บทที่ 321 จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธุ์
ในห้อง กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็นั่งอยู่สามทิศทางแตกต่างกันรอบๆ ฉื่อหยาน เยว่จางเฟิงอยู่ตรงกลาง และคนอื่น ๆอยู่ข้างๆเขา ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ฉาวจื่อหลาน และเซี่ยซินหยาน ก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ;พวกนางทั้งสองยกหัวขึ้นมองไปบนท้องฟ้า และมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
แต่หลินหยาฉี ยังคงทำตัวสบาย นางเอาผ้าสีม่วงคลุมหัว ซึ่งมีภาพก้อนเมฆปักอยุ่ ในก้อนเมฆดูเหมือนจะมีรูปพืชพรรณจำนวนมากปักอยู่ , หลินหยาฉีจ้องมองไปทางตะวันออกอย่างสบาย
ทันทีที่นางสวมผ้าคลุมศีรษะ เมฆมันเริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และพืชภายในก้อนเมฆก็เริ่มเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์และรวดเร็วปกคลุมหัวของนางในพริบตา
พืชเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ก็ปล่อยพลังวิญญานแปลกประหลาดออกมาเป็นวงกลมสองจำนวนมากหมุนรอบหัวของหลินหยาฉี และในที่สุดก็ครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของนาง
วงกลมของแสงเหล่านั้นโอนเอียงและ เลื้อยไปมา ก่อนที่จะบินไปบนฟ้า พวกมันหยุดอยู่ที่สรูปแบบป้องกันวิญญานที่กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนสร้างก่อนหน้านี้
” สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ ” หน้าสวยของฉาวจื่อหลานก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่นางจ้องมองไปที่ผ้าคลุมหัวสีม่วงบนหัวของหลินหยาฉีและ นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ” สมแล้วที่เป็นสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ มันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ “
เซี่ยเสินชวนและเซี่ยซินหยาน ดวงตาก็เรืองแสงในขณะที่พวกเขาพยักหน้าของพวกเขาเงียบๆ
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงดูไม่กังวลเลย มันกลับกลายเป็นว่านางมีความสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ นางจึงไม่ต้องเป็นกังวลเลยเมื่อมีสมบัตินี้อยู่ในมือ
มีสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นในทะเลไม่มีสิ้นสุดและพวกมันทั้งหมดก็อยู่ในมือของ ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด
สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่พรรคและตระกูลต่างๆมาช้านาน บางครั้งมันก็มีค่ามากกว่านักรบระดับพระเจ้าด้วยซ้ำ
สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างก็อยู่ในมือของนักรบระดับพระเจ้า ‘ และมีเพียงนักรบระดับพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถใช้พลังของมันได้สูงที่สุดและพวกมันก็จะปกป้องพวกให้ปลอดภัย
สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกส่งต่อมาตลอดหลายชั่วอายุคน มันดูราวกับว่าไม่มีพังสลาย ดังนั้น ค่าของมันอาจจะมีมากกว่านักรบระดับพระเจ้า
ในปัจจุบัน แม้ว่าหลินหยาฉีจะอยู่ในจุดสูงสุดของระดับปฐพี แต่นางก็มีสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ เซี่ยเสินชวน และฉาวจื่อหลาน กลัวรู้สึกกลัวเมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีมัน ความสามารถของนางอาจเทียบได้กับอดีตหัวหน้าตระกูล เซี่ยซินหยานมั่นใจว่าคนที่มีสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ครอบครองนั้นจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน .
” ครืดด ครืดด ครืดด “
เสียงแปลกๆก็ดังออกมาจากหลังคาบ้าน ทุกคนยกศีรษะของตนขึ้น และตระหนักได้ว่า หลังคากำลังถูกกดขี่โดยชั้นระลอกคลื่นที่มาจากบนฟ้า และมันก็ระเบิดทันที
แสงพราวประกายก็ระเบิดออกมา ในขณะที่พลังวิญญานนับพันที่แตกต่างกันลอยอยู่ในอากาศ ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าวิญญาณเหล่านั้นกำลังจะฉีกกระฉากพวกเขา มันน่ากลัวเป็ฯอย่างมาก
และแม้แต่เซี่ยซินหยาน ฉาวจื่อหลาน , ผู้ที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคตของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเองก็ดูเหมือนทนไม่ไหว ภายใต้คลื่นของพลังนั้น , เสียงหึ่งดังก้องไปในหัวของพวกนาง และดูเหมือนมันกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นในขณะที่พวกนางยังอยู่ในรูปแบบป้องกันวิญญานของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคน ‘ รูปแบบนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือกันของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคน หากไม่มีรูปแบบนี้หละก็ ผู้คนภายใต้รูปแบบก็คงถูกบดด้วยพลังวิญญานมหาศาล จนชีวิตของพวกเขาแตกสลายและสิ้นใจตาย
จนถึงตอนนี้ มีแค่ หลินหยาฉีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ด้วยลักษณะพิเศษของผ้าคลุมหัวสีม่วง นางไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย นางเอาแต่เปลี่ยนสายตามองไปที่ต่างๆ ด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย ราวกับว่านางไม่ได้รู้สึกถึงอะไรที่อยู่บนหัวเลย
ใบหน้าของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็กลายเป็นตกตะลึงและ เศร้าหมอง จิตใจของพวกเขาไม่เคยมีมืดมนขนาดนี้
ด้วยพลังวิญญานและระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแน่นอนว่าพวกเขาต้องมั่นใจเป็นอย่างมากว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ อีเทียนโหมวต้องใช้พลังมากขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป้องกันระมัดระวังให้กับใครหลายคนในห้อง วัตถุประสงค์ของพวกเขาทั้งสามคนไม่เพียงแต่เพื่อต่อต้านการโจมตีทางวิญญานของศัตรูแต่พวกเขายังมั่นใจว่าทุกคนต้องปลอดภัยซึ่ง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาต้องแบกรับภาระและต้องเสียพลังวิญญานของพวกเขาเพื่อสร้างเป็นม่านพลังป้องกันวิญญานปกป้องฉื่อหยานและคนอื่นๆ
ะพวกเขาได้ใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับม่านพลังป้องกันวิญญาน เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะด้วยพลังอะไรก็ไม่สามารถบุกเข้ามาได้
” บูม “
หลังคาบ้านก็ระเบิด ในช่วงกลางของแสงวิญญานห้าสี วงกลมก็ส่องแสงประหลาดมากมายจากหลินหยาฉี ผ้าคลุมหัวของนางก็หดเข้าไปข้างในและ กลายเป็นม่านแสงบาง ๆและม่านแสงก็ป้องกันการโจมตีที่มาจากด้านนอก
” ปล่อยให้ข้ากันเอง พวกท่านไม่สนใจจัดการเจ้านั่นสะ ” หลินหยาฉี ก็หงุดหงิดเล็กน้อย นางช่วยไม่ได้ที่จะพูดออกมา ” ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่สามารถทำลายสมบัติลับสักดิ์สิทธิ์ได้หลอก พวกท่านสามารถมุ่งความตั้งใจไปที่การต่อสู้ได้ “
คิ้วของพวกเขาสามคนก็โค้งเล็กน้อย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขากำลังจะเริ่มลงมือ
” หวือหวือหวือ ” .
ประกายแสงมากมายก็ปรากฏขึ้น คลื่นแสงวิญญานนับหมื่นก็บิดเข้าด้วยกัน และโจมตีไปที่วิญญานของฝ่านตรงข้างในไม่กี่วินาที
จุดประกายแสงซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้ของพวกเขาก็ถูกกันโดยม่านของแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากผ้าคลุมหัวของหลินหยาฉี .
กลิ่นอายวิญญานหลายกระแสก็หายไปอย่างรวดเร็ว หลินหยาฉีก็ยกศีรษะขึ้นมองไปยังท้องฟ้าชั่วขณะ ก่อนที่จะดึงผ้าคลุมศีรษะของนาง และเส่งสียงพึมพำ ” เจ้าบ้านี่น่ารำคาญนัก เขาสมควรตาย “
” ฟิ้ว “
อีเทียนโหมวหายใจออกมาเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตา แล้วบอกอย่างเศร้าหมอง ” วิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ และไม่สามารถรักษาได้ในเวลาสั้นๆ เขาคงไม่กล้ามาที่นี่อีก “
หยาเมิง และคาป้า ก็เปิดดวงตากว้างพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
การบ่มเพาะของทั้งสามคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่านตรงข้ามเลย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องกังวลในการปกป้องคนอื่น เจ้านั้นก็คงไม่กล้าบุกมา
ด้วยสหายที่ลงเรือลำเดียวกัย เขาไม่เคยคิดว่าหลินหยาฉีจะเลือกอยู่ที่นี่ด้วย และที่สำคัญก็คือนางมีสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ ต้องขอบคุณสมบัติลับนี้และ หลินหยาฉีที่ได้ช่วยพวกเขาหมดห่วงเรื่องการป้องกันและช่วยให้พวกเขาสามารถโจมตีได้อย่างเต็มที่และรับมือกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างจริงจัง
” บูม “
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้น แสงสีม่วง ที่แขนขวาของฉื่อหยานก็ระเบิดออกมา แสงที่เจิดจ้าเกิดเป็นประกายสายฟ้าขึ้นมากมายราวกับคลื่นในมหาสมุทรที่แพร่กระจายออกมาอย่างหน่าแน่นพร้อมกับกลิ่นอายมหาศาลที่สามารถทำลายภูเขาได้
เยว่จางเฟิงร่างผอมก็กระเด็นออกไป ผ่านม่านพลังทั้งสามชั้น ก่อนที่จะล้มลงอยู่กลางสวน
ในเวลาเดียวกัน ห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยานก็สั่นสะเทือน วิญญานหลักของเขาสั่นเล็กน้อย เขาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของฉื่อหยานก็เลือนลาง เขามองคนรอบข้างเขา และถามด้วยความประหลาดใจ ” เจ้าทำอะไร ? “
” แค่ก แค่ก ”
กลางสวน เยว่จางเฟิงก็ยืนขึ่นและไอตลอดเวลา ใบหน้าของเขาซีดพร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา เขากินเม็ดยาเม็ดหนึ่งก่อนจะเดินมา และพูด ” ฉื่อหยาน เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บ เจ้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ “
หลินหยาฉีถามอย่างแปลกใจในขณะที่ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ” เยว่น้อย เจ้าบาดเจ็บรึ “
เยว่จางเฟิงก็พยักหน้า
” ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าสนใจจริงๆ “
หลินหยาฉีก็ไม่ได้กังวล นางกลัยปรบมือแทนและ กล่าวว่า ” นั่นเยี่ยมมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องน่าสนใจนัก ที่เจ้าได้รับบาดเจ็บทั้งๆทีมีสมบัติลับมากมายในร่าง
” เจ้านี่ช่างร้ายกาจจริงๆ ที่สามารถทำให้เยว่น้อยบาดเจ็บได้ ดี ดีมาก ความสามารถของเจ้าได้จะพิสูจน์แล้วว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับนักรบระดับรู้แจ้ง เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่นักรบในนภาแรกของระดับรู้แจ้งก็มีโอกาศน้อยมากที่จะทำร้ายเยว่น้อยได้ “
หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด คนอื่นก็ช่วยไม่ได้ที่จประหลาดใจ และมองฉื่อหยานกับเยว่จางเฟิงด้วยความงุนงง . ตามที่หลินหยาฉีพูด ความสามารถของเยว่จางเฟิงนั้นร้ายกาจกว่านักรบระดับรู้แจ้ง ด้วยเปลวไฟนภาพร้อมกับสมบัติลับมากมาย และความสามารถที่น่าตกใจของเขา เขาเป็นราวกับปีศาจ
” เกิดอะไรขึ้น ? ” ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขา
” มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง . . . . . . . ” อีเทียนโหมวก็ถามเขาถึงความจริงที่เกิดขึ้น ก่อนถามว่า ” เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเมื่อคืนกัน ? “
” ตามสมมติฐานของท่าน ท่านบอกข้าได้บังเอิญเข้าสู่สภาสวะ ครอบครองโดยปีศาจ ขณะที่กำลังฝึกบ่มเพาะ ” ฉื่อหยานก็ตัวสั่น แต่ยังคงพูดอย่างสงบ
ในขณะที่พูด เขาแอบส่งพลังวิญญาณเข้าไปในแขนขวาของเขาและตระหนักว่า เส้นใยกล้ามเนื้อแต่ละเส้นในแขนข้างขวาของเขาเต็มไปด้วยพลังแปลกประหลาด พลังเหล่านี้ซ่อนอยู่ในแต่ละเส้นใยกล้ามเนื้อของเขาและมันไม่ง่ายที่จะตรวจสอบพวกมันโดยใข้จิตสำนึกวิิญญานของเขา เขาไม่รู้ว่าทำไมแขนขวาของเขาถึงได้กลายเป็นผิดปกติและหนักจนแทบไม่สามรถขยับได้เช่นนี้ ในขณะที่ แขนซ้ายของเขาก็ยังปกติดี ทันทีที่เขาตวัดมันขึ้น , ภาพในความฝันก็ปรากฏขึ้นทันที
หลังจากค่อยๆสัมผัสสักพัก เขาก็รู้วถึงน้ำหนักที่แตกต่างระหว่างมือซ้ายและขวาซึ่งมันต่างกันร้อยเท่า ใบหน้าของเขาเริ่มซีดด้วยความกลัว และเขาก็มองไปยังแขนขวาของเขาด้วยความงุนงงอย่างสุดขีด
เขาจำได้อย่างแม่นยำว่า ก่อนที่เขาจะหมดสติไป หกร้อยสามสิบเก้ากล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาสั่นไม่หยุด แรงสั่นสะเทือนนี้กระจายไปทั่วร่างของเขา รวมถึงห้วงจิตสำนึกและวิญญานหลักของเขาด้วย ตลอดเวลาที่ร่างของเขาสั่น ในสภาเช่นนั้น , พลังลึกลับและพลังปราณลึกลับก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน และซึมซาบลงในมือขวาของเขาหลอมรวมเข้ากับกล้ามเนื้อก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นในปัจจุบัน เมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จบลง แขนข้างขวาของเขาก็มีพลังลึกลับอัดแน่นอยู่ซึ่งทำให้น้ำหนักแขนของเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบาก สิ่งที่เกิดขึ้น จริงๆแล้ว มันดี หรือ ไม่ กันแน่ ?? ?
” ไม่ใช่ ” ครอบครองโดยปีศาจ ‘ หลอก . ” ในขณะที่ฉื่อหยานพูดออกมา เขาก็ยังคิดด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด เยว่จางเฟิงก็พูดออกมา ภายใต้ดวงตาประหลาดใจของทุกคน เขายิ้มและพูด ” นี่เป็นการกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้ “
ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
การกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้นั้น ซับซ้อนเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ และคนธรรมดาก็แทบจะไม่สามารถสังเกตุเห็นมันได้ แม้แต่คนที่เคยพบเจอมาก่อน ก็ไม่มีทางรู้ว่าพวกมันได้เปลี่ยนแปลงจิตวิญญานต่อสู้เป็นอะไร เคยมีเรื่องเล่าหลายเรื่องเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้ รวมถึงความลึกลับหรือสิ่งที่น่าจะเขิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหรือวิธีอะไรที่ทำให้จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธุ์ หรือจะควบคุมการกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้ได้อย่างไร
โดยปกติ การกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้จะเกิดขึ้นโดยสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง ไม่มีใครรู้เลยว่าต้องพบเจอกับอะไรหรือต้องทำเช่นไรจิตวิญญานต่อสู้ถึงจะกลายพัน และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้ น หลังจากการกลายพันธุ์ , จิตวิญญาณต่อสู้ก็เปลี่ยนไปแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น ตามคุณลักษณะพิเศษของจิตวิญญานต่อสู้ของคนๆนั้น .
การกลายพันธุ์ของจิตวิญญานต่อสู้เป็นสิ่งที่นักรบหวาดกลัว การกลายพันธุ์สำหรับหลายคนอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ เช่น จิตวิญญานะพิช ก่อนจะต่อสู้กับคนอื่น คนๆนั้จะได้เปรียบก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในป่าเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ นั่นพวกเขาจึงจะสามารถพึ่งพาจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองได้ เขาจะสามารถควบคุมต้นไม้และพืชพรรณ เพื่อจู่โจมและบีบรัดศัตรูให้ตายได้โดยไม่ต้องใช้แรงของตน อย่างไรก็ตาม หลังจากการเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น ความสามารถในการควบคุมพืชอาจหายไป และพลังในการต่อสู้ก็จะลดลงเป็นอย่างมาก และอาจเหลือเพียงแต่ความสามารถที่เสริมสร้างและบำรุงต้นไม้และพืชพรรณได้เท่านั้น
จิตวิญญานต่อสู้มากมายร้ายกาจเป็นอย่างมากก่อนที่จะกลายพันธุ์ แต่ก็อ่อนแอ ลังจากเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรแน่นอน มีบางกรณีที่จิตวิญญานต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากกลายพันธุ์ ซึ่งมันได้เพิ่มพลังของเดิมอย่างน่าหลัว โอกาสเกิดขึ้นก็มีอยู่ แค่เพียงโอกาสนั้นมีน้อยกว่าเท่านั้น ดังนั้น ทุกคนสีหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเรื่องที่จิตวิญญานต่อสู้ของ ฉื่อหยาน กลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจิตวิิญญานต่อสู้ของฉื่อหยานกลายพันธุ์และพลังปราณลึกลับของเขาทั้งหมดหายไป นั่นทำให้คนอื่นกังวลเป็นอย่างมาก
” แม้ข้าจะรู้ว่าจิตวิญญานต่อสู้ของเจ้าได้เกิดการกลายพันธุ์ แต่ข้าก็บอกแค่ว่ามันเกิดการกลายพันธุ์ แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ ” เยว่จางเฟิงมองฉื่อหยานด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน และกล่าวว่า ” เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการหลอมรวมของพลังปราณลึกลับ มันอาจจะมีโอกาศมากที่จะทำร้ายเจ้า และดังนั้น การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นได้ “
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนและกลุ่มของเซี่ยซินหยาน ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น ทุกคนรู้ว่าสิ่งนี้มันหมายถึงอะไรเมื่อไม่สามารถใช้พลังปราณลึกลับได้ นักรบที่ไม่สามารถใช้พลังปราณลึกลับได้ก็เท่ากับไม่ใช่นักรบ ไเมื่อไม่มีพลังปราณลึกลับก็ไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง นักรบที่ไม่มีพลังปราณลึกลับก็ไม่แตกต่างจากคนธรรมดา นี้นับเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับนักรบ
เซี่ยเสินชวน และคนอื่น ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ด้วยความกลัวพวกเขาก็มองไปที่ฉื่อหยานด้วยความว้าวุ่น เขาในอนาคตบนทะเลไม่มีที่สิ้นสุดจะต้องอยู่เหนือกว่าคนธรรมดาและเป็นผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง แต่เพราะจิตวิญญานต่อสู้ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ทุกคนความคิดก็เปลี่ยนไป
เซี่ยซินหยาน รู้สึกเสียใจและถอนหายใจออกมาเงียบๆ หัวใจนางเต็มไปด้วยความรู้ที่เศร้าโศก แต่นางก็ไม่รู้จะพูดอะไร
หน้าฉื่อหยานก็กลายเป็นมืดมน คิ้วของเขากระแทกเข้าด้วยกัน เขานั่งไขว้ขา โดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ฉื่อหยาน ก็กลั้นหายใจ , มุ่งเน้นความคิดของเขาให้เพิ่มพยายามโคจรพลังปราณลึกลับ ตราบเท่าที่เขาสามารถโคจรพลังปราณลึกลับได้ มันหมายความว่าโศกนาฏกรรมยังไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา ด้วยสาตาของทุกคนที่จ้องมองเขานั่งลง ทุกคนเงียบ และรอผลอย่างใจจดใจจ่อ
__________________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 24 แล้ว มีถึงตอนที่ 1082 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <