักจะต้องการที่จะแสดงออกและมักจะแสดงออกความเห็นมากมาย แน่นอน เขาต้องการจะทำเช่นนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่บรรดาผู้นำจะกระทำเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ?
พวกเขาทั้งห้าได้เตรียมที่จะฟังความคิดเห็นของ ฉื่อหยาน ก่อนและพวกเขาก็จะได้ออกความคิดเห็นและแนะนำไปยังทิศทางที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คิดเลยว่าฉื่อหยานจะทำเช่นนี้ การตัดสินใจของเขาดูเหมือนไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดเมื่อได้เป็นนายเหนือหัวของทั้งสองเผ่า
ถ้าชายคนนี้ไม่โง่ก็คงเป็นคนไม่มีความมั่นใจ หลังจากผ่านเหตุการณ์อันตรายมาเป็นจำนวนมาก เขากลับต้องการพักผ่อนอย่างสงบโดยไม่ต้องสนใจเรื่องชื่อเสียงและอำนาจ
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฉื่อหยานเป็นคนเช่นไรกัน ?
” ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกคำสั่งกับพวกท่านได้ ” ภายใต้การคิดวิเคราะห์ของผู้นำทั้งห้า ฉื่อหยานก็ยักไหล่ และเผยรอยยิ้มบางๆ “ข้าแค่อยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ ถ้าเจ้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้เร็วๆ ข้าก็พอใจแล้ว ยังไงก็ตาม ข้าไม่คิดว่าเราจะมีเวลามากนัก “
เมื่อเขามองไปไกลออกไปดินแดนที่กว้างใหญ่ก็เริ่มกลายเป็นสลาย
ไม่รู้ว่าดินแดนแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ พื้นที่บางส่วนกลายเป็นบิดเบี้ยวและหายไปทีละน้อย
ห้าผู้นำก็ตกใจ หลังจากได้ยินฉื่อหยานพูดเช่นนั้น พวกเขา ก็ส่งจิตสำนึกมองออกไปรอบๆโดยไม่พูดอะไรอีก พวกเขาพยักหน้าให้ฉื่อหยาน เบา ๆ และกระโดดไป
” เรียงแถว ปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ ขึ้นไปอย่าหยุด ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินอะไรก็ตาม ! “
” นี่คือบันไดสวรรค์ที่นำไปสู่โลกภายนอก เร็วเข้า เราชักช้าไม่ได้แล้ว “
” ทุกคนจากตระกูลปีกดำ จงทำตามซะ ! . . . . . . . “
หลังที่ พวกเขาทั้งห้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็ส่งคำสั่งออกไปยังคนของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน คนจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็ได้สติ . ทุกคนเข้าแถวตามคำสั่ง
“คือว่า . . . ” ฉาวจื่อหลานใบหน้าที่สวยงามของนางแสดงความไม่มั่นคงออกมาในขณะที่นางมองไปฉื่อหยานที่ยืนอยู่คนเดียวบนสวรรค์บันไดไกลออกไปจากนาง นางเริ่มกังวลว่านางจะถูกทิ้ง
แม้ว่านางจะใช้จิตวิญญานสัมพัสพระเจ้า นางก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะรอบๆต่างก็เต็มไปด้วยนักรบระดับสูงจากเผ่าเสียงอสูร
อย่างไรก็ตาม นางสังเกตุเห็น การสนทนาระหว่าง ตี่ฉาน อีเทียนโหมว และฉื่อหยาน นางจึงรู้ได้ถึงบางสิ่ง
บรรดาผู้เผ่าต่างก็แสดงออกกับเขาอย่างเคารพ มันเป็นไปได้อย่างไร ?
” ท่านพ่อ ” อีฉู่ปี่ก็ตะโกนไปที่อีเทียนโหมว
” ว่าไง ? ” อีเทียนโหมว ขมวดคิ้วขณะที่เขากำลังยุ่งกับการจัดการคนของเขา ” เกิดอะไรขึ้น ? “
” ท่านจะทำเช่นไรกับพวกเขารึ ? ” อีฉู่ปี่ชี้ไปที่ฉาวจื่อหลาน และนักรบอื่น ๆของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดที่อยู่ในกรง
” เราต้องเอาไปด้วยหรือไม่ ? หรือว่าควรปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ ?”
อีฉู่ปี่ ไม่เหมือนกับพวกฉาวจื่อหลาน นางมีความสามารถด้านวิญญานที่พิเศษ นางสามารถรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของวิญญาน นางรู้ว่าหญิงสาวเหล่านี้มักจะตรวจสอบและวางแผนไม่ดีบางอย่าง
ตั้งแต่อีฉู่ปี่เป็นเด็ก นางได้ถูกสอนว่าบุคคลภายนอกต่างก็เป็นคนคิดไม่ซื่อ ไม่มีเหตุผล และรังเกลียดคนเผ่าเช่นนาง บุคคลภายนอกล้วนเป็นศัตรู
อีเทียนโหมวได้สอนให้นางไม่มีความเห็นอกเห็นใจมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่เมื่อนางได้พบฉื่อหยาน นางจึงรีบจับเขาโดยไม่ลังเล .
” ก็ . . . . . . . ” อีเทียนโหมวตัดสินใจไม่ได้แม้หลังจากพิจารณาสักพัก ในที่สุด เขาก็ต้องยกศีรษะของเขาไปฉื่อหยาน ที่ยังยืนอยู่บนบันไดสวรรค์ และส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไปถามฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ที่ใช้จิตสำนึกวิญญานเขาส่งออกไปทุกที่ก็สัมพัสได้ถึงจิตสำนึกของอีเทียนโหมว ตอนแรก ที่ฉื่อหยานสัมพัสได้ถึงจิตสำนึกของอีเทียนโหมว เขาก็คิดว่าอีเทียนโหมวจะทำร้ายเขา เขาจึงเร่งเร้าพลังทั้งหมดของเขาเพื่อปกป้อง แต่ต่อมาเขาก็สัมได้ว่าจิตสำนึกวิญญานั้นไม่ได้เลวร้ายหรืออันตราย
หลังจากรู้ว่าจิตสำนึกวิญญานที่มานั่นไม่ได้เป็นอันตราย เขาขมวดคิ้วของเขาและผ่อนคลายลง เขาหันไปที่อีเทียนโหมวที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกับพยักหน้า
อีเทียนโหมวทันทีก็เข้าใจความคิดของเขา และลดหัวลงเล็กน้อยให้ฉื่อหยาน และหันไปพูดกับอีฉู่ปี่ ” พาพวกเขาไปด้วย พวกเขายังมีชีวิตอยู่ก็จะเป็นประโยชน์ เจ้าพาพวกเขาไปที่บันไดสวรรค์ด้วย “
อีฉู่ปี่ก็รู้สึกคลุมเครือ นางไม่เคยคิดเลยว่า พ่อของนาง และ ฉื่อหยานจะสนิทกันเช่นนี้
แม้ว่าจะมีข้อสงสัยบางอย่าง นางก็ยังคงทำตามคำสั่งของพ่อนาง นางพูดกับอีเฟิงและกลุ่มของเขาเพื่อมอบหมายภารกิจ
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าฉาวจื่อหลาน ดวงตาสวยของนางอยู่ดีๆ ก็สว่างขึ้น ตาดำของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย
จุดพิเศษของจิตวิญญานสัมพัสพระเจ้า คือ ถึงแม้นางจะไม่ได้สังเกตไปรอบๆ นางก็ยังสัมพัสได้ว่าร่างของอีเทียนโหมวได้ส่งจิตสำนึกวิญญานบางๆออกไปใกล้ๆนี้ และทิศทางของมัน ก็คือตรงที่ฉื่อหยานอยู่
นางเห็นว่าฉื่อหยานผงกหัวให้ อีเทียนโหมวจากระยะทางหลายพันเมตร หลังจากนั้น อีเทียนโหมวก็ได้ตกลงที่จะไว้ชีวิตพวกเขา
มันคืออะไร ?
ไม่ว่าฉาวจื่อหลาน จะคิดเช่นไร นางก็ไม่อยากจะเชื่อความจริงที่นางเห็นกับตาตัวเอง
ผู้นำของเผ่าเสียงอสูรต้องฟังความเห็นของเขา
นี่เป็นเรื่องจริงรึ ?
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน ?
หัวใจของฉาวจื่อหลาน เหมือนกับจมไปด้านล่างของหุบเหว
ฉื่อหยาน นั้นไม่เห็นสีหน้าของฉาวจื่อหลาน เขายังคงยืนอยู่บนบันไดสวรรค์และวิ่งขึ้นไปด้านบน เขาสงสัยว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่หลังรูปแบบที่แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างแห่งนี้คือสิ่งใด
หุบเหวสนามรบ ดินแดนรกร้าง ผู้ใดกันที่สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ ?
ถ้าความจริงที่ข้ามาที่นี่คือโชคชะตา ดังนั้นคนๆนี้เป็นใครกัน เขาถึงคาดการณ์ทุกอย่างได้เช่นนี้ ?
มีหลายข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจของเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาความอยากรู้นี้ออกจากสมอง ฉื่อหยานต้องการจะรู้คำตอบ โดยไม่สนสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
” เราใกล้จะเสร็จแล้ว ” ยู่โหลวลู่ปีกของนางลงและยิ้มให้ นางค่อยๆเดินมาข้าง ฉื่อหยาน และพูดเบา ๆ ” ด้านนอกภูเขาเริ่มสลายแล้ว ข้าคิดว่าเราน่าจะขึ้นไปได้แล้ว สิ่งที่ข้าต้องการคือ ข้าต้องการที่จะเห็นดินแดนของบรรบุรุษที่มีทั้ง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ข้าฝันถึงสิ่งดีๆมากมายที่นั้น . . . . . “
ยู่โหลวพูดคำพวกนั้นออกมาด้วยความรักและความปรารถนา นางเกิดในแผ่นดินนี้และถูกทิ้งไว้ ตั้งแต่นางยังเด็ก ที่นางรู้ทั้งหมดก็มีเพียงเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ ความต้องการของนางนั้นกระตุ้นอยู่ภายในใจ
คนทั้งหมดจากเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกต่างก็มีความปรารถนาที่จะกลับไปยังบ้านเกิด
” ตกลง . ” ฉื่อหยานเผยรอยยิ้ม แม้ว่ายู่โหลวจะยังไม่ได้อธิบายอะไรเลย เขาก็รู้ว่าบันไดสวรรค์ที่เชื่อมโยงไปบนฟ้า, คือเส้นทางที่จะออกไปจากที่นี่
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขก็าถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าเขาจะได้กระสวยแยกนภา เขาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน
ถ้าเขาต้องใช้กระสวยแยกนภารับส่งพาทั้งสองตระกูลออกจากดินแดนรกร้างแห่งนี้ เขาก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนถึงจะทำได้
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าถ้าเขาต้องการที่จะค้นพบความลับของกระสวยแยกนภา เขาจะต้องใช้เวลาและจิตสำนึกเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเวลามากนัก
ฉื่อหยานปีนขึ้นไปถึงปลายบันไดในขณะที่คิดเรื่องต่างๆ เขาเป็นคนแรกที่เหยียบบันไดสวรรค์
ยู่โหลว จักพรรดิ์ตระกูลปีกขาวตระกูลก็เดินตามเขามาด้วยรอยยิ้มบางๆ และเดินตามเขาขึ้นบันไดสวรรค์ไป นางก้าวขึ้นไปทีละขั้นโดยไม่ใช้พลังหรือปีกของนาง , นางค่อยๆก้าวตามเข้าขึ้นสู่ท้องฟ้า
ฉื่อหยานอยู่ด้านหน้า ยู่โหลวอยู่ข้างหลังเขา บนบันไดที่ด้านหน้าของพวกเขา ดวงตาของคนเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปักก็จ้องมา . ฉื่อหยานและยู่โหลวค่อยๆเหยียบก้าวไปในท้องฟ้า ร่างของพวกเขาค่อยๆหายไปภายใต้ม่านแสงสว่างและพวกเขาก็หายไปจากดินแดนรกร้างแห่งนี้
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 20 แล้ว มีถึงตอนที่ 920 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <