บทที่ 375 นักล่า
ฉื่อหยานก่อนหน้านี้ไม่นานเขาได้รู้อายหยานั้นไร้ปราณีและไม่ได้ดีไปกว่าไชอี้เลย . ที่ด้านล่างของทะเลสาบ เมื่อเขาถูกลากจมลงไปโดยปลาหมึก นางกลับถอนหายใจโล่งอกออกมา
ก่อนจะออกจากทะเลสาบ ไชอี้ ยังเตือนให้เขาระวังด้วยอายหยาไว้ด้วย นางได้บอกเค้าว่า นางนั้นเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง เมืองจักพรรดิขาว นางสูงศักดิ์และหยิ่งยโสอย่างแท้จริง เมื่อเขาได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของนาง แน่นอนว่านางจะต้องฆ่าเขาแน่
ดังนั้น เมื่อเห็นอายหยาเข้ามาใกล้ ฉื่อหยาน ที่ยืนอยู่โล่งๆก็แอบระวังตัวไว้และเตรียมพร้อมที่ลงมือ
ด้วยใบหน้าสีเย็นชาและเสื้อที่โบกสะบัดไปมา อายหยาก็พุ่งมาที่เขาอย่างรวดเร็ว
หน้าฉื่อหยานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่มองนางอย่างเรียบเฉย แต่ก็แอบเตรียมรับมือ และถามออกไป” เจ้าไม่ได้ไปหาที่สงบเพื่อทำสมาธิหลอกรึ ? “
อายหยา ดวงตาที่งดงามก็จ้องไปที่ ฉื่อหยาน , นางไม่ได้รีบตอบ ดวงตาที่สวยงามของนางแวบขึ้นด้วยประกายแสงนับไม่ถ้วน ราวกับว่านางอยากเห็นความลับทั้งหมดของ ฉื่อหยาน .
รอยยิ้มบางๆแขวนบนใบหน้า ฉื่อหยาน . เผชิญหน้ากับนางอย่างใจเย็น เขาไม่เปิดเผยร่องรอยของความกลัวราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในทะเลสาบ
อายหยาจ้อง ฉื่อหยานสักพัก แล้วค่อยๆ พยักหน้าและกล่าวว่า ” ข้าต้องการที่จะนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของข้า ปลาหมึกพันมือทำข้าบาดเจ็บ ดังนั้น ข้าจึงสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมากและต้องนั่งสมาธิทันที เพียงว่าสถานที่แห่งนั้นดูเหมือนว่าจะผิดปกติ และตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอมาก ดังนั้น ข้าจึงต้องการให้ใครสักคนเฝ้ายามข้าขณะที่ข้ากำลังนั่งสมาธิ”
ฉื่อหยานก็ตกใจ
เขาเคยคิดว่านางมาที่นี่เพื่อฆ่าเขา เพื่อทำให้ตัวเองสบายใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้นางสบายใจได้ แต่ยังสามารถรักษาร่างกายที่บริสุทธิ์ของนางจากดวงตาของเขาที่เห็นร่างของนางในตอนนั้น
เขาไม่คิดเลยว่าอายหยาจะมาที่นี่เพื่อขอให้เขาเฝ้ายาม โดยไม่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่ด้านล่างทะเลสาบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้ว่าเขาจะสงสัย เขาก็ไม่ได้แสดงออก เขาแค่พยักหน้าและบอกว่า ” ได้ ” .
นางไม่ได้พูดอะไร ขณะที่นางนั่งลงด้านหน้าของ ฉื่อหยาน . แหวนบนนิ้วของนางก็ส่องประกาย ; ผลึกอสูรจำนวนหนึ่งก็ปรากฏบนมือหยกของนาง ผลึกอสูรเหล่านี้มีขนาดแตกต่างกันไปและมีจำนวนสิบชิ้น ซึ่งพลังของมันสามารถดูดซับได้โดยตรง สัตว์อสูรเหล่านนี้น่าจะตายก่อนที่นางจะมายังที่แห่งนี้
มือของนางจับผลึกอสูรแน่น ดูเหมือนนางจะแน่ใจแล้วว่าจะฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของตน แต่แล้วนางก็ลังเล
ฉื่อหยานจ้องมองอย่างงุนงงไปที่ผลึกอสูรที่ส่องประกายเหล่านั้น เขาจกใจและไม่คิดว่าอายหยาจะสามารถเก็บเกี่ยวได้มากขนากนี้
ด้วยผลึกอสูรมากมายมารวมตัวกันในสถานที่เดียวกัน สามารถทำให้นักรบที่อยู่ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเกิดความโลภและขโมยผลึกที่ล้ำค่าของนางเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับ ฉื่อหยาน ถึงแม้ว่าผลึกอสูรเหล่านี้จะมีค่า มันก็ไม่ทำให้เขาหน้ามืดตามัวได้
อายหยาหยิบผลึกอสูรแต่ละก้อนขึ้นมาและสังเกตพวกมันในขณะที่นางขมวดคิ้วแน่น หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เลือกผลึกอสูรสีแดงที่เหมือนอัญมณีและเก็บผลึกอสูรที่เหลือเข้าไปในแหวนเก็บของ แล้วนางก็บอก ฉื่อหยาน , ” ข้าได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงในตอนนี้ อย่าให้ใครเข้าใกล้ ถ้าข้าพบถูกใครแอบโจมตีในระหว่างที่ข้าทำสมาธิ ข้าคงไม่รอดแน่นอน . “
ฉื่อหยาน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจของเขาปั่นป่วนเล็กน้อย ในขณะที่ร่างกายของเขารู้สึกตื่นเต้น เขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่มันการหลอกล่อชัดๆ
นางได้หยิบผลึกอสูรทั้งหมดออกมาเพื่อตุ้นให้เขาเกิดความโลภ และ นางยังบอกอย่างชัดเจนว่านางบาดเจ็บสาหัสเพื่อให้เขาคิดจะทำร้ายนาง
เห็นได้ชัดว่านางต้องการฆ่าเขา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมได้ นั่นคือเหตุผลที่นางใช้ผลึกอสูรมาเป็นเหยื่อล่อความโลภ และยังหลอกล่อให้เขาฉวยโอกาสนางตอนที่กำลังนั่งสมาธิอีก
ใช้ผลึกอสูรเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นก็บอกว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลัวคนอื่นเข้ามาใกล้ นี่ชัดเจนแล้วว่านางวางแผนที่จะกระตุ้นเขา
หัวใจที่เย็นชาของ ฉื่อหยานก็ หัวเราะเยาะว่า . เขาแอบแช่งนางที่กล้าหลอกล่อเขาอย่าง ไร้ความปราณี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ต้องการผลึกอสูรเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของเขา เขาอาจจะติดกับไปแล้ว ถ้าเขาตัดสินใจลงมือ เขาก็แน่ใจว่าอายหยาคง ไชอี้ บอค และคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่่องนี้และใช้เป็นข้ออ้างฆ่าเขา
การฆ่าสหายที่คิดจะขโมยผลึกอสูรนั้นนับได้ว่าเป็นเหตุผลที่เหมาะสมแก่การฆ่า
เมื่ออาหยานั่งสมาธิ , ฉื่อหยาน ก็มองนางอย่างเย็นชา เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจในขณะตาของเขาก็เปลี่ยนไป
ถ้าเขาเขาฉวยโอกาสขณะที่นางกำลังนั่งสมาธิและปลดปล่อยพลังที่เก็บซ่อนอยู่ออกมา บางทีเขาอาจจะฆ่านางได้ ถึงแม่ว่านางจะคิดคำนวนเกี่ยวกับเรื่องของเขามาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงใหญ่ๆก็คือ ถ้าเขาพยายามฆ่าอายหยา และไม่สามารถฆ่าได้ในการโจมตีครั้งเดียว และพวกเขาทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน ซึ่งแน่นอนว่านั้นจะต้องดึงดูดความสนใจของผู้อื่น เมื่อคนเหล่านั้นมาถึง เขาก็แทบจะไม่มีทางทำสำเร็จ หากอายหยาสามารถรอดจากการโจมตีของเขาได้เพียงครั้งเดียว มันก็ไม่ง่ายแล้วที่จะฆ่านางในครั้งนี้สอง
ขณะที่เขาพิจารณาอยู่เงียบๆ ถึงกำไรและผลเสีย ฉื่อหยานดวงตาก็เปลี่ยนแปลงไปมาต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ เขาต้องการที่จะให้สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อดูว่านางมีกับดักและวิธีการใดอีกหรือไม่
จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ อายหยา เขาพิงต้นไม้ด้วยท่าทางขี้เกียจ แกล้งทำเป็นว่าเฝ้ายามให้อายหยา
สักพักต่อมา ด้วยจิตสำวิญญาณของเขา ฉื่อหยาน พลันตระหนักได้ว่า มีบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับไชอี้ .
อีกด้านหนึ่ง ไชอี้ ก็แอบดูเข้าไปในวิญญานหลักของนางแล้วนางแล้วก็ส่ายหน้า ใบหน้าของนางเริ่มซีด และเริ่มจับหัวของตัวเอง
” พี่สาว ! พี่สาว ! ” บอคก็ตกใจ เขาสันนิษฐานว่า ไชอี้ ได้ตกเข้าไปอยู่ในสภาวะ ‘ ถูกควบคุมโดยปีศาจ ‘ ( คำจีนที่ใช้บ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในจิตใจ หรือการฝึกฝนการต่อสู้) เขาจึงถามออกมา ” ท่านเป็นอะไร ? ท่านสบายดีหรือไม่ ? มีอะไรที่ข้าช่วยท่านได้บ้าง ?
สารเลว !
ไชอี้ แอบแช่ง ฉื่อหยาน ในหัวใจของนาง นางจับหัวของนางครางออกมาด้วยความเจ็บปวด สักพัก ใบหน้าที่สวยงามของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่ร่างของนางค่อยๆหยุดสั่น
นางรู้ว่ามันคือฝีมืิอของฉื่อหยาน ที่สอนบทเรียนแก่นาง แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายวิญญานของนางจริงๆ มิฉะนั้น ด้วยเมล็ดวิญญานที่ถูกฝังมานี้ นางจะไม่สามารถทนได้แม้แต่การโจมตีเดียวแน่นอน
” ข้าไม่เป็นอะไร มีบางอย่างผิดปกติกับพลังของข้า แต่ไม่เป็นแล้ว” ไชอี้ นั่งตรง ไม่กล้าไปแอบดูวิญญานหลักอีก จากนั้นนางก็ใช้ผลึกอสูรเพื่อฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของนาง
ไม่ไกลนัก ฉื่อหยานก็เผยรอยยิ้มเย็นชาขณะมองไปทางไชอี้
หลังจากนั้น
อายหยาก็ค่อยๆลืมตา พลังของผลึกอสูรในมือของนางถูกดูดซับจนหมด และมันก็กลายเป็นหินธรรมดา
นางผิดหวังเล็กน้อย มองนางอย่างเงียบๆ ไปที่ฉื่อหยานที่กำลงยืนอยู่ , และกล่าวว่า , ” ข้าเสร็จแล้ว ไปหาไชอี้และคนอื่นๆเถอะ “
ฉื่อหยาน ก็พยักหน้าแต่และยิ้มเยาะอย่างเย็นชาในหัวใจของเขาและเงียบ
เขาเห็นร่องรอยของความผิดหวังประกายในดวงตาของอายหยา . . ผ่านดวงตาคู่นั้น เขาคิดว่า อายหยาต้อง ไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่นอน นางยังคงระมัดระวังตลอดเวลาในขณะที่นั่งสมาธิ ถ้าเขาโจมตีนาง เห็นได้ชัดว่าอายหยาจะต้องตอบโต้ด้วยพลังสูงสุดเพื่อฆ่าฉื่อหยาน
หัวใจของหญิงสาวคนนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก
ฉื่อหยานแอบก่นด่านางในใจ , ในขณะที่ตาของเขามองไปยังและหลังของนางด้วยลักษณะที่คาดเดาไม่ได้
อายหยาก็หันมาดวงตาของนางก็ส่องประกายเย็นชา
ฉื่อหยานตกใจ พลังปราณลึกลับของเขาก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นและอำนาจพลังบ้าคลั่งก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกกระตุ้นไปทั่วร่างกายของเขา
อายหยา มองเขาอย่างเย็นชา และกล่าวว่า ” เจ้าควรจะระวังตาเจ้าไว้บ้างนะ . ” หลังจากพูด นางก็หันหลังกลับและยังคงบินขึ้นไป
ฉื่อหยานก็ตะลึงส่ายศีรษะเล็กน้อยและยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก
ไชอี้ บอค , ลั่วหลันและลั่วหลี่ ก็ปรกาฏตัวขึ้นด้านหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ ไชอี้ เห็นเขามา ดวงตาคู่สวยของนางก็จ้องเขาในลักษณะของความไม่พอใจ
เขาหยักไหล่ ฉื่อหยาน เผยรอยยิ้มบางๆ ทำเป็นว่าไม่มีอะไรใจะพูด ” เราควรจะออกเดินทางกันได้แล้ว “
ไชอี้ รู้ว่านางนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ นางจึงพยายามยับยั้งความโกรธของนาง นางหยุดมอง ฉื่อหยาน แล้วคุยกับอายหยา ” ไปกันเถอะ “
อายหยาพยักหน้า มองอีก 4 คน และ กล่าวว่า ” ตามข้ามา ” หลังจากเอาเข็มทิศขึ้นมาชี้ทิศทาง อายหยายังคงนำหน้าเหมือนก่อน และยังคงไปสถานที่ที่ลึกที่สุดของหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
ผ่านไปเป็นเวลานาน
พวกเขาเดินตามอายหยาลึกเข้าไปในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ ทุกครั้งที่ตรวจพบสิ่งที่ผิดปกติ ทันทีนางจะให้ ฉื่อหยาน ไปข้างหน้าเพื่อสำรวจและภาวนาให้ ฉื่อหยาน ถูกสัตว์อสูรที่เจอฆ่าปิดปากตาย หรือถูกฆ่าโดยนักรบคนอื่นๆ ฉื่อหยานก็ทำตามนางทุกครั้ง ในอันตรายทุกประเภท เขมักจะเปลี่ยนจากอันตรายให้กลายเป็นปลอดภัยเสมอ ซึ่งเขาทำเหมือนมันเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ของเขา
ในตอนนี้, ฉื่อหยาน และอีกห้าคนก็ได้พบกับฝูงสัตว์อศูรและได้เก็บเกี่ยวผลึกอสูรจากการฆ่าพวกมันมาบางส่วน พวกเขายังได้พบกับนักรบกลุ่มอื่น และทั้งสองฝ่ายได้เริ่มการต่อสู้กัน ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ ไม่มีกฎอะไรทั้งสิ้น ผู้ที่มีแข็งแกร่งสามารถปล้นผลึกอสูรจากผู้อ่อนแอได้ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นกลุ่มนักรบคนอื่น พวกเขาก็จะพุ่งเข้าไปทันทีและฆ่าพวกเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์อสูรเสียอีก
ฉื่อหยานก็ยังคงเก็บซ่อนความแข็งแกร่งไว้
เขานั้นได้ผลึกอสูรไม่มากนัก ทุกครั้งที่พวกเขาพบสัตว์อสูร เขาก็ไม่ได้ตั้งใจสู้กับพวกมันอย่างจริงจัง เพียงแค่เก็บเกี่ยวผลึกอันสองอันและ เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบ เขาไม่ก็ไม่ได้ไปปล้นศพของนักรบเหล่านั้นเช่นกัน เขาไม่ได้สนใจสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าหรือแหวนของนักรบเหล่านั้นเลย เขาปล่อยให้คนอื่นๆเก็บเกี่ยวไป เขาดูเหมือนจะไม่โลภ และยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม , ด้วยการดูดซับกลิ่นอายพลังของนักรบที่ตายเหล่านั้น ฉื่อหยาน ก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณลึกลับของเขาได้อย่างเต็มที่ ราวกับว่าเขาไม่ได้สูญเสียพลังอะไรเลย และมันยังช่วยให้เขาก้าวหน้าในการบรรลุเข้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายๆครั้งหลังจากนั้น พลังลึกลับก็ไม่ไหลเข้าไปในประกายพลังปราณลึกลับอีกต่อไป แต่กลับไหลไปยังจิตวิญญานดวงดาวแทน นี้ทำให้ ฉื่อหยาน ตระหนักว่าประกายพลังปราณลึกลับของเขาแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ถ้าเขาต้องการจะบรรลุ เข้าก็สามารถเจ้าสู่นภาที่สามระดับรู้แจ้งได้
ดังนั้น เขาจึงเพ้งความสนไปที่บรรลุเข้าสู่ระดับใหม่โดยตั้งให้มันคือสิ่งหลักอย่างแรกที่เขาควรทำ
วันหนึ่งกลุ่มของหกคนรวมทั้ง ฉื่อหยาน , ก็หยุดพักกันอยู่บนเนินเขาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ
ทันใดนั้น เสียงวีดหวิวแสบหูก็ดังออกมาจากรอบ ๆเนินเขา นักรบในชุดทองทันที ก็ปรากฏ ยิ้มจนเห็นฟัน และพุ่งไปที่พวกเขาทั้งหกคน
ตลอดทางมีนักรบอื่น ๆได้กลายเป็นเหยื่อของกลุ่ม อายหยา และ ไชอี้ แต่ตอนนี้กลับจอกับกลุ่มนักรบสีทอง ใบหน้าของอายหยาและคนอื่น ๆก็เปลี่ยนทันทีราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญกับหายนะ พวกเขารีบลุกขึ้น
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วเมื่อเขามองไปรอบ ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือก เขากลัวว่าในครั้งนี้ พวกเขาจะตกกลายเป็นเหยื่อแทน
________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 28 แล้ว มีถึงตอนที่ 1277 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <