เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 46 เหลือบมอง

บทที่ 46 เหลือบมอง

 

ครึ่งเดือนต่อมา ในเมืองเทียนหยุน

ฉื่อหยานและฮั่นจง รวมทั้งกองกำลังนักรบของตระกูลฉื่อ ก้าวเดินสบายอยู่ในเมือง . โดยมีมังกรดินแบกสัมภาระที่พวกเขาซื้อมาจากเมือเงียบสงัดอยู่

ฉื่อหยานและฮั่นจงอยู่ที่ส่วนหน้าของคาราวาน และได้พูดคุยกันตลอดทาง

” ผู้เฒ่าฮัน นี่มันก็ดึกแล้ว เราค่อยเดินทางกลับไปที่ตระกูลกันต่อในวันพรุ้งนี้เถอะ วันนี้เราจะพักกันในเมือง ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ? ” ฉื่อหยานบอกล่าวอย่างสบาย

” เอ่อ น้องหยาน แล้วเราจะไปพักกันที่ไหน ? ” ฮันจงยิ้มอย่างคลุมเครือบนใบหน้าของเขา ” เทียนหยุนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสมาคมการค้า มีประชากรจำนวนมากหลายล้านคน คุณภาพการใช้ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนดีกว่าผู้ที่อยู่ในเมืองเล็กๆที่เราผ่านมานัก ” .

” คือว่าผู้เฒ่าฮัน เนื่องจากท่านค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเมืองนี้ดี เชิญท่านำทางเถิด “

” ข้าเกรงว่าเหรียญคริสตัลของเราจะไม่เพียงพอ อื้ม…. บางที่เราอาจจะต้องจ่ายมันเป็นจำนวนมาก .

” ผู้เฒ่า ท่านต้องการจะใช้เหรียญคริสตัลของข้าอีกงั้นรึ ? ครั้งสุดท้ายในศาลารันจวน ท่านแกล้งทำเป็นเมาและให้ข้าจ่ายเหรียญคริสตัลแทน นี่ท่านจะทำมันอีกครั้งใช่หรือไม่ ? “

” ฮิฮิ . . . . . . . ตอนนั้นข้าเมาจริงๆ เจ้าพูดเช่นนี้มันไม้ยุติธรรมกับข้านาา ! “

” ข้าไม่สนหรอก ครั้งนี้ท่านต้องเป็นคนจ่าย ! หรือจะให้ข้าไปบอกลุงฮันเฟิง ว่าท่านทำสิ่งใดบ้าง . “

” ไม่ ! ! ! ! ! น้องหยาน ข้าเลี้ยงเอง ! ข้าเลี้ยง เจ้าตกลงหรือไม่ ? ” ฮั่นจงสีหน้าลำบากใจและถอนหายใจออกมา ” เจ้าก็รู้จักพี่ชายของข้าดี ถ้าเขารู้ว่าข้าทำอะไรไปหละก็ เขาต้องเตะข้าตายแน่ๆ โอ้ ! ข้าเป็นทุกข์นัก ข้าทำงานหนักเพื่อตระกูล แต่ข้ากลับมีรายได้น้อยมาก เงินที่ข้ารับไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายของข้าเลย ” . . . . . . .

” ตกลง ! คืนนี้ท่านต้องเลี้ยงข้า ฉื่อหยานมองกลับไปและตะโกนไปหานักรบที่อยู่ด้านหลัง ” นี่ พวกเจ้าได้ยินใช่หรือไม่ ผู้เฒ่าฮันบอกเช่นใดกับเรา ? “

” ใช่ เราได้ยินมัน ! “

นักรบทั้งหมดเจ็ดคนของตระกูลชิตะโกนอย่างตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

” ไปกันเถอะ ! “

. . . . . . .

ฉื่อหยานมั่วสุมอยู่กับฮันจงและบรรดานักรบเป็นเวลาครึ่งเดือน

ฉื่อหยาน ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่อย่างใดเลย เขาเพียงกินและพูดคุยอย่างมีความสุขกับเหล่านักรบเท่านั้น และเขาก็จะพูดก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น เขาไม่เคยพลาดหอนางโรมแม้แต่ที่เดียว บางครั้งเขายังมีอารม์ทางเพศมากกว่าฮันจงเสียอีก แต่ก็ต่อเมื่อเขาเจอกับหญิงสาวที่น่ารักเท่านั้น

พวกเขาสองคนแวะหอนางโรมกันตลอดทาง พวกเขาเป็นคนออกตังเองและไม่เคยปล่อยให้นักรบใช้เงินของตัวเองเลยสักครั้ง

ในช่วงเวลาสั้นๆ ฉื่อหยานได้รับความไว้วางใจของฮันจงและคนคุ้มกันของเขา

ฮั่นจงและเหล่านักรบที่คุ้มกันต่างคิดเป็นเสียงเดียวและ ชื่นชมเชิดชูฉื่อหยานยิ่งขึ้น ในข้อเท็จจริงที่ว่าเขานั้นได้เติบโตขึ้น และระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้น ฉื่อหยานนั้นได้กลายเป็นคนละคนไปแล้ว

ฉื่อหยานพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าทมิฬมากที่สุด เขาบอกฮันจงว่าเขาได้พบกับผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งในถ้ำโบราณที่เขาไปตรวจสอบ หลังจากนั้นเขาก็กินมันลงไป และ เขาได้รับพลังปราณลึกลับมา และมันก็ได้กระตุ้นจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา

เขาไม่ได้พูดเรื่องบ่อโลหิต หรือเรื่องจิตวิญญานอมตะหรือจิตวิญญาณการต่อสู้เร้นลับที่เขามี หรือเรื่องราวระหว่างเขากับโม่หยานหยู และมู่หยู่เตี๋ยออกไปแต่อย่างใด

แม้ว่าฮันจงจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เขากลับคิดว่า ฉื่อหยานเพียงแค่โชคดีได้พบผลไม้ปละหาดและมันก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

และในช่วงหลายวันมานี้ ฉื่อหยานได้เรียนรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉื่อผ่านฮันจง

เจ้าของร่างกายคนเก่า มีความทรงจำมากมาย แต่ส่วนมากมันจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภาษาเก่าแกโบราณที่เขาค้นขว้าอยู่

แต่ ฉื่อหยานไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลฉื่อเลยแม้แต่นิดเดียว โชคดีที่ฮันจงไม่ได้พยายามที่จะปกปิดเขา ระหว่างที่อยู่ร่วมกันในหอนางโรม ฮั่นจงเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่เขาต้องการจะรู้ทั้งหมด

หลังจากไปเที่ยวเล่นด้วยกันหลายครั้ง ฮันจง ก็เริ่มชอบคุณชายคนนี้มากขึ้น เขาบอกฉื่อหยาน แม้กระทั่งธุรกิจของตระกูลและขุมอำนาจต่างๆของตระกูลฉื่อ และยังมีพื้นฐานการฝึกฝนวิชาต่อสู้ ซึ่งฉื่อหยานไม่รู้ถึงมันมาก่อน

ตัวอย่างเช่น เมื่อนักรบถึงระดับรู้แจ้ง จะเกิดห้วงการรู้แจ้งในจิตใจ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและหลอมรวมจิตวิญญาณการต่อสู้กับพลังปราณลึกลับได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเมื่อพวกเขาได้ฝึกฝนวิชาลับนี้ พวกเขาจะปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมา

นอกจากนี้ เขายังบอก ฉื่อหยานเรื่องจิตวิญญานการต่อสู้ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการค้าสหภาพ จักวรรดิ์อัคคีและจักวรรดิ์พรพรเจ้า และรวมไปถึงจุดอ่อนและข้อเสียเปรียบต่างๆของมันอีกด้วย

แม้ว่าฮันจงจะเป็นคนมักมากในกาม แต่เขาก็เป็นคนที่ขยันฝึกฝนวิชาต่อสู้และเป็นนักรบมาเป็นเวลานาน

ฮันจง จึงมีข้อมูลมากมายด้วยการที่เขาเป็นนักรบมานาน ฉื่อหยานได้รับรู้มันอย่างทั่วถึงและครอบคลุม เขาเข้าใจเกี่ยวกับนักรบมากขึ้น รวมถึงเรื่องต่างๆตั้งแต่พลังในระดับหายต่ำลงมา

ฮันจง เป็นนักรบในระดับหายนะ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้บอกฉื่อหยานเกี่ยวกับเรื่องในระดับหายนะมากมายนัก แต่เขาก็บอกฉื่อหยาน ทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับระดับที่ต่ำกว่านั้น

ข้อมูลเป็นสิ่งที่ ฉื่อหยานต้องการมากที่สุดตอนนี้

 

. . . . . . .

ศาลารันจวน

ฉื่อหยานและฮันจงพร้อมกับสี่นักรบตระกูลโม่ กำลังดื่มและมีความสนุกสนานในห้องขนาดใหญ่บนชั้น 3

พวกเขาอยู่ในจุดศูนย์กลางของห้องที่มีพรมบางๆกั้นอยู่ สูง 1 สี่เหลี่ยมตารางเมตรซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มอีกมากมาย

ฉื่อหยานและฮั่นจงนั่งอยู่บนพรมพร้อมกับหญิงสาวที่เร่าร้อนในแขนของเขา ตะโกน และ เล่น ลูกเต๋า อย่างมีความสุข

” ผู้เฒ่าฮัน ดื่ม ! ” ฉื่อหยาน ตะโกนออกมา

ฮันจงรู้สึกหดหู่นัก เขาสูญเสียเงินไปมากมายจริงๆ เขาดื่มไวน์ที่อยู่ในแก้วของเขาไปพร้อมกับลูบไปหน้าอกของหญิงสาวในอ้อมแขนของเขา แล้วเขาก็ยกลูกเต๋าและคำรามออกมา ” ครั้งนี้โชคต้องเข้าข้างข้า ข้าต้องชนะ ! “

” แหม มือทั้งสองข้างของข้าต่างหากที่มีโชค ! ” ฉื่อหยานยิ้มกว้างขึ้น เขาวางทั้งสองมือของเขาภายใต้เสื้อของผู้หญิง ” ชิวเซียง เจ้ามีหน้าอกที่ใหญ่ยิงนัก ข้าบอกได้เลยว่า มันใหญ่เป็นอย่างมากหากเทียบกับหญิงสาวคนอื่น “

ชิวเซียงมีผิวที่ขาวละเอียดอ่อนผิวและหน้าอกอวบอิ่ม ตาของนางเริ่มแฉะ นางเต็มไปด้วยความเขินอาย ” คุณชายเหยียน ท่านนี่แย่จริงๆ ! ท่านชอบรังแกข้าตลอดเวลา “

” ข้าจะแกล้งเจ้าเช่นนี้เรื่อยๆ ” ฉื่อหยานยิ้ม ดื่มสุรา และพูดกระตุ้น “ผู้เฒ่าฮัน ท่านกำลังรออะไรอยู่ ? โยนลูกเต๋าสะ ! “

” หยินกุ่ยและจิ่วฉานอยู่ใกล้ๆและหยินฉีก็อยู่ใกล้เขามาเรื่อยๆ ข้ารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน ” ในตอนนั้นเองฮันจงก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขนของเขา และค่อยๆเดินไปที่หน้าต่าง

เขาเปิดหน้าต่าง มองออกไป ด้วยแสงของโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ ” ต้องเป็นเป่ยหมิงเช้อแน่ หยินกุ่ยและจิ่วฉานไม่เคยออกห่างออกจากตัวเขา ทุกที่ที่พบหยินกุ่ยและจิ่วฉาน เราก็จะพบเป่ยหมิงเซ้อ .

เป็นฮันจงที่กล่าวถึง เป่ยหมิงเช้อ , ฉื่อหยานก็จำได้ทันทีและนึกไปถึง มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน .

หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เขาก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดมันออกเล็กน้อยกว้างเพียงแค่สามารถจ้องมองกองบนถนนได้

กองกำลังนี้มีประมาณสามสิบคน เป่ยหมิงเช้ออยู่ขี่อยู่บนหลังม้าสีขาวของเขา หลิงเซียว ที่ด้านหน้าของคาราวาน เขากำลังยิ้มและพูดกับคนที่อยู่ในเฉลี่ยงบนหลังของมังกรดินที่อยู่ข้างๆ

หลังม่านที่อยู่บนเฉลียง เขาก็ได้เห็นนางฟ้าน้อยมู่หยู่เตี๋ย

และเป็นตี่ย่าหลานที่กำลังขี่ม้าพร้อมกับสวมใส่เกราะสีดำ ร่างกายที่เร่าร้อนของนางขยับขึ้นลงด้วยจังหวะการเดินของม้า เมื่อมองไปที่นาง ก็พบว่าใบหน้าของนางนั้นกำลังขมวดคิ้วอย่างเป็นทุกข์เล็กน้อย

นางแทบจะไม่ยิ้มเลย เมื่อเป่ยหมิงเช้อคุยกับนาง นางก็ไม่ได้สนใจมากนัก

สองผู้เฒ่าหยินกุ่ยและจิ่วฉาน ทั้งคู่กำลังขี่ม้าสีดำ สวมใส่เกราะสงครามอยู่ด้านหลังของเป่ยหมิงเช้อเงียบๆ

ฉื่อหยาน เปิดหน้าต่างออกอีกหน่อย เมื่อเขามองไปที่กองกำลังที่อยู่ห่างสิบเมตร ก็เห็นชายชราสองคนจ้องกลับมาทิศทางพวกเขาทันที

ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงกระแสพลังปราณลึกลับสองสาย เป็นพลังหยินที่เยือกเย็นทะลักออกมาจากดวงตาของมัน จากที่ไกลออกไป นั่นจึงทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว

ชายชราสองคนดูเหมือนจะรู้จักฮั่นจง เมื่อพวกมันมาใกล้หน้าต่างมากขึ้น และสังเกตุเห็นเขา อากาศรอบๆตัวพวกเขาก็เย็นลงทันที

ภายใต้สายตาของชายชราทั้งสอง ฮันจง กลายเป็นคนละคน แทนที่เขาจะทำตัวเสียงดังครึกครื้น เขากลับมีประกายแสงเกิดขึ้นในดวงตา ร่างกายของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย และเขาก็ได้ทักทายกับพวกมัน เขาป้องมือไปที่หน้าอกของตัวเอง

ชายชราสองคนพยักหน้า และไม่ได้มองฮันจงอีกต่อไป มันหันหลังกลับและคอดตาไปอีกทาง เมื่อเป่ยหมิงเช้อกลับมา

กองกำลังจากตระกูลเป้ยหมิงก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่แต่อย่างใด พวกมันกลับกล่าวเดินอย่างสบายๆ ตามถนน

มีนักรบหลายคนที่กำลังแสวงหาความสนุกสนานบนถนนแคบๆ พวกเขาล่วนหลบไปด้านข้างถนนทันทีที่เห็นคาราวานตระกูลเป่ยหมิง

เส้นทางเล็กๆจึงพลันถูกกองกำลังเป่ยหมิงครอบคลุมไปหมด และเหล่านักรบก็เดินกันอย่างราบรื่น

––––––––––––––––––––––––

ปล.ขออภัยที่ลงช้าครับ เมื่อวานติดธุระด่วน T_T ลงอีกทีวันที่ 24/3/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 120 แล้วนะครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset