เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 304 เสียงคำรามของศพราชันย์

บทที่ 304 เสียงคำรามของศพราชันย์

 

กลิ่นอายแห่งความตายสีขาวในห้องใต้ดินถูกทำลายด้วยคลื่นสั่นสะเทือนที่เป็นเหมือนกับพายุที่พัดไปทุกแห่ง

คมดาบสายลมส่งเสียงหวัดหูทิ้งร่องรอยไว้มากมายบนผนัง

ภายใต้แสงไฟสลัวจากตะเกียงน้ํามัน บนผนังของห้องโถงเต็มไปด้วยรอยลึกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งดูคล้ายกับถูกเฉือนด้วยของมีคม

มีลอยฟันลึกมากมายแกะสลักลึกเข้าไปในผนังหิน

แสงแปลกประหลาดปรากฏออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มันเข้ามาใกล้และลงมายังห้องใต้ดิน

กลิ่นอายพลังหยินสีขาวทันทีก็ปกคลุมไปทั่วพร้อมกับผู้อาวุโสของนิกายซากศพปรากฏตัว กลิ่นอายพลังหยินเกิดเป็นกำแพงยาวขึ้นรอบตัว

เส้นสายพลังวิญญานโปร่งใสนับหมื่นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นเหมือนกับแสงดวงดาวที่ส่องลงมายังพื้นดินอย่างหนาแน่น และโจมตีไปทั่วทุกมุมห้องใต้ดินอย่างรุนแรง

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ปิดตาของพวกเขาลงครึ่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ขยับ แต่ร่างกายของพวกเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงดวงดาว แต่ละเส้นแสงดูงดงามเหมือนกับดาวนับพันดวงข้างใต้ห้องใต้ดิน

แม้แต่ฉื่อหยานเองก็เช่นกัน

หลายร้อยเส้นแสงดวงดาวเจาะเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา แสงดวงดาวนี้คือวิญญานของกลุ่มอีเทียนโหมว ซึ่งเป็นเหมือนเส้นใยที่ยาวเหยียดไม่มีสิ้นสุด . วิญญานแสงดวงดาวเหล่านี้ทำให้เขาไม่สามารถใช้ห้วงจิตสำนึกหรือห้าปีศาจและจิตสำนึกวิญญานได้

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนแน่ชัดว่าไม่ได้มีเป้าหมายที่เขา อย่างไรก็ตาม แรงกดดันที่เขาได้รับก็ไม่ใช่เรื่องตลก

แสงสีเขียวข้างในดวงตาของประมุขนิกายซากศพของ ประมุขก็เต็มไปด้วยเส้นแสงดวงดาว

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนควบคุมเขา ด้วยเคล็ดวิชาลับที่มหัศจรรย์ เส้นใยแสงดวงดาวส่วนใหญ่ไหลเข้าสู้ร่างของชิงหมิง มันเข้าไปในหัวของเขา และพันธนาการจิตสำนึกวิญญานและห้วงจิตสำนึกของเขา

วิญญานหลักและห้วงจิตสำนึกเป็นรากฐานของนักรบ มันจำเป็นในการควบคุมเปลวไฟประคบศพ ดังนั้น เมื่อวิญญานหลักและห้วงจิตสำนึกถูกผนึก ชิงหมิงก็ไม่สามารถปล่อยจิตสำนึกออกไปได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่านี่คือการป้องกันไม่ให้เขาใช้เปลวไฟประคบศพ ในการข่มขู่ฉื่อหยาน

เกิดพลังหยินเย็นยะเยือกหนาแน่นขึ้น เป็นประมุขนิกายซากศพชิงหมิงที่ใช้พลังทั้งหมดเพื่อทำลายเส้นใยวิญญาน

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ยิ้มบางๆ เพื่อเพิ่มแรงกดดันวิญญาน พวกเขาเรียกใช้เคล็ดวิชาต่างๆจากคัมภีร์วิญญานของเผ่าเสียงอสูร

ด้วยการโจมตียวิญญาณของพวกเขา ชิงหมิง ต้องดิ้นรนเป็นอย่างมาก แสงสีเขียวในดวงตาของเขากลายเป็นมืดมัว

หยินไห่ ด้วยใบหน้าเศร้าหมองเขาก็นั่งอยู่ตรงบนโลงไม้หยินอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาถูกครอบงำด้วยความกลัว ในขณะที่ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน

เขาได้ตระหนักถึงระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคน นักรบระดับพระเจ้าสามคนใช้พลังวิญญานของตัวเองกดดันผู้อื่น ซึ่งทำให้เกิดเป็นวงหมุ่นที่รุนแรงขึ้นภายในห้องใต้ดิน

ไม่ว่าใครที่ยืนอยู่ใกล้กับสถานที่แห่งนี้จะไม่สามารถหนีจากแรงดึงดูดวิญญานของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคนได้ ถ้าในความคิดของพวกเขามีความตั้งใจและคิดจะขัดขืน พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานกับคลิ่นวิญญานทั้งสามกระแส

เผ่าเสียงอสูรเข้าใจการโจมตีทางวิญญานลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ความเข้าใจนี้ไกลเกินกว่าที่นักรบมนุษย์ปัจจุบันจะหยั่งถึง เมื่อพวกเขาทั้งสามคนอยู่ด้วยกัน เมื่อปลดปล่อยพลังวิญญานออกมาจึงเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมากมายจนทำให้ประมุขนิกายซากศพไม่สามารถใช้เปลวไฟนภาได้

ตอนนี้พลังของประมุขนิกายซากศพไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้าน เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่นิ่งๆ.

ในการโจมตีวิญญาณ แม้จะอยู่ในระดับเดียสกัน อีเทียนโหมวก็สามาระจัดการได้

นี่คือผลที่ปล่อยให้พวกเขาสามคนรวมตัวกัน ? !

. . . . . . .

” เอาหละ” ฉื่อหยานเหวี่ยงมือของเขาและกล่าวว่า ” ข้าไม่คิดเลยว่าประมุขชินหมิงจะเป็นคนใจร้อนเช่นนี้ อย่าได้คิดเชียวว่าความสามารถของท่านเพียงคนเดียวจะทำให้เรากลายเป็นซากศพได้ “

ในความเป็นจริง ฉื่อหยานแอบสังเกตเห็นก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อพลังหยินหลอมรวมกันเข้มข้นในร่างกายชิงหมิง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าชิงหมิงต้องการจะทำอะไร

เปลวไฟประคบซพ นั้นยากที่จะรับมือ เมื่อเปลวไฟลอยออกจากร่างกายของชิงหมิง มันจะปกคลุมห้องใต้ดินทั้งหมด และตอนนั้น กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็คงไม่สามารถทำอะไรได้

ถึงแม้ว่าเขาจะมีแกนเพลิงแต่มันก็อันตรายเกินไป เหมือนที่ชิงหมิงบอก ระดับการบ่มเพาะของเขายังไม่สูงพอที่จะควบคุมได้ดี

 

ถ้าพวกเขาอยู่ในการต่อสู้จริงๆ ก่อนที่เปลวไฟของแกนเพลิงจะได้เข้าใกล้ชิงหมิง มันคงถูกกลืนกินโดยเปลวไฟประคบศพก่อนแล้ว และ เขาก็จะต้องกลายเป็นศพของชิงหมิง และถูกควบคุมโดยเปลวไฟประคบศพชั่วทั้งชีวิตของเขา

ชิงหมิงจะต้องคิดจะทำเช่นนี้แน่นอน

เขาต้องการที่จะทำให้คนอื่นเป็นทาส ไม่ใช่แค่เขา แต่รวมถึงกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนด้วย

ความคิดที่เกินจริงได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา ตามความคิดของเขา เขาคิดว่าเพียงแค่ใช้เปลวไฟประคบศพก็เพียงพอที่จะควบคุมทั้งสามคนได้

เมื่อเห็นว่าชิงหมิงคิดร้าย ฉื่อหยานก็ไม่ทนอีกต่อไป ทันทีเขาก็สั่งกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนให้ใช้พลังวิญญานสูงสุดเพื่อกดดันบังคับและขัดขวางเขา ไม่ให้ใช้เปลวไฟประคบศพ

. . . . . . .

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนค่อยๆ ถอดถอนกระแสกลิ่นอายวิญญานนับหมื่นกลับมา

แสงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในห้องใต้ดินเริ่มเลือนรางและจางหายไป จากนั้นก็กลายเป็นจุดแสงพันล้านจุดกลับเข้าไปในร่างของกลุ่มอีเทียนโหมวตั้งสามคนซึ่งดูเหมือนกับนกที่บินกลับรัง

ไม่มีอะไรเหลือในห้องใต้ดินอีก รวมถึงจิตสังหารก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน เหตุการณ์กลับมาสงบอีกครั้ง

บรรดาผู้อาวุโสของนิกายซากศพสีหน้าก็ซีดเซียว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความแค้น พวกเขาไม่กล้าทำอะไรพลีพลาม

ชิงหมิงดวงตาสีเขียวก็สว่างขึ้นเป็นแสงสีเขียวยางๆ เขาชายตามองฉื่อหยานและกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ชิงหมิงไม่ได้ลงมือทำอะไรต่อ

” ข้ารู้ เพราะเจ้าสัมพัสได้ถึงพลังในร่างกายของเจ้าที่เหนือกว่าพวกข้า เจ้าจึงคิดว่าเพียงแค่เจ้าคนเดียวใช้เปลวไฟประคบศพก็สามารถจัดการพวกข้าทั้งสามได้สินะ ” อีเทียนโหมวอย่างเย็นชายิ้มและพูดอย่างไม่เกรงใจ ” โครงสร้างของร่างกายมนุษย์ และเผ่าเสียงอสูรนั้นต่างกัน . ดังนั้น ในกลุ่มนักรบระดับเดียวกัน เผ่าเสียงอสูรของเรานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอกว่ามนุษย์ พลังปราณลึกลับในร่างกายของเราไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเจ้า ” หลังจากหยุดช่วงสั้นๆ อีเทียนโหมวกูพูดอย่างต่อเนื่อ”ง อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราเผ่าเสียงอสูรจะแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้า “

” เผ่าเสียงอสูร ? เผ่าป่าเถือน ” ชิงหมิงก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า , ” พวกเจ้าเป็นพวกคนเผ่าเองสินะ “

” หึ ” คาป้า บอกว่า ” ตั้งแต่สมัยโบราณพวกเราชาวเผ่าเป็นเจ้าของแผ่นดินแห่งนี้ไม่ใช่มนุษย์เช่นพวกเจ้า มนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์เดียวบนทวีปนี้ ที่มีพลังอำนาจอ่อนแอที่สุดในแผ่นดิน ถ้าไม่ใช่เพราะมนุษย์มีเจตนาชั่วร้าย และใช้ของความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์อื่นกระตุ้นให้เกิดสงคราม แผ่นดินนี้ก็ยังเป็นคนชนเผ่าเช่นเรา”

ชิงหมิง สายตาจริงจัง เขาสังเหตุคาป้าและ เขาก็ยิ้มบางๆ และถามว่า ” เจ้าคิดว่านี่คือทั้งหมดที่ข้าทำได้แล้วงั้นรึ ? “

” โฮ๊กกกกกกกกกกกก ”

เสียงคำรามพร้อมกับกลิ่นอายที่โหดร้ายออกมาจากพื้นดินจนพื้นดินสั่นสะเทือน

พื้นดินพังทลายจากการสั่นสะเทือนกระจายเป็นวงกว้างออกไปในเดียวกันกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ปกคลุมไปทั่วทุกที่ในเวลาเดียวกัน

ทันใดนั้น โลงศพไม้ก็สั่นตลอดเวลา ในกลิ่นอายที่ชั่วร้ายนี้ เสียงโหยหวนก็ดังออกมาจากภายในโลง แสดงให้เห็นว่าศพเหล่านั้นทั้งหมดกำลังถูกปลุกขึ้นมา

ใบหน้าของหยินไห่และกลุ่มผู้อาวุโสก็แสดงออกอย่างมีความสุข พวกเขาไม่สามารถช่วยได้ที่จะตะโกนออกมาดังๆ” ท่านประมุข ท่านนำมันมาด้วยรึ ? “

ชิงหมิงพยักหน้า และก็พูดว่า ” บางทีพลังของข้าเพียงคนเดียวอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสาม แต่ถ้าร่วมมือกับเจ้าเฒ่าทีี่อยู่ใต้ดิน ข้าเกรงว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากที่นี่ได้ “

ฉื่อหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไป

เขารู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่รู้ใต้โลกนั้นคือทาสศพที่มีอายุนับหมื่นปี มันเป็นศพราชันย์ของนิกายซากศพ

ศพราชันย์เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายซากศพ

ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศพราชันย์ได้กระจายออกไปทั่วทะเลไม่มีที่สิ้นสุด นักรบระดับสูงที่เคยต่อสู้กับศพราชันย์ต่างก็ยืนยันว่ามันแข็งแกร่ง

ศพราชันย์เทียบได้กับนักรบระดับพระเจ้า ความสามารถที่แท้จริงของมันนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่านักรบระดับพระเจ้า

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็เดาะลิ้นในขณะที่คิ้วของพวกเขาขมวดเข้าหากัน พวกเขาสัมพัสได้ถึงพลังที่รุนแรง ผ่านวิญญานของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ศพราชันย์ยังคงซ่อนอยู่ภายใต้พื้นโลกตลอดเวลา พวกเขานึกไม่ถึงว่าจะมีสิ่งนี้อยู่ด้วย ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้สึกหนาวสั่น เพราะความแข็งแรงของศพราชันย์

หลังจากที่ศพราชันย์ส่งเสียงคำรามดังออกมาจากใต้พื้นโลก , เกาะสุริยันทั้งหมดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

นักรบระดับพระเจ้าบนเกาะก็ตกใจและปล่อยจิตสำนึกวิญญาณของพวกตนเองทั้งหมดมายังสถานที่อาศัยของนิกายซากศพ

แม้แต่เทพสุริยันถังหยวนหนาน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเพราะความกลัว ทันทีที่เขาได้ปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญาณของเขาออกไป กลุ่มของหลี่ฟู่ทั้งสามคนก็มาถึง รีบเข้ามาและรายงานสถานการณ์ ” ฉื่อหยานอยู่ที่พักอาศัยของนิกายซากศพขอรับ ” .

ถังหยวนหนาน ก็ตกใจ แสงนับหมื่นก็ส่องออกมาจากร่างกายของเขาและหายไปในช่องว่าง

กลิ่นอายพลังหยินหนาแน่นเป็นอย่างมาก ในห้องใต้ดิน จุดแสงสีแดงค่อยสว่างออกมาและ ค่อยๆขยายและกลายมาเป็นดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าขึ้น พื้นที่ถูกบิดเบี้ยวและเทพสุริยันถังหยวนหนาน ก็ปรากฏตัวขึ้น

แสงไฟสลัวกลายเป็นหน้าสีแดงเรืองแสงของถังหยวนหนาน เขาปรากฏออกมาพร้อมกับสีหน้าบึ่งตึง เขามอง ประมุข นิกายซากศพแล้วกล่าวว่า ” ชิงหมิงเกอ ที่แห่งนี้มีใครทำอะไรให้ท่านไม่พอใจรึ ทำไมท่านต้องใช้ศพราชันย์ บนเกาะของข้าด้วย “

แสงที่น่าหวาดกลัวในสายตาของชิงหมิงก็จางเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า ” อย่าพึ่งเข้าใตผิด ” .

หลังจากจิตสำนึกวิญญานของชิงหมิงพุ่งลงไปในพื้นดิน , กลิ่นอายที่น่ากลัวก็ค่อยๆลดลง .

ศพราชันย์ของชิงหมิง ตอนนี้ก็หยุดคำรามและเงียบอยู่ภายใต้พื้นโลก

ถังหยวนหนาน ยืนอยู่ระหว่างชิงหมิงและ ฉื่อหยาน เขาหันหลังให้ฉื่อหยาน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หันหน้าไปมอง ฉื่อหยาน เขาก็ยังสั่นสะท้าน

เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรุนแรง . ร่างกายของเขาค่อย ๆสว่างขึ้น เหมือนดาวตกบนท้องฟ้า ทำให้เขารู้สึกประหลาดเป็นอย่างมาก

ถังหยวนหนาน ยังคงไม่หันกลับไป แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นที่ละนิดและในที่สุดก็เปล่งแสงออกมา

เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่าเจิดจ้าไปทั่วห้องใต้ดิน , มันท่วมอยู่ข้างใต้ราวกับเป็นทะเลแสง และ อุณภูมิก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 23 แล้ว มีถึงตอนที่ 1037 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset