บทที่ 412 ภูติกลืนกินจิตวิญญาน
ฉื่อหยานและ ไชอี้ก็พุ่งลงไปข้างล่างเป็นเวลาประมาณ 10 นาที ในที่สุดเขาก็ถึงศูนย์กลางของใต้ดิน
สถานที่นี้ดูเหมือนดินแดนมหัศจรรย์ มีบึงขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง
ต้นไม้แปลกประหลาดมากมาย เช่น หวายที่เติบโตในหนอง ต้นไม้เหล่านั้นมีรูปร่างแปลกประหลาด ;พวกมันแต่ละต้นสูงประมาณสิบเมตร ค่อยๆ เคลื่อนที่ไปในหนองน้ำ เหมือนภูติผีที่เคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างอึมครึม มันปลดปล่อยความคิดชั่วร้ายที่หนาวเย็ฯออกมาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห้วงจิตสำนึกได้
ภูติผีที่มืดมนเหล่านี้ปล่อยแสงเขียวออกมาในขณะที่บึงน้ำกลายเป็นแสงสีเขียวเข้ม ทำให้ป่าแห่งนี้ส่องแสงดูประหลาดและดูมืดมนเหมือนกับโลกของภูติผี
นักรบระดับรู้แจ้งและระดับนภามากกว่าสิบกระจัดกระจายไปทั่วทิศรอบหนองน้ำ ใบหน้าของทุกคนเคร่งขรึมขณะที่ต่อสู้กับภูติผีที่ดูมืดมนและสัปประหลาดที่ดูแปลกประหลาด
เมื่อนักรบตาย เลือดของเขาจะจะถูกดูดอย่างสมบูรณ์ และวิญญาณของเขาพวกเขาก็จะหลอมรวมเข้ากับภูติผี จากนั้นมันก็เปลี่ยนนักรบคนนั้นให้กลายเป็นภูติผีจ้องมองไปยังนักรบคนอื่นๆพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมา
ในบึง มีนักรบกำลังต่อสู้อยู่ทุกที่ ในหมู่พวกเขาเป็นกลุ่มจ้าวเฟิง ที่อยู่ห่างจากฉื่อหยานประมาณสิบเมตรทางด้านซ้าย พวกเขากำลังต่อสู้กับเหล่า ต้นหวาย และ ภูติผีด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจาก ฉื่อหยาน และ ไชอี้ พวกเขาไม่มีเวลาหยุดพักใดๆ พวกเขาพุ่งไปช่วยจ้าวเฟิง ชิเสี่ยวและคนอื่นๆทันที
” ฉื่อหยาน , ระวัง ต้นหวาย สัปประหลาด และพวกภูติผีนี่จัดการได้ยากเป็นอย่างมาก ดาบและการโจมตีต่างไม่มีผลต่อพวกมัน การโจมตีพวกมันจะต้องโจมตีวิญญานเท่านั้นด้วยแก่นแท้เจตจำนง สัปประหลาดและต้นหวายเหล่านี้เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิต จากพืชและสัตว์ . พวกเขาสามารถดูดซับเลือดของมนุษย์และใช้มันเพื่อเพิ่มพลังของพวกมันได้ อย่าปล่อยให้พวกมันโดนตัวเจ้าได้”
เห็นฉื่อหยานมา จ้าวเฟิงทันทีก็พูดเตือน จากนั้น เขาก็หันไปสนใจพวกหวายภูติผีและสัปประหลาด
” เจ้าควรซัดพลังระเบิดไปยังต้นหวายและสัปประหลาด พวกมันอันตรายเป็นอย่างมาก มันมีหนามแหลมคม เมื่อหนามเหล่านี้โดนตัวใคร พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายของมันและถูกดูดเลือด นั่นทำให้สูญเสียเลือดเป็นอย่างมาก อย่าปล่อยให้พวกมันเกี่ยวเจ้าได้ สำหรับภูติผี พวกมันจิตวิญญานชั่วร้ายคอยกัดกิน เมื่อวิญญาณของพวกมันเจาะเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเจ้าได้ พวกมันจะควบคุมเจ้า ” ชิเสี่ยวกำลังเผชิญกับต้นหวายอยู่ ร่างกายทั้งหมดของเขาก็เต็มไปด้วยควันหนา และดูเหมือนจะมีแสงส่องประกายอยู่ในควัน เมื่อต้นหวายมา เขาจะซ่อนอยู่ภายในควัน ทำให้ต้นหวายไม่สามารถหสตัวเขาพบ
สองพี่น้องลั่วหลันและลั่วหลี่กำลังต่อสู้กับภูติผี อยู่ พวกมันถูกเรียกว่า หลุมกลืนกินจิตวิญญานและนั่นเองพวกเขาจึงไม่มีเวลาหันมาเตือนฉื่อหยาน เมื่อฉื่อหยานมา พวกเขาก็พยายามหาช่องว่างเพื่อบอกกับจุดแข็งและจุดอ่อนของต้นหวายและหลุมกลืนกินจิตวิญญาน
สัปประหลาดต้นหวายรากของพวกมันนั้นฝังอยู่ในบึง แต่พวกมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วราวกับมันมีขา
หลุมกลืนกินจิตวิญญานตัวปกคลุมจ้าวเฟิง หลี่เยว่ และอื่น ๆ ราวกับว่าพวกมันสื่อสารกันได้ พวกมันเข้าบุกโจมตีพร้อมกันและ แรงสั่นสะเทือนไปยังห้วงจิตสำนึกของสาวกจากนิกายประกายแสงสักดิ์สิทธิ์ และชิเสี่ยว
เมื่อต้องเผชิญกับความผันผวนของวิญญาณเหล่านี้ จ้าวเฟิงและหลี่เยว่ ก็สามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม สองพี่น้องกลับกลายเป็นตรึงเครียด พวกเขาสองคนสีหน้ากลายเป็นแปลกประหลาดและก็เดินไปข้างหลัง ในขณะที่ปกป้องห้วงจิตสำนึกของพวกเข้าไว้ พวกเขากลัวว่าหลุมกลินกินจิตวิญญานจะควบคุมจิตใจของพวกเขา
หลังจากที่สังเกตมานาน ฉื่อหยาน ก็ตระหนักว่ามีนักรบมากมาย ที่ดวงตากลายเป็นว่างเปล่าและมีใบหน้าสีเขียว พวกเขาโจมตีนักรบอื่น ๆพร้อมกับหลุมกลืนกินจิตวิญญาน
คนพวกนั้น เห็นได้ชัดว่านักรบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ห้วงจิตสำนึกของเขาดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยวิญญาณของหลุมกลืนกินจิตวิญญานอย่างสทบูรณ์ พวกเขาไม่มีความรู้สึกของตนเอง และโจมตีนักรบคนอื่นอัตโนมัติ
หลังจากมาที่นี่ ฉื่อหยานและไชอี้ก็ได้เข้าร่วมรบทันที พร้อมกับช่วย ชิเสี่ยว จ้าวเฟิง และคนอื่นๆโจมตีสัปประหลาดเหล่านี้
ด้วยความรวดเร็วฉื่อหยานก็ตระหนักว่ามีนักรบมากมายในป่าที่กำลังสู้กับต้นหวายและหลุมกลืนกินจิตวิญญาน นับคร่าวๆ เขาเดาได้ว่ามีอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดกลุ่มของนักรบ
ดูเหมือนจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่มากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระยะทางที่ไกล ฉื่อหยานแทบจะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะมาเกาะนี้ พลังปราณลึกลับของเขาถูกฟื้นฟูด้วยผลึกอสูร เปลวเหมันเยือกแข็ง และแกนเพลิงพลังก็ฟื้นฟูกลับคืนมาเจ็ดถึงแปดส่วนในสิบแล้ว พวกเขามีตอนนี้จำศีลอยู่ในแหวนสายโลหิตและกำลังรอให้เขาเรียกออกมา
ด้วยการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมากมายนี้ เขาไม่กังวลเลย เขาสามารถจัดการกับพวกต้นหวายและภูติผีพร้อมกับสังเกตเหตุการณ์รอบๆ
” ระวัง ! ” ไช อี้ตะโกนบอกฉื่อหยาน ” ข้างหลังเจ้า !
แสงสีเขียวสว่าง ภูติกลืนกินวิญญานกลายเป็นแสงสีเขียวผ่านลั่วหลัน และพุ่งมาที่ฉื่อหยาน
หลุมกลืนกินจิตวิญญานเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจสกวิญญาน พวกมันไม่เพียงแต่มีร่างกายแต่วิญญานของมันยังรุนแรงเป็นอย่างมาก ความคิดชั่วร้ายแทงเข้าไปในจิตใจของเขา และหลุมกลืนกินจิตวิญญานก็พุ่งเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา
ก่อนที่ฉื่อหยานจะหันหัวของเขา ทันทีเขาก็ตระหนักถึงสมองของเขาที่รู้สึกเหมือนมีเข็มเหล็กบไม่ถ้วนเจาะผ่านเข้ามาที่หัวของเขา ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เขาหยุดนิ่งไปสักพักหนึ่งและหลุมกลืนกินจิตวิญญานก็ฉวยโอกาศนี้เจาะเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา
แสงสีเขียวก็หายไปในหัวของเขา
สีหน้า ของจ้าวเฟิง ชิเสี่ยว และอื่น ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไชอี้ก็กังวลเช่นกัน นางตะโกนว่า ” ฉื่อหยาน , สงบจิตใจของเจ้า อย่าปล่อยให้มันควบคุมจิตวิญญาณของเจ้าได้ “
การที่ถูกกลืนกินวิญญาน มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น ๆที่จะช่วยเขา จ้าวเฟิง ชีเสี่ยว , และคนอื่น ๆก็ทำได้เพียงแต่จ้องมองภูติกลืนกินวิญญานเจาะเข้าไปในหัวของเขา
สำหรับนักรบห้วงจิตสำนึกคือสถานที่ีที่วิญญานหลักอาศัยอยู่ การแทรกซึมเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของผู้อื่นได้ จะสามารถควบคุมและทำลายคนๆได้ ทำให้คนๆนั้นไม่สามารถควบคุมวิญญานได้
ดังนั้น เห็นหลุมกลืนกินจิตวิญญานสิบเจาะเข้าไปในหัวของฉื่อหยาน จ้าวเฟิง และคนอื่นก็ไม่กล้าส่งจิตวิญญาณของพวกเขาออกไป เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาทำมัน อาจจะทำให้ฉื่อหยานกลายเป็นปั่นป่วน
การจัดการกับหลุมกลืนกินจิตวิญญานสิบนั้น , เขาจะต้องพึ่งวิญญานของตนเอง โดยต้องใช้ความปรารถนาอันแรงกล้าของตนเท่านั้น ถ้าเขาไม่สามารถหยุดหลุมกลืนกินจิตวิญญานสิบที่กำลังกลืนกินวิยญานของเขาได้ เขาก็จะควบคุมตลอดไปและไม่สามารถหนีไปไหนได้
จ้าวเฟิง ชิเสี่ยว ไชอี้ และคนอื่น ๆที่กำลังต่อสู้กับต้นหวายก็มองเขาอย่างเหม่อลอย พวกเขาไม่รู้ว่าเขาจะรับมือกับหลุมกลืนกินจิตวิญญานสิบๆได้หรือไม่
ภายในห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยาน . . . . . . .
หลุมกลืนกินจิตวิญญานสิบบุกรุกเข้ามาในห้วงจิตสำนึกวิญญานที่กลายพันธ์ของเขา จิตสำวิญญานนับไม่ถ้วนของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถกระตุ้นได้ แรงดันวิญญานที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากจากวิญญานของภูติผี ปกคลุมไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเขาทั้งหมด
ตาของเขาก็มึนงงและว่างเปล่า
เมื่อชิเสี่ยวและคนอื่นๆเห็นฉื่อหยานดวงตากลายเป็นว่างเปล่าของพวกเขารู้สึกเย็นในจิตใจของพวกเขาและรู้ว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
ใบหน้าของไชอี้ เปลี่ยนเป็น นาง พบร่องรอยของความกังวล นางตะโกนอีกครั้ง ” คงสติของเข้าไว้ ” .
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ฉื่อหยานก็ยิ้มจนเห็นฟัน และกล่าวว่า ” ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดี ”
ห้าปีศาจที่ซ่อนอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขาก็กลายกลายร่างใหญ่ขึ้นห้าเท่าและกดดันภูติกลืนกินวิญญาน ภูติกลืนกินวิญญานก็ตกใจกลัวและไม่กล้าที่จะอยู่ในห้วงจิตสำนึก รีบบินออกจากจิตใจของเขา
ห้าปีศาจไม่ปล่อยภูติกลืนกินวิญญานไป มันเข้าไปพัวพันภูติกลืนกินวิญญานและ พวกมันก็เปิดปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวและกลืนกินภูติกลืนกินวิญญานลงไป
ในห้วงจิตสำนึก วิญญานหลักก็เปิดดวงตาที่สามขึ้น และกลิ่นอายความชั่วร้ายของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็กระจายออกไป
ต่อมา เขาก็รู้สึกตัวและไม่ได้รับผลกระทบจากผลกระทบจากภูติกลืนกินวิญญาน ที่จ้าวเฟิงและคนอื่นๆหวาดกลัว
” ปล่อยภูติผีเหล่านี้ให้ข้าจัดการเอง ! “
ทุกคนยังหวาดกลัวและมอง ฉื่อหยานด้วยใบหน้าตกใจ ฉื่อหยานก็พูด ” พวกเจ้าไม่ต้องสู้กับภูติผีเหล่านี้ก็ได้ ข้าคนเดียวก็เกินพอ “
หลังจากห้าปิศาจกลืนกินภูติกลืนกินวิญญานไปแล้ว ฉื่อหยาน ก็สัมพัสได้อย่างชัดเจนว่าห้าปีศาจแข็งแกร่งขึ้น และยังคงมีความอยากมากขึ้น ภูติกลืนกินวิญญานดูเหมือนจะเป็นสารอาหารที่ดีสำหรับเพิ่มพลังของพวกมัน
ด้วยการค้นพบนี้ ฉื่อหยานเอาก็เอาวิญญาณที่ป้องกันอยู่ออกและยืนนิ่งรอให้ภูติกลืนกินวิญญานตกหลุมพรางเข้ามาหาเขา
ภูติกลืนกินวิญญานนั้นมีปัญญาไม่สูงนัก และโดยทั่วไป พวกมันไม่สามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ด้วยตนเอง เห็นยืนฉื่อหยาน โดยไม่ป้องกัน ภูติกลืนกินวิญญานทั้งหมดก็กลายเป็นลำแสงสีเขียจำนวนมากพุ่งเข้ามาในห้วงจิตสำนึกของเขา ในห้วงจิตสำนึก ตอนนี้ห้าปีศาจรอยอยู่รอบๆวิญญานหลักของเขาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายกดดันออกมา ทำให้เหล่าภูติกลืนกินวิญญานที่เข้ามาในห้วงจิตสำนึกของเขา หมดท่าและต้องการที่จะหนีออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยแรงกดดันจากปีศาจทั้งห้า
ไม่นานห้าปีศาจก็จะกระจายและกระจายกันออกล่าภูติกลืนกินวิญญานในห้วงจิตสำนึกของเขา เมื่อภูติกลืนกินวิญญานถูกห้าปีศาจจับได้ มันเหมือนกับว่าพวกมันติดอยู่กับกาวยางไม่สามารถขยับได้
ห้าปีศาจก็ตื่นเต้น เกาะติดเหล่าภูติกลืนกินวิญญานและกลืนกินพวกมันทั้งหมด
เมื่อภูติกลืนกินวิญญานจะหนีออกไปจากห้วงจิตสำนึก เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็จะปล่อยเปลวไฟปีศาจออกมาและละลายภูติกลืนกินวิญญานให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เปลวไฟของ เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ทำร้าววิญญานชั่วร้ายของภูติกลืนกินวิญญานทั้งหมด ภูติกลืนกินวิญญานที่เข้ามาห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยานก็เท่ากับว่าพวกมันเข้ามาหาความตาย ไม่มีตนใดสามารถหลบหนีได้
เห็นภูติกลืนกินวิญญานเจาะเข้าไปในหัวของฉื่อหยาน และเห็นเขายังคงยิ้มและมองไปรอบ ๆสบาย ๆ ขณะที่ภูติกลืนกินวิญญานยังคงพุ่งเข้ามาต่อเนื่อง นี่ทำให้จ้าวเฟิงและคนอื่นๆตกตะลึงพูดไม่ออก พวกเขาส่ายศีรษะของพวกเขาและถอนหายใจ . พวกเขาหวาดกลัวในพลังแปลกประหลาดของฉื่อหยาน
ในช่วงเวลาสั้น ๆ , กลุ่มของภูติกลืนกินวิญญานที่อยู่รอบๆจ้าวเฟิง และคนอื่น ๆก็ถูกกลืนโดยห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยาน
หลังจากกลืนกินภูติกลืนกินวิญญาน , ห้าปีศาจก็เติบโตเป็นอย่างมาก ภาพที่เขาเห็นชัดเจนขึ้นและสามารถมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้ทุกอณู
แต่ฉื่อหยาน นั้นยังไม่พอใจ ด้วยขนมแสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้า มันจะเสีบเวลาเปล่าถ้าเขาไม่หยิบมันมากิน
” ข้าจะไปหาภูติกลืนกินวิญญานมากกว่านี้ พวกท่านก็ระวังต้นหวายด้วยแล้วกัน ” หลังจากหันไปพูด ฉื่อหยาน ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และเดินทางไปยังหนองน้ำ
เมื่อภูติกลืนกินวิญญานที่กำลังต่อสู้กับนักรบคนอื่นๆ ตระหนักว่าห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยานไร้ซึ่งการป้องกัน พวกมันทั้งหมดก็พุ่งมาหาเขา และทะลุผ่านเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา
ภูติกลืนกินวิญญานที่เข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขาไม่มีทางที่จะออกมาได้ พวกมันกลายเป็นสารอาหารของห้าปีศาจ ห้าปีศาจตอนนี้ได้กระจายกันออกไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเขา
นักรบเหล่านั้นอย่างรวดเร็วก็ตระหนักถึงสถานการณ์ผิดปกติ ดังนั้น พวกเขาจึงกลายเป็นหวาดกลัว พวกเขาไม่สามารถช่วยได้ที่จะหันไปมองฉื่อหยานอย่างลับๆ
” ฉื่อหยาน ข้าเยว่จางเฟิง มาช่วยข้าที ! “
เสียงคุ้นเคยเกิดขึ้นจากด้านซ้าย พร้อมกับกลุ่มต้นหวายที่อยู่ด้านหลัง เสียงนั้นฟังดูกังวลเล็กน้อย
__________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 29 แล้ว มีถึงตอนที่ 1343 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <