บทที่ 285 เผชิญหน้า
เกาะมังกรเหมัน ไม่ได้อบอุ่นเลยแม้จะอยู่ในช่วงบ่าย
โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่รอบๆภูเขามังกรเหมัน สายลมเย็นที่พัดมาจากภูเขา ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขารู้สึกสดชื่นและสบาย
ภายในบ้านไม้สี่ชั้น นักรบระดับนภาสองคน ฮั่วเมิงและฮวงหน่านจากตระกูลกู่และดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ นั่งอยู่ตรงข้ามกับอีกสองคนคือกู่หลินหลงและซูหยานซิง
ฉาวจื่อหลาน เหอซิงเหมิน และพานโจวนั่งก็นั่งอยู่อีกที ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
หลังจากที่ฮัวเมิงและฮวงหน่านก็ได้ส่งข้อความไปตามที่ฉื่อหยานขอ พวกเขายังอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู่หลินหลงและซูหยานซิง พวกเขาเอาแต่ถาม และในที่สุดเมื่อได้รู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่คลุมเครือของเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในหัวใจของพวกเขา
ที่ทะเลเคียร่านั้นกำลังประสบหายนะจากเผ่าอสูร และตอนนี้เผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกก็ได้มายังที่นี่จากหุบเหวสนามรบ นอกจากนั้น เผ่าพันธุ์ทั้งสองนี้ยังมีนักรบระดับสูงที่ทำให้ฮั่วเมิงและฮวงหน่านประหลาดใจเป็นอย่างมากอีกด้วย พวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปักนั้นต้องการอะไรกัน
” นายท่านของเราจะมาถึงอีกในไม่ช้า จนกว่าจะถึงตอนนั้น หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น . . . . . . . ” ฮั่วเมิงมองกู่หลินหลงด้วยใบหน้าที่สับสนและกล่าวว่า ” ท่านหัวหน้าตระกูลของเราเป็นคนไม่ยอมใคร ในขณะเดียวกันความสามารถของเผ่าเสียงอสูรและเสียงปีกก็ยังไม่แน่ชัด ถ้าเขาโกรธ บางทีเขาอาจจะต่อสู้กับคนจากทั้งสองเผ่าก็เป็นได้ ถ้ามันเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ก็จะกลายเป็นยุ่งยากขึ้น “
กู่หลินหลงรู้ดีว่าฮั่วหลงต้องการจะบอกอะไร นางพยักหน้าและกล่าวว่า ” ข้าหวังว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบนเกาะนะ “
ซูหยานซิงผู้งดงามคิ้วก็ขมวด ขณะที่นางเปิดถอนหายใจออกมาเงียบๆขณะที่นางยังเป็นจักพรรดินีย์ศํกดิ์สิทธิ์ ยู่ชิง ที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์บนเกาะเลย”
พานโจวและฉาวจื่อหลานก็นั่งอยู่ใกล้กัน หลังจากได้ผ่านการทดลองวิญญานโดยฉื่อหยานมามากมาย , วิญญานของโพนโจวก็ถึงขีดจำกัด เขาได้สูญเสียความหยิ่งที่เคยมีมาทั้งหมด ตอนนี้ ทุกครั้งที่เขาเห็นฉื่อหยาน เขาพลันรู้สึกเย็นวูปภายในจิตใจของเขาและสั่นสะท้านด้วยความกลัว .
เมื่อพวกเขาอยู่ที่ดินแดนรกร้าง ฉื่อหยาน ทำทุกอย่างราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาทดลองและทดสอบเคล็ดวิชาวิญญานต่างๆและทำให้วิญญานของเขาได้รับความเจ็บปวดสูงสุดและเสี่ยงอันตรายเสมอ
ในตอนนั้นคือสิ่งที่ทำให้พานโจวหวาดกลัวที่สุดและเป็นฝันร้ายของเขา ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะคิดถึงมันอีกครั้ง ทุกครั้งที่เขานึกถึงฉื่อหยาน , ช่วยไม่ได้ที่เขาจะขบฟันแน่นด้วยความโกรธ ในขณะเดียวกันเขาก็หวาดกลัวฉื่อหยานมากเช่นกัน
” เมื่อเจ้ากลับไปที่ตระกูล เจ้าคิดจะทำอะไรต่อ ?” ฉาวจื่อหลานผู้งดงาม ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงความโกรธใดๆออกมา นางไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลยขณะที่ถามพาน ,” ข้าอยากจะแนะนำเจ้านะ . . . . . . . “
” อะไร ?” พานโจวที่ซีดเซียวดวงตาที่หดเล็กลงก็ส่องประกายมีชีวิตวชีวาออกมา เขาฝืนยิ้มและ มองสาวสวยข้างๆเขา ” เจ้าจะแนะนำอะไรข้า “
” อย่าได้คิดแก้แค้น ฉื่อหยาน เด็ดขาด เจ้าไม่สามารถจัดการเขาได้แน่นอน ” ฉาวจื่อหลานลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดด้วยเสียงต่ำ
พานโจวริมฝีปากก็สั่นเทาเล็กน้อย , เขามองไปทันทีและ เขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า ” เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้าบัดซบนั้นทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของข้า ? เจ้ารู้สึกถึงมันได้ ใช่มั้ย ? “
ดวงตาคู่สวยของฉาวจื่อหลาน ที่สงบก็กลายเป็นปั่นป่วน นางรู้สึกเศร้าเสียใจ . นางค่อยๆพยักหัวของนางและกล่าวว่า ” ข้าคิดว่าเขาได้สร้างรูปแบบและเคล็ดวิชาวิญญานบางอย่างไว้ในตัวของเรา แม้ว่ามันจะถูกกำจัดไปบ้างแล้วแต่ มันก็ยังคงมีอยู่และฝังลึกลงไปในวิญญานของเจ้า ถ้าในอนาคตเจ้าจะล้างแค้นเขาหละก็ ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่มีโอกาสชนะแน่นอน . “
พานโจวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขารู้ว่าคำพูดของนางเป็นความจริง เขาก้มหัวลงอย่างเสียใจ , ถอนหายใจออกมาและพึมพำกับตัวเอง” เจ้านั่นมันเป็นปีศาจ การกำจัดเขานั้นยากยิ่งกว่ารับมือกับคนอื่นๆจากตระกูลหยางเสียอีก ข้าหวังว่าในอนาคตข้าจะไม่เจอเขาอีก ข้าคิดว่า ข้ากำลังกลัวเขาอยู่ . . . . . . . “
ฉาวจื่อหลาน ประหลาดใจ นางจ้องมองไปที่เขา ตอนนี้นางตระหนักได้ว่าฉื่อหยานได้ทำลายจิตใจที่แข็งแกร่งของผู้นำรุ่นเยาว์ของดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกตกตะลึง
ชายชราใส่เสื้อสีฟ้า และ จักพรรดินีย์ศักดิ์สิทธิ์ ยู่ชิงแห่งดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ที่เดินอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าก็ ค่อยๆ ก้าวลงมาจากท้องฟ้า และปรากฏอยู่ด้านหน้าบ้านไม้ที่ฮั่วเมิงและฮวงหน่านอยู่ .
กู่เฉาด้วยข้าสีขาวบนขมับทั้งสองข้างและผ้าคลุมศีรษะสีฟ้าบนหัว เขาดูเหมือนกับเป็นบัณฑิตที่ฉลาด ทันทีที่พวกเขาลงมาสู่พื้น เขาก็รีบตะโกน , ” เจ้าของที่แห่งนี้อยู่หรือไม่ ?
ยู่ชิง นั่นลักษณะดูมีเสน่ห์ รอบขอบชุดของนางสั่นไหวไปมา ร่างของนางทั้งสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ สง่างาม และสูงส่ง ; ดวงตาลึกของนางยังแสดงให้เห็นถึงความฉลาดเฉลี่ยว
หลังจากที่พวกเขาได้ก้าวลงมา พวกเขาค่ก็อยๆปล่อยจิตสำนึกวิญญานครอบคลุมไปทั่วทั้งเกาะมังกรเหมัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากจิตสำนึกวิญญานของพวกเขาได้กระจายไปทั่วทั้งเกาะ พวกเขากลับไม่พบกลื่นอายของนักรบระดับพระเจ้า หรือแม้แต่นักรบระดับนภาเลย
นี่ทำให้กู่เฉา และยู่ชิงแปลกใจเป็นอย่างมากและ พวกเขาก็ระมัดระวังมากขึ้น
ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาได้รับข้อมูลจากฮั่วเมิงและ ฮวงหน่าน ว่า มีนักรบระดับพระเจ้าอยู่บนเกาพนี้และพวกเขาไม่้ได้มีเพียงแค่คนเดียว เพราะข้อความนี้ จึงทำให้พวกเขาทั้งสองคนรีบเร่งบินผ่านท้องสมุทรมายังเกาะแห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อจริงๆว่ามีนักรบระดับพระเจ้าบนเกาะแห่งนี้ แต่พวกเขาก็เชื่อว่า ต้องมีนักรบระดับนภาที่เกือบจะก้าวเข้าสู่ระดับพระเจ้าได้แล้วแน่นอน
อย่างไรก็ตาม , หลังจากพวกเขาได้เดินทางมาถึงบนเกาะนี้ ไม่เพียง แต่พวกเขาจะไม่พบอะไรแล้ว พวกเขาก็ยังสัมพัสไม่ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำให้พวกเขาสับสนเป็นอย่างมาก
เป็นฮั่วเมิงและ ฮองหน่าน , คนที่อยู่ในบ้านไม้สี่ชั้น ,เมื่อ ได้ยินเสียงกู่เฉา และยู่ชิง . ก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดตอบสนองกลับไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเสียงของพวกเขาไม่อาจส่งผ่านออกไปนอกบ้านไม้สี่ชั้น
รอบๆบ้านมีบางม่านพลังวิญญานบางอย่างอยู่ ซึ่งสามารถป้องกันการสัมพัสถึงจิตสำวึกวิญญานและปกปิดตัวตนจากภายนอกได้ ดังนั้น คนอื่นไม่สามารถสัมพัสได้ถึงกลิ่นอายพวกเขาแน่นอน แม้จะอยู่ใกล้แค่ไหนก็ตาม
” อย่าพยายามอีกเลย”เมื่อฮั่วเมิง และฮวงหนานพยายามตะโกน ฉาวจื่อหลานก็ลุกขึ้น ค่อยๆเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปทางกู่เฉา และยู่ชิง ใบหน้าที่สวยงามของนางแสดงออกอย่างตกตะลึง ” กู่เฉา , หัวหน้าตระกูลกู่และยู่ชิง จักพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่จุดสูงสุดของนภาแรกในระดับพระเจ้า แต่กลับไม่สามารถสัมพัสได้ถึงตัวตรของเรา นี่ . . . . . . . “
ฉาวจื่อหลานหยุดพูด และสีหน้าของคนในบ้านก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก เป็นหัวใจของพวกเขาที่สั่นสะท้าน สายตาของพวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความกลัว
” เป็นไปไม่ได้ , เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน . . . . . . . ” กู่หลินหลงพึมพำกับตัวเองและไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ” ท่านปู่ใหญ่นั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับพระเจ้า ท่านจะไม่สามารถสัมพัสถึงตัวตรของเราได้อย่างไร ด้วยระยะทางที่ห่างกันสั้นๆ หากท่านพยายาม ท่านจะต้องทำได้แน่นอน !
” ไม่มีทาง ” ฉาวจื่อหลาน สูดหายใจลึกๆ ” ข้าเคยพบกับเผ่าเสียงอสูรมาก่อน ข้ารู้ดีว่าความแข็งแกร่งด้านวิญญานของพวกเขานั้นอยู่เหนือกว่าพวกเราไปไกลมาก เรื่องนี้เจ้าเองก็รู้อยู่แล้วหนิ เพราะเราทุกคนเองก็ถูกจับมาพร้อมกัน ถึงแม้ว่าหยาเมิงจะมีร่างกายและพลังปราณลึกลับไม่แข็งแกร่งเท่าเรา แต่เขาสามารถใช้เคล็ดวิชาวิญญานควบคุมจิตใจของเราได้อย่างง่ายดายเหมือนกับผลิกฝ่ามือ เพียงแค่จุดนี้จุดเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ความสามารถด้านวิญญานของเผ่าเสียงอสูรน่าหวาดกลั่วเพียงใด “
พานโจวค่อยๆ พยักหน้า และ กล่าวว่าพร้อมกับคอตก ” แม่นางฉางพูดถูกต้องแล้ว เผ่าเสียงอสูรนั้น ด้านวิญญานพวกเขาอยู่เหนือกว่าเรามาก”
” สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรทั้งหมดต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับพระเจ้า . พวกเขาต่างก็อยู่ระดับเดียวกันกับกู่เฉาและจักพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ นั่นจึงแน่นอนอยู่แล้วที่ความสามารถด้านวิญญานของพวกเขาจะดีกว่าทั้งสอง นี้คือความเป็นจริงที่เราต้องยอมรับ ถ้าไม่เช่นนั้น ทำไมกู่เฉาและจักพรรดินีศักดิ์สิทธิ์จึงไม่สามารถพบรูปแบบวิญญานของผู้นำเผ่าเสียงอสูรทั้งสามและทำลายมันกัน”
กู่หลินหลงและซูหยานซิงเริ่มจะกังวลมากขึ้น
ร่างที่ภูมิฐานและมั่นคงกำลังมุ่งลงมาจากภูเขาหิมะที่อยู่ห่างออกไป ต่อมาก็ปรากฏตัวด้านหน้ากู่เฉาและยู่ชิง
” ข้าฉื่อหยานจากตระกูลหยางที่ทะเลเคียร่า ข้าขอคารวะท่านทั้งสอง ” ฉื่อหยานป้องมือพร้อมกับแสดงออกอย่างเคาระและ เขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม ” พวกท่านเดินทางมาที่นี่ด้วยระยะที่แสนไกล ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก “
” ฉื่อหยาน ?” กู่เฉาตาแววตาที่เหมือนคมดาบก็มองไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส” ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน ให้ผู้อาวุโสของตระกูลหยางออกมาคุยกับข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะคุยกับข้า “
อย่างรวดเร็ว กู่เฉาก็รู้ได้ทันทีว่า ฉื่อหยานนั้นมีระดับการบ่มเพาะที่นภาที่สามของระดับปฐพีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีค่าพอจะพูดคุยหรือมองกู่เฉา
” ปล่อยคนของข้ามาก่อน ” เสียงของยู่ชิงก็ดังขึ้นอย่างเย็นชา ” ข้าต้องการเห็นคนจากดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน จักพรรดิ์หยางชิงตี้ถูกคุมขังอยู่ เราไม่รู้ว่าใครกันที่คู่ควรจะพูดคุยกับเรา “.
ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขา ใบหน้าของเขายิ้มอย่างเย็นยะเยือกและค่อยๆพูด ” ดูเหมือนท่านทั้งสองกำลังดูถูกข้าอยู่นะ “
กู่เฉาส่ายหัวแล้วพูดว่า ” มันไม่ใช่ว่าเราดูถูกเจ้า มันเป็นเพียงว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะคุยกับเรา เจ้าเด็กน้อยเรียกผู้อาวุโสตระกูลหยาง เพื่อมาที่นี่เด๋วนี้ ตระกูลหยางได้ล่มสลายไปจากทะเลเคียร่าแล้ว , ถ้าพวกเจ้าต้องการจะสร้างปัญหาให้เรา ก็ไม่มีปัญหา”
ยู่ชิงไม่พูดอะไร นางเอาแต่เดินกลับไปมาในที่กลิ่นอายอ่อนโยนโชยออกมาจากร่างและสัมพัสไปรอบๆที่แห่งนี้
” ถ้าไม่ใช่เพราะท่านให้ความร่วมมือกับเผ่าอสูรเพื่อจัดการกับตระกูลหยาง เผ่าอสูรก็คงไม่สามารถบุกมายังทะเลเคียร่าได้และท่านก็คงไม่ต้องพบเจอกับสถานการณ์ปัจจุบันเช่นนี้ ” ฉื่อหยานก็พูดออกมาอย่างกล้าหาฐ” เหตุผลที่เผ่าอสูรบุกมาที่ทะเลเคีบร่า ก็เพราะความโง่เขลาของพวกท่าน ข้าไม่คิดว่าพวกท่านจะไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป . “
” อะไรนะ ! ? ” ภายในดวงตาของกู่เฉาประกายแสงก็แวบออกมา และเขาก็หันไปมองฉื่อยหานอย่างรวดเร็ว
ประกายแสงเป็นเหมือนกับดาบ ซึ่งมันมีขนาดเท่ากับนิ้วมือ ทันทีมันก็ทะลักออกมาเป็นกลิ่นอายแห่งดาบ
ประกายแสงขนาดเล็กมากมายกลายเป็นเงาดาบมหึมานับสิบอัน มันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและแผ่นดินราวกับว่ามีจะฉีกกระฉากท้องฟ้าลงมา
ทันทีที่เงาดาบเหล่านั้นปรากฏขึ้นในสายตาขจองฉื่อหยาน ทันทีพวกมันก็กลายเป็นดาบนับพันพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
เงาดาบปกคลุมอยู่ทั่วทุกที่ ทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางหลบหนีมันได้ . เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอให้มันตัดเขาออกเป็นชิ้นๆ
ด้วยประกายแสงครั้งเดียวที่แวบผ่านดวงตาของกู่เฉา ก็ทำให้ฉื่อหยานไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
” วุช “
ขนหนกที่เป็นเหมือนกับหมึกสีดำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าฉื่อหยาน ขนนกสีดำนี้สะบัดไปมา และระเบิดออกมาเป็นคลื่นเส้นสายสีดำนับพันเส้นขึ้น ทันทีคลื่นเหล่านั้นก็กระจายกันออกไป ,ทั่วท้องฟ้าและพื้นดินก็ถูกปกคลุมด้วยสีดำ กลางวันทันทีก็กลายเป็นเหมือนกับกลางคืนในพริบตา
” ตูม ตูม ตูม “
แผ่นดินสั่นสะเทือนเกิดเสียงระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฉื่อหยานยังสับสนอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงของกู่เฉา กรีดร้องออกมา
ในกระพริบตาต่อมา ความมืดมิดก็หายไปอย่างไร้ตัวตน แล้วแสงสว่าก็กลับมาอีกครั้ง
ใบหน้าของกู่เฉาดูสับสนเป็นอย่างมาก เขาตะโกนด้วยความกลัว ” มีนักรบระดับพระเจ้าอยู่จริงๆรึนี่ ! “
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 21 แล้ว มีถึงตอนที่ 974 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <