บทที่ 330 เมฆอสูรกลืนกินท้องฟ้า
สัตว์อสูรระดับเจ็ดมังกรเกล็ดเขียวก็ดิ้นรนไปมา มันยังคงคำรามอยู่ด้านนอกเกาะสุริยัน และพยายามรีบเข้าไปในเกาะสุริยันอย่างกระวนกระวาย
ร่างๆหนึ่งที่นั่งอยู่บนมังกรเกล็ดเขียวก็ตะโกนขึ้น เพื่อกระตุ้นให้คนบนเกาะสุริยันเปิดรูปแบบ
มีรูปแบบประหลาดสร้างอยู่รอบๆเกาะสุริยัน คนภายนอกจะไม่มีทางเข้าไปในเกาะได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพรรคสามเทพ
แม้ว่าจงหลี่ต้วนจากราชวงศ์สงครามศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่อาจละเมิดกฎนี้ ชายคนนั้นทำได้เพียงบินอยู่รอบๆเกาะเท่านั้น ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของจงหลี่ต้วนและมังกรเกาะเกล็ดเขียว ผู้คนบนเกาะสุริยันก็หวาดหวั่น
แม้แต่กลุ่มของฉาวจื่อหลาน ชิงหมิง , และคนอื่น ๆบนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ยังสะดุ้ง ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเกล็ดมังกรเขียวกำลังหลบหนีอะไรอยู่
เสียงหวีดหวิวดังกล้อง ทันทีที่เสียงได้สะท้อนไปทั่วทะเลรอบๆเกาะก็เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเสียงที่สามารถฉีกแก้วหูและทำลายวิญญาณของพวกเขาได้
สีหน้า หลี่ฟู่ เปลี่ยนไป ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้า
หลี่ฟู่ เป็นหนึ่งในผู้ที่คอยต้อนรับแขกที่มาบนเกาะ ในตอนนี้เอง เขารีบบินไปยังมังกรเกล็ดเขียว และเปิดรูปแบบป้องกันออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีโอกาสมังกรเกล็ดเขียวทันทีก็พุ่งมาเข้ามาทันที ที่มันเห็นรอยแยกปรากฏขึ้น
มังกรเกล็ดเขียวสัตว์อสูรระดับเจ็ดกลายเป็นแสงสีเขียวหายเข้ามาทางท้องฟ้า
สิบห้านาทีต่อมา มังกรเกล็ดเขียวก็ปรากฏบนท้องฟ้าของดวงเกาะสุริยัน คนที่ดูยืนอยู่บนหลังของมันก็ลูบลำตัวของมันเล็กน้อย
มังกรเกล็ดเขียวคำรามออกมาและกลายเป็นประกายแสงพุ่งไปยังยอดภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วสูงสุด
ถึงแม้ว่าภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์จะถูกล้อมรอบด้วยรูปแบบป้องกันมากมาย มังกรเกล็ดเขียวก็ยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เรากับว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่มีรูปแบบอะไรอยู่
อันดับแรกในรายชื่อลำดับผู้แข็งแกร่ง จงหลี่ต้วน รีบเร่งเป็นอย่างมาก เหมือนกับเขาไม่สนใจกฎของเพรรคสามเทพ เขาถลันตรงไปที่ยอดเขา และอัดอั้นเสียงไว้ ดูเหมือนเขาอยากจะตะโกนบอกบางอย่างกับถังหยวนหนาน
กลุ่มของถังหยวนหนานและคนอื่น ๆที่ยังอยู่บนยอดภูเขาก็ตกใจ รอฟังคำอธิบายของจงฟลี่ต้วน
ฝูงชนที่อยู่ตีนของภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่รู้มีเกิดอะไรขึ้น พวกเขาบางส่วนกำลังมองขึ้นไปบนฟ้า บางคนก็มองไปทางจงหลี่ต้วน ขณะที่บางคนก็โยนสายตาไปที่ยอดภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่ทุกคนกลับมีความรู้สึกเดียวกันคือ รู้สึกไม่ปลอดภัย
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว , แผ่นดินสั่นขึ้นมาจากที่ไกลๆ ตามด้วยเสียงมากมายของอื่น ใกล้ๆบนเกาะ คลื่นขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น และกระทบบนชายฝั่งราวกับว่ามันต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
ฉื่อหยาน และกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนที่เดินทางกลับคฤหาสน์ของเขา ก็พลันหยุดเดิน และตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะหลังจาก ฉื่อหยาน ได้ยินเสียงดังก้อง ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
” นายท่าน เกิดอะไรขึ้น ? “
อีเทียนโหมว สังเกตเห็น ฉื่อหยาน เปลี่ยนไป จึงช่วยไม่ได้ที่จะถามออกไปเบาๆ หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย ” เจ้ารู้งั้นรึ ? “
สีหน้าของฉื่อหยานก็ดูแปลกประหลาด ในขณะที่เขาพยักหน้าเล็กน้อย ” ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงได้คุ้นเคยกับกลิ่นอายนี่ “
อีเทียนโหมว กำลังตาลอยก็ตกตะลึง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ก็ติดสูงอยู่ในท้องฟ้า แสงแดดส่องทั่วทั้งเกาะ และภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ดูราวกับว่ามันเป็นสีทอง .
นักรบทั้งหมดบนเกาะถูกแช่อยู่ในแสงแดดสีเหลืองเรืองแสง ฉื่อหยานเองก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างเขาและคนอื่น ๆ ก็คือ แม้ว่าจะจมอยู่ในแสงแดด เขารู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดของจิตวิญญานแห่งดวงดาวในหัวใจ มันรวบรวมแสงแดดมากมาย และซึมซับเข้าไปในจิตใจของเขา
กระแสอบอุ่นอ่อนโยนไปทั่วหัวใจของเขามันเต้นเร็วขึ้นและร้อนขึ้น
ร่องรอยของความประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้า ฉื่อหยาน เขารู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นของเขาแสงเหล่านั้นราวกับว่ามันซึมเข้าไปในหัวใจของเขา เขาได้ตัดสินใจที่จะรอจนกว่าการประชุมบนยอดเขาจบก่อน จากนี่นเขาก็จะไปหาถังหยวนหนาน และถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับจิตวิญญานแห่งดวงดาวที่ลึกลับนี้
ในขณะที่เขายังคงตรึกตรองอย่างสุดซึ้ง เขาก็พบว่าแรงดูดของจิตวิญญานแห่งดวงดาวก็หยุดไปโดยไม่รู้ตัว
ฉื่อหยาน ช่วยไม่ได้ที่จะเอา แต่มองไปบนฟ้าด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงกรีดร้องที่น่าหวาดกลัวดังก้องไปทั่วทุกที่ หลายคนมองไปที่ท้องฟ้า ด้วยสายที่ตาตกตะลึง สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปมา
มองท้องฟ้า , ฉื่อหยานก็ รู้สึกตกตะลึงอยู่ภายในใจของเขา
ไม่รู้เลยว่ามันมาจากไหน กลุ่มเมฆสีดําสนิทลอยและครอบคลุมท้องฟ้าทั้งหมดของเกาะสุริยันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น กลุ่มเมฆสีดำสนิทนับไม่ถ้วนก็บดบังท้องและแสงแดดอย่างรวดเร็ว
ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเคยปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์ ตอนนี้กลายเป็นมืดมิดและดูเศร้าหมอง .
นี้ที่เปลี่ยนแปลงไม่อย่างกระทันหัน จนคนเข้าใจผิดว่าดวงอาทิตย์ได้หายไปแล้ว เหลือเพียงกลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้าเท่านั้น
ท้องฟ้าที่ใสกลายเป็นมืดทันที กลางวันกลายเป็นกลางคืนเพียงกระพริบตา
ในความมืดที่น่ากลัว บางครั้ง ก็มีเสียงบางอย่างเกิดขึ้นรอบเกาะให้ความรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังล้อมอยู่รอบๆเกาะ
นักรบมากมายบนเกาะรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ พวกเขาตะโกนเสียงดังด้วยความกลัว อยากไปขึ้นเขาอย่างร้อนรน
ณ ที่เดียวกับหัวหน้าของคุมพลังต่างๆที่รวมกันอยู่ บนยอดภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ นั้นสมควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นที่เกาะสุริยัน
” หากไม่มีจดหมายเชิญสีทอง ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ หลี่ฟู่ ได้ยืนอยู่ตรงทางเข้า เขาตะโกนว่า ” ทุกคนกลับไปยังที่พักของตนซะ เราจะค้นหาคำตอบจากสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ทุกคนโปรดสงบ ”
อย่างไรก็ตาม ผู้คนไก็ม่ได้สนใจอีกต่อไป ด้วยความตกใจที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจของทุกคน พวกเขาไม่สนใจ หลี่ฟู่ และรีบวิ่งไปด้านบนของภูเขาอย่างบ้าคลั่ง
หลี่ฟู่ และนักรบแห่งเพรรคสามเทพก็ตะโกนออกมา แต่เพียงขณะที่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ‘ ตอนนั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือทำอะไร ก็พบว่าตนนั้นตกอยู่ในฝูงชนเรียบร้อยแล้ว , ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่ใช้หินพลังหยินเพื่อขอคำสั่งจากถังหยวน
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วของเขา เป็นความรู้สึกคลุมเครือที่ปรากฏขึ้นมาภายในหัวใจของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเฉยเมยครุ่นคิดสักพัก แล้วตัดสินใจทันที ” กลับไปให้เร็วที่สุด “
อีเทียนโหมว ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เอื้อมมือออกไปคว้าแขนของ ฉื่อหยาน และกระโดดขึ้นไป
หยาเมิง คาป้า เองก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์แปลกๆ จึงรีบกลับไปที่คฤหาสน์
เซี่ยเสินชวน และเซี่ยซินหยาน ที่อยู่ในคฤหาสน์เอง พวกเขก็ายังตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติบนท้องฟ้า เซี่ยเสินชวน ใช้หินพลังหยินติดต่อกับคนอื่นๆในตระกูลเซี่ย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับพวกเขา
ด้วยความสงสัยมากมาย เซี่ยเสินชวน และ เซี่ยซินหยาน เดินออกไปที่ห้องด้านนอก มองไปทางท้องฟ้า
และเยว่จางเฟิง หลินหยาฉี เองก็ยังตกตะลึง พวกเขามอไปที่การเปลี่ยนแปลงในท้องฟ้า
” เกิดอะไรขึ้น ? ” เซี่ยเสินชวน เดินไปอยู่ข้างๆเยว่จางเฟิง และถามอย่างใจเย็น
” เราเองก็ไม่รู้ ” เยว่จางเฟิงส่ายหัวด้วยใบหน้าที่จริงจัง ” สัตว์อสูรมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ ที่ท้องฟ้านั้นคือเมฆอสูรแน่นอน บางทีเผ่าอสูรในดินแดนอสูรอาจจะมาที่นี่แล้วก็ได้ ในปัจจุบันเกาะสุริยันถูกปิดกั้นไว้ เราไม่รู้เลยว่ามีสัตว์อสูรจำนวนเท่าใดและเผ่าอสูรหรือไม่ .มันน่าเหลือเชือนัก “
พร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วของพวกเขา และเสียงอึกทึกจากภายนอกยังคงก้องกังวานนอกเกาะสุริยัน
ในขณะที่เซี่ยเสินชวน ตกใจ อีเทียนโหมวกับฉื่อหยานจู่ๆก็กลับมา
” อ๊ะ ! ” เยว่จางเฟิงก็ตกใจ ” เจ้าไม่ได้ไปยอดเขางั้นรึ ? ทำไมเจ้าถึงกลับมาเร็วนัก เจ้ามีข่าวอะไรบ้าง “
ฉื่อหยาน ส่ายหัว รออีเทียนโหมว วางเขาลง แล้วตอบกลับด้วยคิ้วที่ขมวด ” ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบัน อาจจะมีบางคนอยากทำลายเกาะสุริยันก็เป็นได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะรู้ว่า มีนักรบหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่บนยอดภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เขายังกล้าปิดล้อมเกาะ นั่นหมายความว่าเขาได้เตรียมพร้อมมาอย่างดีก่อนจะมา บางทีเขามีความสามารถในการฆ่านักรบระดับพระเจ้าทั้งหมดในที่แห่งนี้ก็เป็นได้”
เยว่จางเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยกับ ฉื่อหยาน , ” เป็นไปได้สูง “
” พวกเราไม่ควรแยกจากกัน รอดูความเปลี่ยนแปลงก่อน เมื่อสถานการณ์แย่ลง เราจะออกจากเกาะทันที ” ฉื่อหยานก็กล่าวอย่างใจเย็นหลังจากที่คิดสักพัก
เซี่ยเสินชวน เซี่ยซินหยาน ยืนอยู่เงียบๆและพยักหน้าและออกถอนหายใจ
กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคน เป็นนักรบระดับพระเจ้า ดังนั้น การมีพวกเขาอยู่เคียงข้าง ทุกคนต่างก็รู้สึกกังวลน้อยลง ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น โอกาสที่จะรอดก็ยังสูงกว่าคนอื่น ๆ ‘
ทันทีที่ความคิดนั้นได้ปรากฏในจิตใจของพวกเขา ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนท้องฟ้า
ฉื่อหยานก็นั่งลง ขบฟันของเขาเงียบๆ แล้ววางมือขวาของเขาลงบนบนพื้นดินในขณะที่สายตาของเขาก็เปลี่ยนไป
ทุกคนช่วยไม่ได้ที่จะหันไปมองเขาอย่างตั้งใจ
ไม่มีใครรู้ว่าทำไม แขนขวาของฉื่อหยานจึงถูกปกคลุมด้วยเส้นไหมสีเขียว ดูใกล้ๆ เส้นไหมเหล่านั้นเหมือนกับเย็บลงบนเนื้อของเขาและมันก็ค่อยๆเคลื่อนไหวไปมา
ด้วยการพินิจวิเคราะห์มองไปที่แขนของเขา ในสายทุกคนต่างก็คิดว่าแขนข้างขวาของเขาดูราวกับถูกชอนไชด้วยหนอนมากมาย ซึ่งทำให้พวกเขากลัวและถอยหลังออกมา
_________________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 24 แล้ว มีถึงตอนที่ 1098 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <