บทที่ 410 ความวุ่นวายใต้พิภพ
นี้เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีต้นไม้โบราณสีเขียวและดอกไม้บานอยู่ทุกที่ กลิ่นอายธรรมชาติมีอยู่ทั่วเกาะแห่งนี้
นี่แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ รอบนอกของเกาะนี้เต็มไปด้วยควันโฉบอยู่รอบๆ แต่ไม่มีใครในเกาะ
ทุกอย่างที่เห็นมีเพียง ต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่านซึ่งหน่าแน่นไปทั่วจนปกคลุมท้องฟ้า เหมือนสวรรค์ ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรใดๆ ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกว่าสามารถฝึกบ่มเพาะที่นี่ได้อย่างสบาย
กลุ่มของฉื่อหยานผ่านหมอกและลงยืน หลังจากนั้น พวกเขาก็ปล่อยจิตสำนึกวิญญานของพวกเขาเงียบๆและจากนั้นทันทีตระหนักว่าจิตสำนึกของพวกเขาไม่ถูกปิดกั้น . เมื่อจิตวิญญาณของพวกเขากระจายออกไป สิ่งต่าง ๆที่อยู่ในเกาะทันทีก็สะท้อนขึ้นใจห้วงจิตสำนึกของแตาละคน
” ไม่มีใครที่นี่ ” จ้าวเฟิงที่มีระดับการบ่มเพาะนภาที่สามระดับนภา เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา ซึ่งไม่นานก็ปกคลุมทั่วทั้งเกาะ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของชีวิตใด ๆ สถานที่ที่แห่งนี้มีกลิ่นอายธรรมชาติหน้าแน่นและมีต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้บาน ทำให้ไม่ดูว่างเปล่า
นักรบจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางส่วนที่มาที่นี่เพื่อหาจิตวิญญานพระเจ้าบริสุทธิ์ ผู้คนได้กระจายจิตสำนึกวิญญานออกไปเพื่อค้นหาสิ่งที่ผิดปกติบนเกาะแห่งนี้รวมถึงโอกาสที่เป็นไปได้
ชิเสี่ยว หลี่เยว่ และคนอื่น ๆก็มีสีหน้าสงสัย พวกเขายังปล่อยจิตสำนึกวิญญาณของพวกเขา แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
” นี่มันไม่ถูกต้อง ” ฉื่อหยานขมวดคิ้ว ” ต้องมีอะไรแปลกๆแน่นอน มิฉะนั้น นักรบคนอื่นก็สมควรอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราสามารถมาที่นี่ได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน ถ้าเราสามารถกระจายห้วงจิตสพนึกของเราออกไปได้คน อื่น ๆก็สามารถทำได้ ดังนั้น โดยทั่วไป เมื่อเราลงที่นี่ เราควรจะพบนักรบคนอื่นทันที มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สามารถตรวจจับนักรบได้”
” ทุกคนระวังให้ดี ข้าคิดว่าสถานที่แห่งนีเผิดปกติ บางที มันอาจจะอันตรายเสียยิ่งดินแดนก่อนหน้านี้ ” ใบหน้าของจ้าวเฟิงก็มืดมน” ทุกคนมารวมที่นี่เดี่ยวนี้ อย่าได้แยกออกไป เราจะไปเกาะด้วยกัน และสำรวจมันทีละน้อย “
ทุกคนพยักหน้ารับและมารวมกัน
ต้นไม้สูงตระหง่านขยายทั่วทั้งเกาะ มองผ่านอย่างรวดเร็ว เกาะแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมด้วยป่าไม้หนาแน่น ต้นไม้โบราณเหล่านั้นปิดกั้นวิสัยทัศน์ของผู้ที่เดินในป่าแห่งนี้ และพวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ไกลนัก
กลุ่มของ ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆชลึกเข้าไปในเกาะ พวกเขาไม่ได้กังวล เพียงแต่ให้ความสนใจกับทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตราบเท่าที่มีสัญญาณใด ๆเกิดขึ้น เขาก็จะสังเกตมันอย่างละเอียด
ตุบตุบ
เสียงทื่อก็ดังสะท้อนมา จากใต้เท้าของพวกเขา การสั่นสะเทือนขึ้นมาจากลึกใต้พื้นดินของเกาะ มันสั่นสะเทือนอย่างช้าๆ แต่มันดูเหมือนจะวิ่งตรงไปที่จิตใจของมนุษย์
ตึง ตึง ตึง
หัวใจของทุกคนค่อยๆเต้นรัวขึ้น สั่นจากใต้เกาะดูเหมือนจะสามารถที่จะทำให้การเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจของคนเหล่านั้นปอนด์ได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
” อะไร ? ” ดวงตาของจ้าวเฟิงก็หลี่ลงและส่งประกายประหลาด ” พวกเจ้ารู้สึกไหม ? “
ใบหน้าของทุกคนก็พยัก
จ้าวเฟิงสูดหายใจลึกๆและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ” ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติใต้ดิน เราควรจะระมัดระวัง ถ้าหัวใจของเราเต้นเร็วมากกว่านี้เราอาจจะกลายเป็นบ้าคลั่งได้ ยิ่งมันรุนแรงเท่าใดการตัดสินใจและเหตุผลของพวกเราก็จะน้อยลง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
หลังจากหยุดสักพัก จ้าวเฟิงมองฉื่อหยาน และกล่าวว่า ” โดยเฉพาะอย่างเจ้า”
ฉื่อหยาน ก็เขินเล็กน้อย เขาพยักหน้าเบา ๆ ” ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีสาเหตุที่ทำให้ข้าสูญเสียสติก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่เสียสติอีก ผลกระทบที่ข้าได้รับตอนนี้ก็เท่าๆกับท่านนั่นแหละ “
” จิตสำนึกวิญญานของใครสามารถเจาะเข้าไปในพื้นใต้ดินได้บ้าง ?” หลี่เยว่ ลังเลสักพักก่อนที่ใบหน้าของเธจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ” จิตวิญญาณของข้าลงลึกไปได้ไม่เกินสิบจ้าง ( 1 จาง เท่ากับ 3.33 เมตร – TL ) ใต้ดิน ดูเหมือนจะมีอุปสรรคบางอย่างภายในพื้นดินของเกาะ มันป้องกันไม่ให้จิตวิญญานของเราทะลุลงไป
หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด ทุกคนก็รีบส่งจิตวิญญาณของพวกเขาลงไปในพื้นดินตามคำพูดของนาง
ฉื่อหยานจิตสำนึกวิญญานของเขาก็พุ่งลงไปที่พื้น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงระดับความลึกเพียง จ้างเขาก็พบกับอุปสรรค
ด้วยอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้จิิตสำนึกวิญญานเจาะลึกลงไปใต้ดิน พวกมันเป็นเหมือนกับเชือกที่ผูกมัด จิตสำนึกวิญญานของพวกเขาก่อนที่จะจิตสำนึกวิญญานของพวกเขาจะทะลวงลงไปได้
หลังจากพยายามอย่างมากก็เจาะลึกลงไปได้หกจ้าง ฉื่อหยานได้ปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญานทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถขยับไปต่อได้แม้แต่เซนเดียว
” ข้าเองก็เช่นกัน ” จ้าวเฟิงนิ่งมองทุกคน และบอกว่า ” ถ้ามีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจว่ามันต้องมาจากศูนย์กลางของใต้ดินของวเกาะ ดังนั้นเราควรมองหาทางเข้าที่จะไปที่นั่น ข้าคิดว่า ถ้า มีนักรบอื่น ๆอยู่พวกเขาคงจะเข้าไปยังศูนย์กลางเกาะของแล้ว ถ้าพวกเขาสามารถไปได้ เราก็สามารถไปได้ “
” อืม มันต้องมีทางอยู่แน่ ” ในขณะที่พูด ไชอี้ก็หยิบกำไล แหวนไพลิน จากกระเป๋าของนาง ทันทีที่กำไลปรากฏในฝ่ามือของนาง มันก็ส่องแสงสีฟ้าอ่อนออกมาสามเส้นเจาะลงไปในพื้นดิน , เจาะลึกทะลสงไปยังอุปสรรคได้พื้นดิน
ไชอี้้ค่อยๆหลับตาแน่นขณะถือกำไล
เมื่อแสงสีฟ้าทั้งสามเส้นเจาะลงไป ไชอี้ถักคิ้วของนางไว้แน่น เมื่อนางส่งจิตสำนึกลงไปอย่างรุนแรง ครึ่งวันต่อมา ร่างกายสง่างามของนางก็สั่นสะท้าน นางจึงลืมตาขึ้นและพูดด้วยความประหลาดใจ ” ใครบางคนกำลังต่อสู้อยู่ “
ทุกคนตกใจ
“กำไลไพลินนี้มาจากดินแดนแปลกประหลาดเมื่อสองวันที่แล้ว ข้าสังเกตุมันอย่างรอบคอบ และตระหนักว่า กำไลนิลของข้าสามารถตรวจจับพลังงานที่แตกต่างกันได้ เมื่อเส้นแสงสีฟ้าอ่อนได้เจาะลงไปยังพืิ้นดินก่อนหน้านี้ พวกมันก็สัมพัสได้ถึงพลังที่แตกต่างกันสิบชนิดกำลังประทะกันอยู่ มันชัดเจนว่าต้องมีนักรบหลายคนแน่ที่อยู่ข้างใต้ ” ไชอี้้ถือกำไลไพลินในขณะที่อธิบายให้ทุกคน ” น่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใต้ มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ต่อสู้กันเช่นนี้ ” จ้าวเฟิงพูด ” ดูเหมือนว่า คนเหล่านั้นจะพบกับสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์และพวกเขาก็ต่อสู้กันเองเพียงเพราะของสมบัติเหล่านั้น ถ้าเราเดาไม่ผิด ความลับของเกาะนี้สมควรอยู่ใต้ดิน ” .
” หาทางเข้าเถอะ ” ฉื่อหยานเผยอรอยยิ้มออกมาจากมุมปากของเขา “แยกย้ายกันออกหาดู ดูเหมือนว่าบนเกาะนี้จะไม่มีอันตรายใดๆ ทุกคนกระจายกันออกไปและเมื่อใครพบก็ตะโกนออกมา ถึงแม้เกาะนี้จะไม่เล็ก แต่ถ้าเราแยกย้ายกันออกไป มันก็จะง่ายต่อการค้นหาทางเข้า “
” กระจายกันออกไป ” จ้าวเฟิงสั่งให้คนของเขาจากนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ แล้วบินออกไปก่อนเข้าสู่ศูนย์กลางของเกาะ
ไชอี้ ชิเสี่ยว สองพี่น้องหลัวหลันก็กระจายออกไปตามที่ฉื่อหยานสั่ง
ฉื่อหยาน ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน เขายืนอยู่กับที่
7 คน จากนิกายประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ตามไชอี้และชิเสี่ยวก่อนหน้านี้ก็ได้แยกออกันไปสามทิศทาง ด้วยจำนวนคนเยอะแบบนี้ สมควรจะใช้เวลาไม่นานนั้นเพื่อค้นหาทั่วเกาะ ต่อให้เขาไม่ต้องพยายามทำอะไร เขาก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับผลลัพของมันได้อย่างสบายใจ
ซั่วชูและซั่วฉือก็กระจายกันออกไปเพื่อค้นหา แต่เมื่อพวกเขาเห็นเขาอยู่ข้างหลัง พวกเขาก็อึ้งไปชั่วขณะ และยังมอง
” ท่านปู่ซั่ว หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง ท่านจะกลับไปยังสมาคมการค้าหรือไม่” ฉื่อหยานคิดสักพัก จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม” ข้าจะยังไม่กลับไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าข้าจะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันนักตอนนี้ แต่ข้าก็มั่นใจว่า ทะเลไม่มีสิ้นสุดกำลังวุ่นวาย ตั้งแต่ข้าจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุดมา เผ่าอสูรได้กระจายกันอยู่อย่างหนาแน่น เผ่าอสูรจากดินแดนสี่อสูรได้บุกมายังทะเลไม่สิ้นสุด มันก็นานมากแล้ว อีกทั้งยังมีเผ่าทมิฬจากดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น ถ้าท่านกลับโดยทางปกติ ข้าเกรงว่าท่านจะได้รับอันตราบ”
หน้าซั่วชูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากล่าวด้วยความกลัว ” เผ่าอสูร เผ่าทมิฬ ? “
ฉื่อหยานพยักหน้า
” ไม่ใช่ว่าชนเผ่าทั้งสองนี้ได้หายสาบสูญไปจากแผ่นดินรุ่งเรืองแล้วหลอกรึ ? ในสมาคมการค้ามีตำนวนบางโบราณเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ทั้งสองนี้อยู่ แต่เราไม่เคยเห็นพวกมันจริงๆ พวกมันมายังทะเลไม่มีสิ้นสุดจริงรึ ? และตอนนี้ก็อยู่ในทะเลไม่สสิ้นสุดอีกด้วยใช่หรือไม่ ? “
” ใช่ ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทะเลต่างก็ต้องพบกับโศกนาฏกรรม ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ฆ่านักรบไปเป็นจำนวนมาก ทะเลเคียร่าและทะเหลิงเหิงลั่วเต็มไปด้วยศพมากมาย พลเรือนจำนวนมากก็ได้รับผลกระทบด้วย หึ , มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกทุกอย่างในเพียงไม่กี่คำ “
เมท่อพูดถึงทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ฉื่อหยานก็รู้สึกหดหู่มาก ตั้งแต่ที่เขาทิ้งทะเลไม่มีที่สิ้นสุดมา เขารู้ว่าสงครามที่รุนแรงได้กระจายออกไป
ฉาวเชี่ยวเต้าจากตระกูลฉาว และ หยางอี้เทียนขจากพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ 2 คน นี้แข้งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าพวกเขาสองคนร่วมมือกันและ ร่วมกับกองกำลังอื่น ๆในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด มันก็ยากที่จะบอกว่าใครจะชนะในสถานการณ์เช่นนี้เพราะ เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬบางส่วนยังไม่สามารถมารวมตัวกันได้
มีสิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจ คือสงครามจะไม่จบในเร็วๆนี้แน่
หลังจากตระกูลหยาง ได้หลบซ่อนในดินแดนสี่อสูร ก็ไม่มีข่าวจากพวกเขาอีกเลย ถึงแม้ว่าชิหยานจะบอกว่าจักพรรดิหยางเทียนตายแล้วแต่ ฉื่อหยานก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องไม่ตายง่ายๆเช่นนี้แน่นอน จักพรรดิหยางเทียนคือนักรบที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด อีกทั้งยังชาญฉลาดเป็นอย่างมากอีกด้วย
เขาสมควรไม่สิ้นท่าง่ายๆแน่นอน
สำหรับฉื่อหยาน หากยังไม่ตระกูลหยางอยู่ที่นั่นและกำลังต่อสู้อยู่ในทะเลไม่มีสิ้นสุด เขาจะต้องกลับไปอย่างแน่นอน
ยิ่งดินแดนแห่งนั้นวุ่นวายเพียงใด มันก็ง่ายสำหรับเขาที่จะฝึกฝนบ่มเพาะผ่านจิตวิญญานต่อสู้ลึกลับ เขานั้นอยู่ในระดับนภาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการพลังปราณลึกลับจำนวนมากเพื่อบรรลุระดับต่อไป ตั้งแต่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเกิดความวุ่นวายขึ้น มันก็กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกบ่มเพาะของเขา
ลินดากับเซียเสินชวน ตายแล้ว ฉื่อหยาน ตอนนี้แน่วแน่ที่จะเผชิญหน้ากับราชาอสูรชิหยาน
ด้วยความกดดันของโปวชุน , ตี่ชานและยู่โหล่วจึงจำเป็นต้องทรยศเขา สำหรับฉื่อหยาน , นี้คือความอับอาย
เขามาหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเพื่อฝึกฝนและกลับไปทวงทุกอย่างที่เป็นของเขาคืน !
__________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 29 แล้ว มีถึงตอนที่ 1342 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <