บทที่ 414 ตบหน้า
” จางเฟิง เจ้าล้อเล่นใช่มั้ย ? ” หลินจือก็ตกใจและก็ร้องออกมาเสียงดัง นางส่ายหน้าตลอดเวลา ไม่รู้ว่านางควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดั ” เจ้าเคยได้ยินใครเข้าสู่ระดับนภาได้เพียงใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวงั้นรึ ?
นางมองชายอีก 2 คน และถามว่า ” หลัวเสี่ยว หลัวเมิง เคยได้ยินไหม ? “
สองหนุ่มก็สั่นศีรษะของพวกเขา
” พวกเจ้าเชื่องั้นรึ ? ” หลินจือถามอีกครั้ง
หลัวเสี่ยว หลัวเมิงมองหน้ากัน และลังเล เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็ไม่ได้ตอบ
หน้าของเยว่จางเฟิงมืดมน เขาดูไม่มีความสุขและกล่าวว่า ” หลินจือ พวกเจ้าไม่เชื่อข้างั้นรึ ? พวกเจ้าหาว่าข้าโกหกและพูดปดงั้นรึ ?
หลินจือยิ้มและส่ายหัวของนาง ” . มันไม่ใช่ว่าข้าสงสัยเจ้า ข้าแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อาจจะหลอกเจ้า มันอาจจะจริงที่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับนภา แต่ตอนนั้นเขาอาจจะซ่อนระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงไว้ก็เป็นได้ และเขาก็ทำให้เจ้าคิดว่าเขาอยู่ในระดับปฐพี ชายคนนี้ดูเหมือนมีจิตใจที่ชั่วร้าย และเขาเองก็เป็นคนเข้าหาเจ้าสินะ ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้ทำอะไรเช่นนั้นหรือไม่ ” หลังจากพูด นางก็มองฉื่อหยานด้วยแววตาแดกดัน โดยไม่เกรงกลัวว่าฉื่อหยานจะโกรธเคือง
เยว่จางเฟิงกระแอมออกมาและพูดอย่างไม่พอใจ ” มาเดิมพันกัน ถ้าเจ้าไม่เชื่อ “
เขาและฉื่อหยานรู้จักกันเพราะเขานั้นเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มที่จะใกล้ชิดกับเขา มันไม่ใช่ว่าฉื่อหยาน อยากใกล้ชิดกับเขา
บนเกาะนั้น เขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่าง ฉื่อหยาน และหมานกู่ และขณะที่ฉื่อหยานตกอยู่ภายใต้การโจมตีทางวิญญานของหมานกู่ เขารู้สึกหดหู่เป็นอย่างมากเมื่ิอไม่สามารถช่วยลินดาและเซี่ยเสินชวนได้
ตอนนั้นหลายสิ่งอย่างบ่งบอกว่าฉื่อหยานนั้นมีระดับไม่สูงมาก ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาต้องการที่จะใกล้ชิดกับเขา
อย่างไรก็ตาม เขากลับบรรลุเข้าสู่ระดับนภาได้เพียงเวลาแค่หนึ่งปี นี่เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ถ้าใครไม่ได้มาเห็นด้วยตาก็คงไม่เชื่อ ดังนั้น สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลินจือ หลั่วเสี่ยว และหลัวเหมิงถึงไม่เชื่อ
ถ้าเขาไม่ได้ไปพบเองว่าฉื่อหยานก่อนหน้านี้อยู่เพียงแค่ระดับปฐพี เขาก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
ในขณะที่คนเหล่านี้พูด ฉื่อหยานก็อยู่แถวนั้น เขาได้ยินการสนทนาของพวกเขา
ในห้วงจิตสำนึก ห้าปิศาจก็ไล่ล่าภูติผีสิบสองตนอย่างบ้าคลั่ง พวกมันหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การไล่ล่าของปีศาจทั้งห้า ภูติผีทั้งสิบสองตนไม่สามารถหลบหนีไปได้
ตาที่สามตรงวิญญานหลักก็ปล่อยลำแสงออกมา , สร้างบาเรียป้องกันไม่ให้ภูติผีเหล่านั้นออกไปและปิดกั้นห้วงจิตสำนึกเอาไว้
หลังจากรู้ว่าภูติผีเหล่านี้เป็นประโยชน์กับปีศาจทั้งห้า ฉื่อหยานต์ จิตใจก็เริ่มแสดงความต้องการออกมา มันไม่เพียงแต่เหล่าภูติผีจะถูกกลืนกิน แต่ยังมีรูปแบบที่หลากหลายป้องกันไม่ให้ภูติผีที่เข้ามาออกไปจากห้วงจิตสำนึกได้ ดังนั้น ในห้วงจิตสำนึกของเขาตอนนี้เปรียบเสมือนเป็นรังของปีศาจทั้งห้า
ห้าปีศาจก็กลืนกินภูติผีทั้งสิบสองตนทั้งหมด
หน้าฉื่อหยานก็เย็นชา ตอนนี้เองเขาก็มองหลินจือแล้วพูดอย่างหงุดหงิด ” ภูติผีหายไปแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นกับซินหยานกัน ? “
เมื่อเขาจัดการกับภูติผีที่เข้าไปในร่างกายของเขาทั้งหมด เขาก็ปดลปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกของเปลวเหมันเยือกแข็งออกมา เพื่อป้องกันไว้เผื่อคนเหล่านี้มีเจตนาร้าย
ตอนนี้ภูติผีทั้งหมดได้หายไปแล้ว กลิ่นอายเย็นชาเองก็หายไปและรวมตัวกันอีกครั้งในดวงตาของเขาทำให้คนรอบๆตัวสั่นด้วยความกลัว
ใต้การจ้องมองอย่างเย็นชาของฉื่อหยาน , หลินจื่อรู้สึกอาย นางถอนหายใจ ในขณะที่ใบหน้าของนางเล็กน้อย เปลี่ยนไป
ใต้การจ้องมองของฉื่อหยาน เยว่จางเฟิงก็พูดออกมาอย่างเขินอาย ” หลังจากที่เราทั้งสามคนออกจาก ทะเลเหิงลั่ว เราก็ผ่านบริเวณทะเลสวรรค์ไปยังหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ เมื่อเราเข้าไปที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬสองนักรบระดับพระเจ้าจากดินแดนพิสุทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้น และตรงมาหานาง ” .
” ทำไมคนจากดินแดนพิสุทธิ์ถึงตามหานาง ? ” ฉื่อหยานส่งเสียงเย็นชามองเยวาจางเฟิงด้วยสีหน้าแปลกๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ” เจ้าและหยินหยาฉีทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อแลกกับคนจากดินแดนพิสุทธิ์งั้นรึ ?
” พี่ชาย ทัศนคติ นี่มันอะไรกัน ? ” หลินจือก็ตะโกน ” พี่สาวหลินยาฉี ไม่ได้มีเจตนาร้าย . นางมีจิตใจที่ดี เจ้าสงสัยว่าเยว่จางเฟิงก็จริงแต่อย่าได้นำพี่สาวข้ามาเกี่ยวข้อง , ได้หรือไม่ ?” นางหวงพี่สาวเป็นอย่างมากและคิดว่าพี่สาวของนางนั้นดีที่สุด
” หุบปาก ! ! ” ฉื่อหยานตะโกนอย่างหงุดหงิด ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ .
” เฮ้ ! ” หลินจือตะโกนอีกครั้ง ดูเหมือนพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา
แม้หลัวเสี่ยว หลัวเมิงจ้องมองอย่างประหลาดใจและพวกเขารู้สึกว่าท่าทีของ ฉื่อหยาน นั้นก้าวร้าวเกินไป หลัวเสี่ยวลังเลสักครู่และกล่าวว่า “สหาย แม้ว่าเจ้าจะช่วยเรา เจ้าก็อย่าได้บังอาจพูดเช่นนี้ หลินจือเป็นน้องสาวของเรา และ หยาฉีก็เป็นพี่สาวของเรา ทัศนคติของเจ้าเช่นนี้ข้ายอมรับไม่ได้่ “
” ถึงแม้เจ้ามีระดับการบ่มเพาะระดับนภาข้าก็ไม่กลัวเจ้า ” หลัวเมิงค่อนข้างใจร้อน” ต่อสู้กับนักรบที่มีระดับสูงกว่าเรา เป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็อย่าได้คิดว่าเพราะเจ้ามีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนภาเจ้าจะทำทุกอย่างตามใจได้ และอย่าได้คิดว่าทุกคนจะต้องกลัวเจ้า”
” เยว่จางเฟิง และข้าพูดคุยกันอยู๋ ทำไมพวกเจ้าถึงได้พ่ามกันมากเช่นนี้ ?” ฉื่อหยานก็ยืดตัวขึ้นด้วยสีหน้าเข้มเย็นชามองหลินจือ และอีกสองคน . ” ถ้าพวกเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะทำให้หยุดเอง “
” เจ้าบัดศบ ! ” ตาของหลินจือกลายเป็นเย็นชา แส้กระดูกมังกรในมือนางเขย่าอย่างรุนแรง และระเบิดเสียงสายฟ้าฟาดออกมา ปล่อยเงามากมายไปทั่วฟ้าเหมือนสายฟ้า
” เจ้าหาเรื่องตายงั้นรึ ? ” ฉื่อหยานนั้นห่วงเซี่ยซินหยานเป็นอย่างมาก เขาตอนนี้โกรธมากๆ และสามารถระเบิกอารมณ์โกรธออกไมาได้ตลอดเวลา . เขายกมือซ้ายขึ้นและแก่นแท้เจตจำนงของผนึกแห่งความตายก็กดทับไปที่แส้กระดูกมังกร เหมือนภูเขาเล็ก ๆ
แก่นแท้เจตจำนงของผนึกแห่งความตายเต็มไปด้วยการตายของชีวิตมันระเบิดออกมาจากผนึก
ผนึกแห่งความตายได้กดลงไป เกิดเป็นภาพลวงแปลกประหลาด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกจะถูกทำลาย พลังแห่งความคายก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การโจมตีจากแก่นแท้เจตจำนงของผนึกแห่งความคาย ภาพมายาในท้องฟ้าทั้งหมดก็กระจายและจางหายไป
นางกระดูกมังกรปรากฏขึ้นฟาดลงมาราวกัยสายฟ้าฟาดไปยังไหล่ของฉื่อหยาน
ผนึกแห่งความคายกดลงและแส้ก็ถูกเจาะโดยแก่นแท้เจตจำนงที่มาจากผนึกแห่งความตาย คแก่นแท้เจตจำนงแห่งความตายวิ่งตามแส้กระดูกมังกร และแทรกซึมเข้าไปในข้อมือของหลินจือและร่างกายที่สง่างามของนาง
หน้าของหลินจือก็เปลี่ยนเป็นเย็ยยะเยี่ยบในขณะที่สายตาของนางแสดงออกถึงความกลัว หน้านางซีดลงราวกับไม่มีเลือดไหลเสียนอยู่ ซึ่งทำให้คนที่พบเห็นหนาวไปถึงขั่วกระดูก
” เจ้าทำอะไร ? ” หลัวเสี่ยว หลัวเมิงก็ตะโกนพร้อมกัน พวกเขาก็เคลื่อนไหว และร่างกายแข็งแกร่งสูงสองเมตรของพวกเขาก็พุ่งไปที่ฉื่อหยาน
” หยุด ! ” เยว่จางเฟิงก็ตะโกนออกมาเสียงดัง กลุ่มก้อนเปลวไฟจากเปลวไฟแก่นแท้นรกก็ลุกโชนขึ้นอยู่ระหว่างฉื่อหยานและทั้งสามคน แยกพวกเขาออกจากกัน
เห็นเปลวไฟแก่นแท้นรกลุกโชนขึ้น หลินจือ หลัวเสี่ยว หลัวเมิง ก็หยุดทันที พวกเขารู้ถึงพลังของเปลวไฟแก่นแท้นรกดี พวกเขาไม่กล้าที่จะสัมผัสและยืนมองเฉยๆ .
อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานนั้นไม่ได้หยุด
เขาเดินผ่านเปลวไฟแก่นแท้นรกอย่างสบายราวกับมันไม่มีตัวตน เขายิ้มอย่างเย็นชาและพุ่งไปที่หลินจือ
อากาศที่เย็นยะเยือกก็ทะลักออกมาจากร่างกายของเขา ถูกย่างก้าวของเขาก็แช่แข็งพ้ืนที่ในป่าไปตามเส้นทาง กลิ่นอายกระจายออกมาและลบล้างเปลวไฟจากเปลวไฟแก่นแท้นรกทั้งหมด
เปลวไฟแก่นแท้นรกไม่สามารถทำอะไรเขาได้
” เจ้าไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีเปลวไฟนภา ” ฉื่อหยานถอนหายใจ หันหัวไปมองเยว่จางเฟิงแล้วพุ่งไปที่หลินหยาฉือเหมือนสายรุ้ง
เปี๊ยะ !
ฉื่อหยาน ยกมือตบใบหน้าที่เปล่งปลั่งของหลินจือ .
หลินจือ ตกตะลึงและจับแก้มของนาง ในขณะที่มองฉื่อหยานด้วยความกลัว” เจ้ากล้าตบข้ารึ ? “
เปี๊ยะ !
เขาก็ตบลงอีกครั้งบนใบหน้าของนาง ฉื่อหยานก็แสยะยิ้ม ” นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้าหุบปาก เจ้าจะหยุดรึไม่ ? “
” พอได้แล้ว ! “
เยว่จางเฟิงตะโกนด้วยความโกรธ ” ฉื่อหยาน , เจ้าจะทำอะไรก็ได้ ทำไมต้องทำร้ายคนของข้าด้วย “
” ทำร้ายคนของเจ้า ? “ฉื่อหยานหัวเราะอย่างรุนแรง ” .หึหึ ถ้าเจ้าไม่บอกข้าให้ชัดเจนเกี่ยวกับเซี่ยซินหยาน ไม่เพียงแต่จะทำร้ายคนของเจ้า แต่ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าทีละคน “
คนที่เหลือสีหน้าก็แปลกไปแตกต่างกัน
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าฉื่อหยานนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด
หลัวเสี่ยว หลัวเมิง เดิมทีนั้นจะลงมือ แต่หลังจากที่เห็นฉื่อหยานไม่เป็นอะไร หลังจากเดินผ่านเปลวไฟแก่นแท้นรก พวกเขาทั้งสองคนก็ตระหนักได้ว่าฉื่อหยานไม่ใช่นักรบระดับนภาธรรมดา
หลัวเสี่ยว หลัวเมิง และ หลินตือ นั้นสามารถรับมือกับนักรบระดับนภาคนอื่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานนั้นแตกต่างออกไป
ความสามารถที่เขาได้แสดงให้เห็น นักรบระดับนภาทั่วไปมิอาจทำได้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
” ฉื่อหยาน , เจ้าทำอะไรน่ะ ? ” ตอนนี้ เสียงของผู้คนของกลุ่มจ้าวเฟิงก็ดังมาจากระยะไกล จ้าวเฟิง หลี่เยว่ ชิเสี่ยวและ คนอื่น ๆก็มาที่นี่
“นี่ ทำไมเจ้าถึงได้ลงมือกับพวกเขา ? ” จ้าวฟงถามจากระยะไกล ” พวกเขาเป็นแค่นักรบระดับรู้แจ้ง ทำไมเจ้าถึงต้องมาเสียเวลากับพวกเขาด้วย ในดินแดนประหลาดก่อนหน้านี้ เจ้าสามารถฆ่านักรบระดับนภาสองคนได้อย่างงายดาย แล้วทำไมเจ้าต้องใช้มากมายเช่นนี้กับนักรบระดับรู้แจ้งเหล่านี้ด้วย?
เยว่จางเฟิงหลินจือ หลัวเสี่ยว และหลัวเมิงก็ตกใจพร้อมกับใบหน้าที่หวาดกลัว
__________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 29 แล้ว มีถึงตอนที่ 1345 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <