เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 48 ตรวจสอบ

บทที่ 48 ตรวจสอบ

 

ที่ประตูของตระกูลฉื่อ

ฉื่อเจี้ยน , ฮันเฟิง หยางไห่ ก็เห็นฉื่อหยานปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของมังกรดินในเวลาเดียวกัน

หยางไห่มองไปทางฉื่อหยานอย่างรวดเร็ว และขมวดคิ้ว คิดกับตัวเองว่า เจ้าเด็กนี้ต้องทุกทรมานเป็นอย่างมากแน่ๆ เพราะร่างของเขาซูบผอมลงไปอย่างมาก .

อย่างไรก็ตาม ฉื่อเจี้ยนและฮันเฟิงดวงตาก็สดใสทันที หลังจากที่พวกเขาเห็นฉื่อหยาน พวกเขาก็เต็าไปด้วยความประหลาดใจ

หยางไห่ ไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้ เขาจึงไม่รู้ว่าการที่ร่างกายผอมแห้ง นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะอ่อนแอ

บางครั้งก็มีบางอย่างที่มากมายซ่อนอยู่ในภาชนะที่เล็กจ้อยและผอมแห้ง

อย่างไรก็ตาม ฉื่อเจี้ยนและฮันเฟิงต่างก็เป็นนักรบยอดฝีมือ พวกเขาจึงตระหนักได้ทันทีว่า ฉื่อหยานนั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากและแข็งแกร่งกว่าพวกเยาวชนรุ่นที่สามคนอื่นที่ฝึกมาเป็นเวลาหลายสิบปีเสียอีก

พวกเขาต่างมองด้วยความประหลาดใจ

พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉื่อหยานในครึ่งปีที่ผ่านมา โครงสร้างร่างกายและกระดูกของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ไม่กี่นาทีต่อมา ทหาร รวมถึง ฉื่อหยานและฮั่นจงก็มาถึงที่ประตู

” สวัสดี ท่านปู่ ลุงฮัน ท่านพ่อ ” ฉื่อหยานเดินเข้ามาที่ประตูอย่างปกติและทักทายพวกเขา

ฮั่นจงเดินมาด้วยสีหน้ายินดี ,และ แสดงความยินดีกับฉื่อเจี้ยน กับ ฮันฟง และพยักหน้าไปที่หยางไห่ จากนั้นเขายืนเงียบอยู่ข้างๆ ฉื่อหยาน

ฉื่อเจี้ยน และฮันเฟิงดวงตาก็สว่างขึ้นเมื่อมองไปที่ร่างกายของฉื่อหยาน

หลังจากจ้องเป็นเวลานาน ฉื่อเจี้ยน แววตาก็สั่นสะท้าน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวกับ ฉื่อหยาน ” ตามข้ามา ” จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินไปที่ด้านหลังของเรือนอย่างช้าๆ .

ทุกคนรู้จักฉื่อเจี้ยนดี และรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด

” เจ้าเด็กน้อย เจ้าจะต้องได้รับสิ่งดีๆเป็นแน่ ! ” ฮันจง ทำหน้าที่พูดกระตุ้นฉื่อหยาน , บอกเป็นนัยว่าเขากำลังจะโชคดีนับตั้งแต่วันนี้ไป

ฉื่อหยานป้องมือคำนับอย่างสวยงาม และพยักหน้าเบาๆ เขาหันไปยังหยางไห่” ท่านพ่อ ท่านยืนรอข้าอยู่งั้นรึ ? “

ถึงแม้ว่าใบหน้าของหยางไห่จะดูแข็งกร้าน แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่นที่มุมปากของเขา ” ไม่มีใครมารอเจ้าเสียหน่อย ข้าแค่อยากเห็นว่าร่างกายของเจ้าเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้างและอยากรู้จะว่าเจ้าถึงระดับก่อตั้งจริงหรือไม่เท่านั้นเอง”

” ฮันจง มานี่ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ” ฮันเฟิงมองไปที่ฮันจงไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับ ฉื่อหยาน

ฮั่นจงส่ายหัวของเขาพร้อมกับใบหน้าที่ดูกังวล จากนั้นเขาก็เดินไปที่พี่ชายของเขาอย่างไม่เต็มใจ .

” อืม เจ้าไปเถอะ อย่าให้ื่านปู่ของเจ้ารอนานเลย” หยางไห่พึมพำ เขาจัดเสื้อให้ฉื่อหยาน และถามด้วยเสียงต่ำๆ , ” เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างั้นรึ ? “

” ท่านปู่จะถามข้าในภายหลัง ถึงตอนนั้นข้าจะอธิบายเอง ” ฉื่อหยานยิ้ม และพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวบิดาของเขา หยางไห่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่ฉื่อหยาน และถามด้วยความสับสน ” เจ้าเด็กน้อยดูเหมือนเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนเจ้าไม่พูดอ้อมค้อม และมักจะตอบคำถามของข้าทั้งหมด แต่ตอนนี้ . . . . . ..ดูเหมือนเจ้าจะไม่กลัวข้าแล้ว เจ้าดูเติบโตขึ้นมากนัก เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดแล้วสินะ “

” ท่านพ่อ เหตุใดข้าต้องกลัวท่านด้วย ? ” ฉื่อหยาน สับสนและ ถามว่า ” มีสิ่งใดที่ข้าต้องกลัวท่านงั้นรึ ? “

” นี่มันไม่เหมือนเจ้าเลยสักนิด เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยพูดกับข้าเช่นนี้หนิ ” หยางไห่ขมวดคิ้ว . หลังจากการตรวจสอบระมัดระวัง เขาส่ายหน้า และพูดกับตัวเองว่า ” เจ้าสารเลวน้อย ! นี่เจ้าใจกล้าขึ้นมากนะ หลังจากที่เจ้าได้เป็นนักรบ “

” ข้าต้องไปแล้ว ข้ามิกล้าให้ท่านปู่รอนาน ” ฉื่อหยานยิ้มและเดินจากไป

เหล่านักรบตระกูลฉื่อที่ยืนแออัดกันอยู่ที่ประตู ก็เริ่มสับสน และหันไปพูดคุยกัน

” หัวหน้าตระกูลยืนรอคุณชายหยานงั้นรึ ? มันไม่จริงใช่รึไม่ ? “

” ไม่รู้สิ ข้าเองก็สับสนเช่นกัน ท่านหัวหน้าตระกูลไม่เคยปฏิบัตเช่นนี้กับคุณชายหยานมาก่อน แต่ตอนนี้กลับสนใจเขายิ่งนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? “

” ใครจะไปรู้ล่ะ มิใช่ว่าคุณชายหยานไปสร้างปัญหาอีกแล้วงั้นรึ ? ไม่น่าจะใช่ เพราะอาจารย์หยางไห่เป็นคนที่คอยดูแลเขามาคลอด ถึงแม้คุณชายหยานจะสร้างปัญญาอะไรให้กับสมาคมการค้าก็จะให้เขาไปจัดการให้ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงมือของท่านหัวหน้าตระกูลนิหนา “

” บางทีคุณชายหยานอาจจะไปสร้างปัญหาที่ใหญ่โตมากๆไว้ก็ได้ ใครจะไปรู้ “

” หยุดพูดเรื่องไร้สาระของเจ้าได้แล้ว เจ้าควรจะเคารพนายน้อยหยานนะตอนนี้ ตอนนี้เขาไม่ใช่พวกหนอนหนังสืออีกต่อไปแล้ว อย่าได้มาโทษข้าหากเขาโกรธขึ้นมาและไล่เตะก้นพวกเจ้า ” คาร์ล ที่กำลังจัดสัมภาระบนมันกรดิน ช่วยไม่ได้ที่จะตะโกนพูดออกไปเมื่อเขาเห็นผู้คนยังคงนินทาฉื่อหยานอยู่

” คาร์ล เกิดอะไรขึ้น ? เจ้ากลับมากับคุณชายหยาน เจ้าน่าจะรู้เรื่องดีหนิ ? ” นักรบคนหนึ่งถามคาร์ล อย่างคุ้นเคย

” เจ้าจะรู้ ว่าในเวลานี้หนะ . ” คาร์ลยิ้มอย่างภูมิใจ ” คุณชายหยานจะต้องทำให้พวกเจ้าประหลาดใจแน่นอน ! “

” มีอะไรงั้นเหรอ ? “

” เกิดอะไรขึ้น ? “

ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก พวกเขายืนเป็นวงกลมล้อม คาร์ล และถามอย่างไม่หยุด

” ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ข้าขอเดาว่า พวกเจ้าจะได้รู้ในไม่ช้านี้ ” โดยไม่ให้คำตอบที่แน่นอนได้ คาร์ล เดินแหวกออกจากฝูงชนและจากไป

 

. . . . . . .

ในสวนหลังบ้านของตระกูลฉื่อ

ที่กลางสนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่ , ผลึกหยกทดสอบส่องแสงแวววาวในแสงแดดเป็นดวงเล็กๆ

ฉื่อเจี้ยน ยืนอยู่ข้างๆผลึกหยกทดสอบ เมื่อฉื่อหยานและ หยางไห่มา เขาก็ลูบไปที่หยกนั่น และทันใดนั้น ลูกบอลผลึกหยกทดสอบก็ส่องแสงออกมาจากมือเขา

ผลึกหยกทดสอบพราวแสงสีขาวออกมาพร้อมกัน และกลับไปเป็นสีเดิม

” ถ่ายเถพลังปราณลึกลับของเจ้าเข้าไปในผลึกหยกทดสอบ ” ฉื่อเจี้ยนพูดพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป

จากนั้นฉื่อหยานก็เดินขึ้นไปที่ผลึกหยกทดสอบ ยื่นมือออกไป และกดลงบนก้อนหยก และเขาก็โคจรพลังปราณลึกลับของเขาและถ่ายเถเข้าไปในผลึกหยกทดสอบ

ลวดลายที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นในผลึกหยกทดสอบและมันก็ส่องแสงสีเงินออกมา จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีส้มที่คลุมเครือปนกัน และมันก็ ค่อย ๆ สว่างขึ้น

” ยอดเยี่ยมนัก ! ” ปากฉื่อเจี้ยนสั่นสะท้านขณะที่เขาจ้องไปที่ฉื่อหยาน ” ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถปลุกจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อได้ “

” ถูกต้อง ” .

” แสดงมันออกมาให้ข้าดูที . “

” ขอรับ ” .

ฉื่อหยานเหยียดมือออกไปและพับแขนเสื้อของเขาขึ้น

ขณะที่เขาเริ่มใช้งานจิตวิญญานต่อสู้ของเขา แขนของเขาค่อยๆกลายเป็นหินและกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม .

” โห่ ! “

ฉื่อเจี้ยน และหยางไห่ร้องออกมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจบนใบหน้าของพวกเขา ในขณะที่จ้องมองไปที่ แขนสีน้ำตาลของฉี่หยานด้วยความประหลาดใจ

” หรือว่าแสงที่ส่องออกมานั่น ? ” หยางไห่เบิ่งตาของเขา เขารู้สึกเหมือนมองตรงเข้าไปในดวงอาทิตย์ และพึมพำ ” นี้ข้าคงจะตาฝาดไป ? “

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉื่อเจี้ยนยิ่งสับสน เขาคว้าแขนของ ฉื่อหยาน และพูดออกมา ” มานี่ ! เข้าไปใต้เงาที่อยู่ใต้ก้อนหินนั่นสะ มันจะทำให้เห็นสีผิวของเจ้าได้อย่างชัดเจน “

ฉื่อหยานไม่ได้พยายามที่จะปฏิเสธและเดินไปใต้เงาของหินอย่างสบายๆ

” มันเป็นสีน้ำตาลเข้ม ! “

ฉื่อเจี้ยน ตะโกนเสียงดังออกมาและการหายใจของเขาก็หนักขึ้น ดวงตาสดใสของเขาจ้องไปที่ฉื่อหยานและ เขาถามด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ” เจ้าเด็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ ? ทำไมจิตวิญญานกายาแข็งของเจ้าจึงเป็นสีน้ำตาลเข้ม ? นี่ต้องเป็นขั้นที่สองของจิตวิญญานกายาแข็งใช่หรือไม่ ? “

” ถูกต้องขอรับ มันอยู่ในขั้นตอนที่สอง แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงนักรบในระดับก่อตั้ง แต่จิตวิญญานกายาแข็งของข้าอยู่ในระดับที่สองแล้ว “

” เจ้าอธิบายมาให้ละเอียดเดียวนี้ ! ตระกูลฉื่อของเราตั้งแต่ บรรพบุรุษจนถึงยุคของข้า ข้าไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน จิตวิญญานกายาแข็งของเราไม่สามารถบรรลุถึงขั้นที่สองได้ หากยังไม่ถึงระดับมนุษย์ เจ้าเป็นคนแรกที่ทำได้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ ? ” ฉื่อเจี้ยนเกือบจะเป็นบ้า

” คือว่า . . . . . . . ” ฉื่อหยานก็บอกในสิ่งที่เขาเคยบอกฮั่นจงออกไป

หลังจากที่เขาเล่าเรื่องร่าวเสร็จสิ้นแล้ว ฉื่อเจี้ยน ก็หันไปมองที่เขา และจ้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ

” ท่านปู่ , ท่านมีอะไรงั้นรึ ? ข้าอธิบายมันไปหมดสิ้นแล้ว . “

” เจ้าหมายถึงผลไม้สีแดงสามผลนั่นรึ ที่ปลุกจิตวิญญานต่อสู้ของเจ้า ? และทำให้จิตวิญญาณกายาแข็งของเจ้าแปลกไป ? และยังทำให้เจ้าได้รับพลังปราณลึกลับ อีกทั้งยังช่วยเลื่อนระดับของเจ้าไปสู่นภาที่สามในระดับก่อตั้งเป็นเช่นงั้นรึ ? ” หน้าฉื่อเจี้ยนสับสนมากขึ้นทุกที เขาตะโกนว่า ” เพราะผลไม้สามผลเนี้ยนะ ? “

” ใช่ ” .

” เจ้าผลไม้นี่ ? ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ และนำมันกลับมาเพราะปลูก “

” คงมิได้แล้วท่านปู่ มันมีแค่สามผลเท่านั้น ข้าออกตามหามันอย่างยาวนานหลังจากนั้น แต่ไม่เคยพบมันอีกเลย “

” เจ้าบ้า ! นี่เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่มั้ย ? ” ฉื่อเจี้ยนสงสัยอย่างชัดเจน

” มิกล้า ๆ ข้ามิกล้าหลอกลวงท่านแน่นอน”

ฉื่อหยานคิดกับตัวเอง และใบหน้าก็จริงจังจากนั้นก็พูดว่า ” ข้าคิดเรื่องอื่นไม่ออกจริงๆ ยังไงก็ตาม ข้าเพียงแค่กินผลไม้นั่นเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นอีก และข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดจิตวิญญานต่อสู้ของข้าถึงแตกต่างจากคนอื่น “

เขายืนกรานอย่างมั่นใจ

ฉื่อเจี้ยน ไม่ว่าจะถามเขากี่ครั้ง หรือพยายามที่จะทดสอบเขาอย่างไร เขาก็ตอบสนองเช่นเดิมและจะตอบอยู่แบบเดิม ” ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน “

ในที่สุด ฉื่อเจี้ยน ก็ยอมแพ้ หลังจาก คิดอีกครั้งและ เขาก็กล่าวว่า ” เนื่องจากจิตวิญญานกายาแข็งของเจ้าเป็นสีน้ำตาลเข้ม อืม.. และจิตวิญญานต่อสู้นั้นก็ประหลาดนัก ข้าหมายถึง สีของมันต่างออกไปนิดหน่อย มันเข้มกว่าปกติ “

” ถ้าความรู้สึกของข้าถูกต้อง มันย่อมเป็นขั้นตอนที่สองแน่ๆ”

” ไหนลองพยายามอีกครั้งดู ” ฉื่อเจี้ยน รีบกดมือของเขาบนหน้าอกฉื่อหยาน ” เจ้าเด็กน้อยครอบคลุมร่างกายของเจ้าด้วยกายาแข็งสะ ! ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งพลังปราณของข้าเข้าทีละนิด มันไม่ทำร้ายเจ้าหรอก “

” ขอรับ ” .

จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรากฏแสงสีดำๆออกมาจากมือฉื่อเจี้ยน และพลังปราณในมือก็เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น มันส่องแสงโดดเด่นออกมาจากหน้าอกเขา

ทันใดนั้น ฉื่อเจี้ยนก็ถอนแสงสีดำที่ส่องออกมาด้วยมืออีกข้าง

ฉื่อเจี้ยน ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพยักหน้าและพูดอย่างร่าเริง ” ยอดเยี่ยมนัก ! มันเป็นระดับที่สองจริงๆ เจ้าบ้า ข้าไม่รู้จะจัดการกับเจ้าเรื่องนี้อย่างไรดี แต่จากวันนี้ไป เจ้าจงอย่าขี้เกียจ ! ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ชอบ ข้าจะผลักดันให้เจ้าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งให้ได้ ! “

––––––––––––––––––––––––

ปล. ขออภัยที่ลงช้าครับพอดียุ่งๆกับการเปิดกลุ่ม 3 ลงอีกทีวันที่ 28/3/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 120 แล้วนะครับ แล้วก็มีกลุ่ม 3 แล้วด้วย จะเริ่มลงตอนที่ 121 ในวันที่ 1/4/2560 ครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset