บทที่ 29 สัตว์กินเนื้อ
ในป่าที่หนาทึบ ตี่ย่าหลานกำลังแบกมู่หยู่เตี๋ยอยู่บนหลังของนาง พร้อมกับเคลื่อนที่ไปด้วยกันกับฉื่อหยาน
เพื่อความปลอดภัย , ฉื่อหยาน จึงคอยสังเกตไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาพบเส้นทางของสัตว์อสูร เขาก็จะบอกตี่ย่าหลานล่วงหน้าก่อนทันที ดังนั้นนางจึงสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะพบกับพวกสัตว์อสูรได้
พวกเขากำลังเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วในคำคืนที่มืดมิดมีแสงจากดวงจันทร์ส่องลงมาจากท้องฟ้าบางๆ
ภายในป่าจะมีเสียงหอนของ พวกสัตว์อสูรที่ออกล่าในตอนกลางคืน และพวกมันส่วนมากจะเริ่มออกล่าในเวลานี้ หลังจากที่พวกมันได้พักผ่อนในตอนกลางวันแล้ว
ตอนกลางคืนสายตาและทัศนวิสัยของฉื่อหยานนั้นแย่ลง ทำให้เขายากที่จะแยกแยะพื้นที่ปลอดภัยจากสัตว์อสูรที่เป็นเจ้าถิ่น
และก็สัตว์อสูรบางตัวก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่ออกล่าเช่นกัน
ดังนั้น ส่วนไหนที่มีเสียงหอนของสัตว์อสูรดังออกมาส่วนนั้นจะไม่ปลอดภัยแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าส่วนที่ไม่มีเสียงหอนก็จะปลอดภัย ภายใต้ความเงียบนั้นก็อาจจะซ่อนอันตรายไว้ก็เป็นได้ !
หลังจากเคลื่อนไหวมาสามชั่วโมง ตี่ย่าหลาน และ ฉื่อหยาน นั้นทั้งเหนื่อยและอ่อนล้า
แม้ว่าพวกเขาจะฆ่า ตูมู่ได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าที่มากมาย ตี่ย่าหลานนั้นสูญเสียพลังปราณลึกลับมากเกินไป เมื่อตอนที่ป้องกันการโจมตีที่รุนแรงของตูมู่ แม้แต่ตอนนี้นางเองก็ยังคงใช้พลังปราณลลึกลับในการเคลื่อนไหว และยังมีมู่หยู่เตี๋ยอยู่บนหลังของนางอีก
ตี่ย่าหลาน รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก มีเพียงจิตใจที่แข็งแกร่งคอยค้ำจุนนางเอาไว้เท่านั้น
ฉื่อหยาน เองก็ไม่ได้ดีไปมากว่านางนัก ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บ และแม้ว่าจะมีจิตวิญญานอมตะคอยฟื้นฟูให้เขาแต่นั่นก็ทำได้เพียงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถฟื้นฟูความเหนื่อยล้าได้ นั่นจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก
ผลข้างเคียงของการใช้ [ บ้าคลั่ง ] คือการสูญเสียพลังงานอย่างมหาศาล นอกจากนี้ พลังปราณลึกลับของ คินโม่ กับ ตูมู่ที่เขาได้ดูดซับมายังคงกลั่นอยู่ในเส้นชีพจรของเขาพร้อมกับความกระหายเลือดที่ค่อยๆเอ่อล้นออกมา แต่เขาก็ยังฝืนทนและต้องการที่จะสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ ไปด้วย
เขานั้นเหนื่อยยิ่งกว่า ตี่ย่าหลานยิ่งนัก .
” พวกเจ้าพักก่อนเถอะ ” มู่หยู่เตี๋ยกล่าวเตือนเบาๆ เนื่องจากนางสังเกตุเห็นว่าตี่ย่าหลานเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ นางรู้ดีว่าตี่ยาหลานกำลังถึงขีดจำกัดแล้ว
” ตกลง ” ฉื่อหยานถอนหายใจออกมาและตอบอย่างใจเย็น ” ข้าจะไปหาสถานที่พักผ่อนที่ปลอดภัยให้เอง “
ในทันที เขาก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เก่าแกเหมือนกับลิง และเข้าไปอยู่ในพุ่มใบ้ไม้หนาเพื่อปิดซ่อนตัวเอง
ฉื่อหยานยืนอยู่บนต้นไม้เก่าแก่ และทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ เขาเคลื่อนไหวไปที่กิ่่งไม้และกระโดดไปต้นไม้ต้นต่อไป .
ตอนนั้นเองเขาก็พบต้นไม้เก่าแก่ที่มีลำต้นหนา แห้งกรัง เหมือนมันได้ตายไปแล้ว
ฉื่อหยานตรวจสอบกิ่งไม้ที่เหี่ยวแห้งของต้นไม้เก่าแก่ และก็ต้องแปลกใจ ” ต้นไม้นี้ภายในกลวงโบ๋ และพื้นที่ของมันกว้างขวางพอสำหรับเราทั้งสามคนเข้าไปอยู่ สถานที่แห่งนี้ช่างดีนัก พวกเจ้าทั้งสองไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วเราค่อยเดินทางกันต่อ “
ส่วนด้านบนของต้นไม้เก่าแก่ มีขนาดบางและกว้างเพียงพอสำหรับหนึ่งคนเท่านั้น ในส่วนล่างของลำต้นนั้นหนาเป็นอย่างมาก และก็มีพื้นที่กว้างขวางพอสำหรับพวกเขา และมันก็ง่ายพอที่ฉื่อหยาน และตี่ย่าหลาน จะปีนขึ้นไป และโยนเชือกลงมาให้มู่หยู่เตี๋ยที่อยู่ข้างล่างปีนขึ้นไป
เมื่อได้ยินว่ามีสถานที่ดังกล่าว ตี่ย่าหลาน ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และเรียกร้องให้เขานำไปโดยเร็ว ” งั้นเราไปกันเร็วๆเถอะ ถ้าเราเจอกับสัตว์อสูรในพื้นที่แห่งนี้ มันจะกลายเป็นปัญหาได้ . “
” ตกลง ส่งเชือกมา ข้าจะดึงแม่น่างมู่ขึ้นมาก่อน”
. . . . .
สองนาทีต่อมา
พวกเขาทั้งสามคนนั่งด้วยกันในโพรงของต้นไม้เก่าแก่ที่ด้านล่างของลำต้น
แสงดาวตกกระทบไปที่ส่วนของลำต้นที่กลวงโบ๋ ข้างนอกมีเสียงสัตว์อสูรเห่าหอนอยู่ ด้วยสัญชาติญาณ .
ส่วนภายในกลับมีแต่ความเงียบสงบ
มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ต่างก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ทั้งสองนั้นได้เดินทางร่วมกันมากับลั่วฮ่าวมาเป็นเวลานาน ช่วยกันผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ในตอนนี้ กลับเหลือแค่พวกนางสองคนที่ยังมีชีวิตอยู่เทานั้น พวกนางกังวลเ็นอย่างมาก และไม่มั่นใจว่าพวกนางจะรอดไปได้หรือไม่
สหายของพวกนางต่างก็เสียชีวิตกันไปหมด อีกทั้งพวกนางยังถูกคนชั่วร้ายไล่ตามอีก . บางทีพรุ้งนี้คนจากโลกมืด และทหารรับจ้าง อาจจะไล่ตามจนมาพบกับพวกนางและจับพวกนางไปก็ได้ . . . . . . .
เมื่อสัมพัสได้ถึงความสิ้นหวังในวันพรุ่งนี้ ทำให้มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน นั้นรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
ฉื่อหยาน นั้นค่อนข้างดีกว่า เขาไม่ได้พบกับลั่วฮ่าวเป็นเวลานานนัก เขาจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมายนัก ถึงแม้พวกเขาทั้งสามคนจะตายไป เขาเองก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างเช่นกัน และนั้นคือความคิดจากใจของเขา
เขารู้สึกเสียใจกับการตายของลั่วฮ่าวมากที่สุด เพราะลั่วฮ่าวนั้นได้ช่วยเหลือเขามากมาย อีกทั้งช่วยเขาฝึกฝนในสนามแรงโน้มถ้วงทุกคืน ซึ่งการทำเช่นนั้นทำให้ลั่วฮ่าวสูญเสียพลังงานเป็นจำนวนมากทุกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาเป็นหนี้ลั่วฮ่าวมากมายจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินว่าลั่วฮ่าวถูกสังหารโดยมีคนจากตระกูลโม่เป็นส่วนร่วม เขารู้สึกผิดทันที และคิดว่านั่นย่อมเป็นเพราะเขาแน่ๆ
เขาสลัก คนจากโลกมืด พวกตระกูลโม่ และเหล่าทหารรับจ้างไว้ในใจ และตั้งใจว่าจะแก้แค้นในสักวัน
หลังจาก ชำเลืองมองไป ที่ ตี่ย่าหลาน และมู่หยู่เตี๋ย ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้ว . พวกนางดูมืดมนและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก จิตใจของพวกนางต่างก็ยอมแพ้แล้ว
เขารู้ดีว่าพวกนางเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก จากการตายของลั่วฮ่าว แต่ตอนนี้พวกเขายังอยู่ห่างไกลจากสมาคมการค้านัก พวกนางจะไม่มีทางรอดแน่นอน หากพวกนางยังคงปราศจากจิตใจที่จะต่อสู้เช่นนี้ !
เขาครุ่นคิดสักพัก จากนั้น ฉื่อหยานก็คิดจะทำอะไรบางอย่าง และจ้องมองไปที่พวกนาง
ในศูนย์กลางของโพรงไม้ พวกเขาสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิเรียงกันอยู่ . อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้าง จำกัด เมื่อพวกเขาทั้งสามคนนั่งด้วยกัน มีเหลือเพียงพื้นที่เล็ก ๆระหว่างพวกเขาเท่านั้น ขาของพวกเขาแต่ละคนนั้นชิดติดกัน พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของอีกคนที่อยู่ข้างๆได้
ตอนแรก ฉื่อหยานเก็บขาให้ติดกันมีและเว้นช่องว่างเล็ก ๆระหว่างเขาและขาของหญิงสาวสองคน
แต่จู่ๆเขาก็กางขาออกเล็กน้อย ด้วยขาซ้าย ทบกับขาของตี่ย่าหลาน และขาขวาก็แตะอยู่ที่ขาของมู่หยู่เตี๋ย เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกล้ามเนื้อของหญิงสาวทั้งสอง คนหนึ่งมีต้นขาที่แข็งแรงและมั่นคง ในขณะที่อีกคน นุ่มนิ่ม และเรียบเนียน เขารู้สึกชอบขาของนางทั้งสองเป็นอย่างมาก
ฉื่อหยานกระทำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ดูเหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจ และสองสาวต่างก็ตอบสนองจากการสัมพัสกับร่างกายของเขา
ตี่ย่าหลาน ยกหัวของนางขึ้นและถลึงตาใส่เขา แต่ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตาม มู่หยู่เตี๋ยนั้นเห็นได้ชัดเจนเลยว่า นางกำลังเขินอาย และใบหน้าของนางก็แดง นางพยายามขยับขาซ้ายของนางออกอย่างลับๆ เพื่อรักษาระยะห่างจากขาขวาของฉื่อหยาน
แต่ทุกครั้งที่นางขยับขา ฉื่อหยานจะขยับขาขวาตามเช่นกัน เขาฉวยทุกๆโอกาสเพื่อที่จะสัมผัสขาอ่อนของนาง
เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง จนมู่หยู่เตี๋ยรู้สึกรำคาญเล็กน้อย นางรู้ได้ทันทีเลยว่า ฉื่อหยาน กำลังตั้งใจที่จะฉวยโอกาสจากนาง แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ใบหน้าของนางกลายเป็นเขินอาย และหน้าของนางก็แดง พร้อมกับก่นด่าฉื่อหยานอยู่ในใจ ว่า เจ้าคนทะลึ่ง !
แต่ด้วยการกระทำเช่นนั้นของฉื่อหยาน ทำให้มู่หยู่เตี๋ยลืมเลือนความเศร้าโศกของนางไปสักพัก นางก่นด่าฉื่อหยานจนลืมความเศร้าจากการตายของฉื่อหยานและคนอื่นๆ
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อ ตี่ย่าหลาน เห็นการกระทำของฉื่อหยานที่กำลังหยอกล้อกับมู่หยู่เตี๋ย นางก็รู้เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้น ดังนั้นนางไม่จึงไม่ได้ลุกขึ้นเพื่อไปหยุดเขาแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม นางกลับจ้องมองไปที่มู่หยู่เตี๋ยที่กำลังถูกหยอกล้อ และนางก็พูดเป็นในๆว่า มู่หยู่เตี๋ยนั้นใส่ใจกับการกระทำของฉื่อหยานมากเกินไป
เมื่อสังเกตเห็นว่าตี่ย่าหลานกำลังมองมา มู่หยู่เตี๋ยก็ยิ่งอายมากขึ้น และใบหน้าของนางยิ่งแดงขึ้น . นางจึงรู้สึกโกรธอยู่บ้าง นางม้วนตาของนางไปที่ฉื่อหยาน ด้วยความเขินอาย
ฉื่อหยานแกล้งทำเป็นหลับตาและทำเป็นว่าที่เขาทำไปไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเขากำลังหลับอยู่
” เจ้าทนได้ก็ทนไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างสงบแน่ เมื่อเราหลบหนีสำเร็จ ” มู่หยู่เตี๋ยก่นด่าฉื่อหยานอยู่ในใจ เมื่อนางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายฉื่อหยานจากผิวของนาง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นอีกครั้ง และนางก็ทำเพียงก่นด่าเขาอยู่ในใจเท่านั้น
แน่นอน ว่าฉื่อหยานนั้นไม่ได้่หลับจริงๆ
เพียงแต่ตาของเขาปิดอยู่เท่านั้น เขายังคงรู้สึกตัวอยู่และกำลังคิดเปรียบเทียบขาของนางทั้งสอง กล้ามเนื้อที่ขาของ ตี่ย่าหลาน นั้นยืดหยุนและแข็งแรง ในขณะที่ของมู่หยู่เตี๋ยจะรู้สึกนุ่มนิ่มและเรียบเนียน ขาของนางทั้งสองเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก ดังนั้น หลังจากเปรียบเทียบสักพัก ฉื่อหยานตัดสินใจแล้วว่า ขาของนางทั้งสองนั้นดีไม่ต่างกัน เขารู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่บอกพวกนางจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังเปรียบเทียบต้นขาเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ฉื่อหยานก็เริ่มรู้สึกได้ว่า อารมณ์ทางเพศของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมา ความปรารถนาเหมือนกับสัตว์ร้ายถูกกระตุ้นออกมาจากตัวเขา
มันมาจากภายในเส้นชีพจรของเขา ,พลังงานเชิงลบ เริ่มที่จะซึมออกมาอย่างลับๆ ฉื่อหยานรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงของเขามันกำลังแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของเขาเริ่มสั้นลงและสั้นลง จากส่วนลึกในใจ เขาไม่ได้มีความปรารถนาในการฆ่าฟันแต่อย่างใด แต่เขากลับรู้สึกถึงความปรารถนาทางเพศแทน ยิ่งเขาห้ามปรามความปรารถนาทางเพศมากเท่าใด เขาก็ยิ่งกำลังจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปเท่านั้น
ฉื่อหยานค่อยๆเสียการควบคุมตัวเองไป . . . . . . .
มู่หยู่เตี๋ยก็สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นางจึงพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ ” พี่สาวหลาน เจ้านี้ดูแปลกๆไป ดูเหมือนว่า เขา. . . . . . . ดูเหมือนว่าเขากำลังจะคลุ้มคลั่งอีกแล้ว “
ฉื่อหยาน หายใจหอบออกมา พร้อมกับมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปทั่วหน้าผากของเขา ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย มันดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับบางอย่างจากภายในจิตใจ
นี่ย่อมเป็นเพราะ ตี่ย่าหลาน และหมู่ยูตาย ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นแน่ เพราะว่าต้นขาของแพวกนางนั้นสัมพัสเขาอยู่ พวกนางทั้งสองจึงสังเกตเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ กับร่างกายของ ฉื่อหยาน ได้อย่างเช่นเจน
นางจ้องไปที่ฉื่อหยานสักครู่ ตี่ย่าหลานก็ หน้าแดงและนางก็กล่าวว่า ” เวลานี้เขาช่างแตกต่างออกไปนัก โดยปกติแล้วจะมีเพียงความปรารถณาในการฆ่าฟัน แต่ตอนนี้เขา . . . เขากลับ . . . . . . . “
” ตอนนี้อะไรรึ ? ” มู่หยู่เตี๋ย สับสน
” ตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นสัตว์กินเนื้อ . . . . . . . ” ตี่ย่าหลาน ตอบสั้น ๆ นางดูอายเล็กน้อยเช่นกัน และไม่สามารถพูดจรจบประโยคได้และไม่สามารถหาคำมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีก
” สัตว์กินเนื้อ ” มู่หยู่เตี๋ยใบหน้าของนางซีดลง นางร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ” นี่มันแย่กว่าอีกไม่ใช่รึ เพราะเหตุใดกัน ? เขาจะกลายเป็นพวกสัตว์อสูรงั้นรึ ? พี่สาวหลาน เขาจะกินเราทั้งคู่แล้ว เราควรจะทำยังไงดี “
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เข้าใจถึงความหมายแท้จริงที่ตี่ย่าหลานพูดออก .
” เด็กโง่ เจ้าไม่รู้จริงๆรึ ” ตี่ย่าหลาน พูดอย่างเขินอาย ” เขา…เขากำลังจะกลายเป็นปีศาจราคะต่างหากละ “
มู่หยู่เตี๋ยชะงักสักพัก ก่อนที่นางจะคิดอะไรได้บางอย่าง ใบหน้าของนางยิ่งแดงขึ้น . นางพึมพำ ” ท่านต้องการที่จะออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้หรือไม่ ข้าขอตัวออกไปด้านนอกก่อนหละ “
” ตกลง ข้าเองก็ต้องการที่จะออกไปเช่นกัน . ” ตี่ย่าหลาน พยักหน้า ดวงตาของนางสว่างขึ้นและเต็มไปประกายบางอย่าง ขณะที่นางกำลังจะออกไป . . . . . . .
ในทันที
ฉื่อหยานก็ลืมตาขึ้น ด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาก็คว้าตัว ตี่ย่าหลานไว้ เหมือนกับสัตว์ที่หื่นกระหาย
ในโพรงไม้ที่มีขนาดกว้างพอ ตอนนี้ นางกำลังถูกตรึงโดยฉื่อหยาน ตี่ย่าหลานนั้นแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายที่สวยงามของนางได้เลย นางหมดหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง
” เจ้าลามก ! เอามือออกไปจากตัวข้านะ ” ตี่ย่าหลาน ร้องออกมา ” น้องสาวมู่ ดึงเขาออกไปจากข้าที เร็วเข้า ! ! ! “
มู่หยู่เตี๋ยยื่นแข็งทื่อด้วยความตกใจ นางพยายามที่จะดึงฉื่อหยานออกมา แต่ร่างกายของเขากลับหนักเหมือนกับก้อนหิน ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน ร่างกายของเขาก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
ตี่ย่าหลาน ในตอนนี้นางอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ด้วยพลังปราณลึกลับของนางยังไม่ฟื้นฟู นางแทบไม่สามารถต่อสู้กับเจ้าฉื่อหยานจอมลามกได้เลย
” แควกกก ” เสียงของเสื้อผ้าที่ถูกฉีกก็ดังขึ้น มันทำลายความเงียบในโพรงต้นไม้ทั้งหมด
ตี่ย่าหลาน รู้สึกหนาวขึ้นเล็กน้อยรอบๆสะโพกนาง ทันทีคิดได้ กระโปรงหนังของนางก็หายไป แต่ก่อนที่นางจะได้ป้องกันอะไร นางรู้สึกได้ถึงมือยักษ์มาจับอยู่ที่หว่างขาของนางและมันกำลังลูบไล้ไปที่สะโพกด้วยความละโมภ .
” เจ้าลามก ! ” ตี่ย่าหลาน ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่กรีดร้องออกมา นางหันไปตะโกนให้มู่หยู่เตี๋ย ” เร็วเข้า ! หยุดเขาสะ ! เขากำลังถูกควบคุมด้วยความปรารถนาแล้ว ! “
” ข้าไม่สามารถหยุดเข้าได้ ! ” มู่หยู่เตี๋ยชกไปที่ฉื่อหยานด้วยแรงทั้งหมดที่มี และร้องออกมาด้วยความตกใจ
” อ๊าาา . . . . . . . . . . . . ” จุดที่อ่อนไหวของนางกำลังถูกสัมพัสด้วยนิ้วมือ ตี่ย่าหลานไม่สามารถป้องกันใดๆได้เลย นางไม่แม้แต่จะมีแรงจะตอบโต้เลยสักนิด ช่วยไม่ได้ที่นางจะร้องครางออกมา ตอนนี้มีเพียงแขนของนางที่เท่านั้นที่ยังค้ำร่างของฉื่อหยานไว้อยู๋
มู่หยู่เตี๋ยก็ประหลาดใจ นางกระซิบด้วยเสียงเบาพร้อมกับใบหน้าที่แดง ” พี่สาวหลาน. . . ทำไม . . . ทำไมท่านถึงครางออกมากัน ? “
” ข้าไม่ได้ครางออกมานะ โอ๊ยยยย . . . . . . . ” ตี่ย่าหลาน รู้สึกอ่อนแรงลงและเสียงของนางเริ่มเบาลงเช่นกัน
” พี่สาวหลาน มันก็สา . . . . . . . สายเกินไปแล้ว ” มู่หยู่เตี๋ยพึมพำพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัว
” อะ . . . อะไรกันที่สายเกินไป ” ตี่ย่าหลานตกตะลึง
ในตอนนั้นเอง นางรู้สึกได้ถึงบางสิ่งทีเข้ามาภายในร่างกายของนาง ร่างกายของนางสั่นเทาไปด้วยความตื่นเต้น , ตี่ย่าหลาน ตระหนักว่ามันสายเกินไปที่จะตอบโต้ใดๆแล้ว
ไม่นาน ก็ปรากฏความรู้สึกมหัศจรรย์อบอวลในร่างกายของนาง มันคลอบคลุมไปทั่วสติของนาง . . . . . . .
” อ๊าา นี่มัน…. อ๊า เราอาจจะตายวันพรุ่งนี้ก็ได้ ครั้งนี้ข้าจะยอมให้เจ้าละกัน “
ด้วยการห่ำหั่นอย่างต่อเนื่องของฉื่อหยาน ทำให้นางไม่สามารถตอบโต้อย่างใดๆได้ทั้งทางกายและจิตใจ ตี่ย่าหลาน เอามือปิดไปที่ปากของนางด้วยมือข้างหนึ่ง นางไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากร้องครางออกมาด้วยความปลื้มปิติ ขณะที่ฉื่อหยานห่ำหั่นเข้ามาภายในของนางย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าสวยของมู่หยู่เตี๋ยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น และจ้องดูเขาทั้งสองคนเริ่มขับเหงื่อกัน
ตรงหน้าของนาง เป็น ฉื่อหยานที่กำลังห่ำหั่นตี่ย่าหลานอย่างหนัก . เห็นได้ชัดว่า ภายใต้พลังอันแข็งแกร่งของเขา ตี่ย่าหลาน ไม่สามารถขัดขืนใดๆได้ และ นางก็ค่อยๆจมหายไปในอารมณ์ของเขาด้วยความรู้สึกดี ขณะที่นางโยกสะโพกของนางเพื่อให้ตรงจังหวะกับฉื่อหยาน
” ท่าน ท่าน ท่านสองคน . . . . . . . “
ใบหน้าสวยของมู่หยู่เตี๋ยกลายเป็นสีแดง นางไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่มองไปที่พวกเขาสองคน ที่นอนอยู่ในที่แคบๆ และกำลังทำกันต่อหน้าต่อตาของนาง การกระทำที่เร่าร้อนของพวกเขาส่งผลต่อจิตใจของนางยิ่งนัก
มู่หยู่เตี๋ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก และไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
––––––––––––––––––––––––
ปล. ลงอีกทีวันที่ 20 จ้า ตอนนี้กลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 70 แล้วน๊าา ค่าเข้าแค่ 50 บาทเท่านั้น ใครสนใจสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ https://www.facebook.com/ReadGOS << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ