บทที่ 482 สายลมและก้อนเมฆที่เปลี่ยนสี
หลังจากศพสมุทรได้รับผนึกแห่งชีวิต เขาที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่งก็กลายเป็นแกะเชื่อง ผนึกแห่งชีวิตได้เปลี่ยนแปลงร่างของเขาปรับสมดุลจิตสำนึกและปลุกเขาจากดินแดนแห่งความบ้าคลั่ง
ถ้าสัตว์ที่บ้าคลั่งสามารถใจเย็นและมีเหตุผลพร้อมกับมีสติปัญญาเช่นมนุษย์ได้ ความน่ากลัวและน่าเกรงขามของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็รู้ดี
การที่ศพสมุทรเปลี่ยนไป ทำให้ถังหยวนหนาน และ โอหยางลู่ซวงประหลาดใจเป็นอย่างมาก ผนึกแห่งชีวิตของฉื่อหยานนั้นได้ทำสิ่งที่ลึกลับเกินกว่าที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน วิชานี้ไม่ใช่ของพรรคสามเทพและไม่ใช่ของตระกูลหยาง นี้ทำให้พวกเขาสองคนตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
สำหรับข้อสงสัยของพวกเขาทั้งสอง ฉื่อหยานไม่อยากอธิบาย เขาแค่ยิ้มและมองศพสมุทร
ศพสมุทรก็กลายเป็นสงบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลายเป็นเหมือนกับศพภูผา ดวงตาของเขามีร่องรอยของชีวิตจากที่เคยบ้าคลั่งก่อนหน้า ต่อมา เขาก็ชายตามองซากศพภูเขา พยักหน้ากับเขาแล้วเลื่อนดวงตาของเขามองไปที่ฉื่อหยานด้วยแววตาที่ กตัญญู” ขอบคุณ . . . “
ศพสมุทรพูดออกมาเป็นภาษาของมนุษย์
ฉื่อหยานก็สั่นสะท้าน และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . ” ดี เช่นนั้น ดูเหมือนโชคชะตาของเจ้าจะเปลี่ยนไปแล้วสินะ จากนี้ไป , เจ้าสามารถแยกตัวเองออกจากสหายของตนเองได้ เจ้ามีปัญญาและมีสติมากกว่าพวกเขา และรู้วิธีที่จะสื่อสารกับมนุษย์ ข้าคิดว่าอนาคตจะต้องสดใสแน่นอน ด้วยสิ่งที่เจ้ามีตอนนี้นับว่าไม่ยากมี
หมื่นปี พระศพและศพ ศพที่ติดทะเล มีตาของเขาสว่างด้วยแสงบาน
” เราจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง ? ” ศพภูผาทันทีก็ถามขึ้น
ฉื่อหยานมองดูการต่อสู้ระหว่างโปวชุนและ นู่หลางด้วยสีหน้ามืดมน ” ข้าได้ยินว่าโปวชุนได้ไปยังนิกายซากศพและคุยกับพวกเจ้า “
” ใช่ เขาเป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างมาก ครั้งสุดท้ายที่ ทะเล เหล่าทาสศพและข้ารวมกองกำลังเพื่อต่อต้านเขา . ” ศพภูผาก็ตื่นตัวในขณะที่กลิ่นอายการต่อสู้ที่รุนแรงไหลออกมาจากร่างของเขา ดูเหมือนเขาจะต้องการเข้าร่วมในการต่อสู้ ของนู่หลางและโปวชุนเพื่อแก้แค้น
เป็นฉื่อหยานเมื่อรู้สึกกลิ่นอายในร่างของเขาเปลี่ยนไป เขาก็ขดริมฝีปากของเขา” ข้าอยากให้พวกเจ้าจัดการกับเขา ” .
เขาชี้ไปที่โปวชุน สองศพราชันย์ก็พยักหน้าพร้อมกัน
พวกเขาไม่รอฉื่อหยานพูดอะไรเพิ่มเติมและกลายเป็นสองเส้นแสงส่องประกายพุ่งไปยังโปวชุน
ศพราชัรย์ลอยอยู่ในอากาศ เป็นพลังห้าธาตุที่รุนแรงก็แผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขา แสงของโลหะ , ไม้ , น้ำ , ไฟ , และดินที่ออกมาจากพวกเขาก็กลายเป็นประกายแสงห้าธาตุส่องแสงสุกใส ซึ่งสามารถปิดกั้นและผนึกทุกสิ่งมีชีวิตได้ มันพุ่งตรงไปยังโปวชุน
เมื่อโปวชุนสู้กับนู่หลางคนเดียวพลังก็เท่าเทียมกัน และไม่มีใครสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับตนได้ แต่เนื่องจากสองศพราชันย์ได้เข้าร่วมการต่อสู้ของพวกเขา โปวชุนก็ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเป็นสองเขา เขาไม่สามารถช่วยได้ที่จะปลดปล่อยเคล็ดวิชาและพลังทุกอย่างของเขาออกมาเพื่อรับมือ มือกระดูกสีขาว , กะโหลกยักษ์ , และอสูรระฆังก็ถูกเรียกมาอยู่รอบๆเขา ปล่อยกลิ่นอายอสูรป้องกันนู่หลางและศะราชันย์ที่เข้ามาใกล้
โปวชุน นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่นู่หลางและศพราชันย์ก็ไม่นับว่าอ่อนแอ เมื่อพวกเขาทั้งสามรวมพลังกัน พวกเขาก็สามารถหยุดโปวชุนได้อย่างสมบูรณ์ ,กดดันเขาและผลักเขาเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
อีกด้านหนึ่ง , ปีศาจสงครามกำลังพัวพันกับราชาอสูรชินหยาน
ร่างเหล็กเหล็กสีดำของปีศาจสงคราม ไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วน ไม่ว่าจะวิชาหรือการโจมตีใดๆที่ประทะเข้ากับร่างของปีศาจสงครามก็ไม่อาจสร้างร่องรอยอะไรได้
ปีศาจสงครามรู้วิธีการใช้ความสามารถในร่างกายของมัน ในขณะที่มันลงมือ ความมืดได้ครอบคลุมทุกสิ่ง หลุมดำที่ปรากฎบนร่างกายของเขาได้ดูดกลืนกินทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งการโจมตีส่วนใหญ่ของชิหยานด้วย นี้ ทำให้ ชิหยานไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย
ปีศาจสงครามคนเดียวสามารถกดดันชิหยานให้ยากลำบากได้ ในขณะที่ชิหยานได้ใช้วิชาและพลังต่างๆ เพื่อหาบางสิ่งที่สามารถรับมือกับปีศาจสงครามได้
แต่เขาก็ดูเหมือนไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน
ปีศาจสงคราม ไม่เพียงแต่ร่างกายจะแข็งแกร่งและลลึกลับ แต่วิญญานที่แปลกประหลาดของมันยังน่าหวาดกลัว ซึ่งราวกับว่ามันเป็นหลุมดุม ที่สามารถดูดกลืนทุกพลังวิญญานที่ชิหยานปล่อนออกมา การโจมตีทางวิญญานของชิหยานที่พุ่งไปยังปีศาจสงครามนั้น เป็นราวกับก้อนหินที่ตกลงไปในทะเลกว้างใหญ่ ก่อให้เกิดเป็นน้ำกระเพื่อมเล็กๆ ก่อนที่จะหายไปตลอดกาล
สองราชาอสูรมาที่เกาะสุริยันแห่งนี้ก็เพื่อทำลาย เทพจันทรา สุริยันและดวงดาว แต่คากไม่ถึงว่าจะถูกขัดขวางโดยนู่หลางและศพราชันย์ กดดันให้พวกเขาทำได้เพียงแค่ป้องกัน ไม่มีโอกาสที่จะลงมือทำสิ่งใด
กลิ่นอายธรรมชาติเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่โลกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกาะสุริยันสั่นสะท้านไปทั่วด้วยพลังของนักรบระดับพระเจ้าที่รวมกันอยู่ที่นี่. . . . . . .
เกาะมังกรเหมัน . . . . . . .
ร่างกระดูกสีขาวที่ซ่อนอยู่ลึกภายในภูเขามังกนเหมันย์ดูเหมือนจะได้รับการเรียกจากเจ้านายของมัน มันบินออกมาจากภูเขามุ่งหน้าไปยังเกาะสุริยัน
ชนเผ่าอสูร รวมถึงโมฉีต้า , เมื่อเห็นร่างกระดูกสีขาวพุ่งออกไป ทุกคนหน้าซีด ลังเลสักพักก่อนจะเอาสมบัติลับของพวกเขาออกมาและตามร่างกระดูกสีขางไปยังเกาะสุริยัน
” เกิดอะไรขึ้น ? “
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของยู่โหลวก็ปกคลุมด้วยความกลัวนางมองร่างกระดูกสีขาวของโปวชุน นางรำพึงก่อนที่จะพูด ” โปวชุนต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่ ไม่งั้นเค้าคงไม่เรียกร่างกระดูกสีขาวของเขาออกไป ในทะเลไม่มีสิ้นสุด มีเพียงฉาวเชี่ยวเต้าและหยางอี้เทียนเท่านั้นที่สามารถปัญหาให้กับโปวชุนได้ เขาต่อสู้กับฉาวเชี่ยวเต้าอยู่งั้นรึ ? “
” มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา “
ตี่ฉานแสดงสีหน้าไม่แยแส , ไม่สนใจเกี่ยวกับชีวิตของโปวชุน ” เราออกมาจากหุบเหวสนามรบที่ขังเรา และมาอยู่ในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ ตามคำพูดของบรรพบุรุษเรา เรามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ โปวชุนไม่สามารถนำพาเผ่าปีกของเราไปสู่อนาคตที่รุ่งเรืองได้ “
” เจ้ายังคิดถึงเขาอยู่งั้นรึ “ร่องรอยของความสับสนก็ปรากฏบนใบหน้าของยู่โหลว นางถอนหายใจ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ” เขาจากทะเลไม่มีสิ้นสุดไปเมื่อหนึ่งปีก่อน จากนั้นก็ไม่มีข่าวอะไรจากเขาเลย เฮ้อ ถ้าสถานการณ์ไม่ได้บีบบังคับเรา เราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ข้าสงสัยว่าเขาจะแค้นเราหรือไม่ “
” ข้าได้ให้คำสาบานว่าตราบใดที่เขายังไม่ตาย เขาจะเป็นนายท่านของข้า ” ตี่ฉานพูดด้วยเสียงขรึม ” คนที่จะพาเราออกไปจากสถานที่รกร้างแห่งนี้ มีเพียงคนเดียว คือคนที่มีสายเลือดของพระเจ้าราชันย์อมตะ . . . . . . . ตามคำพูดของบรรพชน เขาเป็นนายท่านของเรา ด้วยสถานการณ์จะบีบบังคับเรา เราจึงต้องพึ่งโปวชุนเพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธ์ของเรา เราเพียงแค่แกล้งให้โปวชุนเป็นนายของเราเท่านั้น ถ้าโปวชุนตาย เรารอดจากเผ่าอสูร และจะไม่ถูกบังคับ “
” นายท่านของเรานั้นไม่ธรรมดา ” ยู่โหลวยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ” เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเราจะพึ่งพาเผ่าอสูรแต่เราก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่เป็นการหักหลังเขา ข้าหวังว่า เขาจะให้อภัยเรา”
” ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ , เขาก็ยังคงเป็นนายท่านของเรา สิ่งที่เราสามารถทำได้ในอนาคต คือ ขอร้องให้เขายกโทษให้ ” ตี่ฉานพูดอย่างดื้อดึง ” เราต้องอดทนรอ ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องกลับมาเป็นนายท่านของเราอีกแน่ ด้วยคำพูดของบรรพบุรุษเรา มันจะต้องมีความหมายบางอย่าง เมื่อเผ่าปีกทำตาม เราย่อมมีอนาคตที่ดีกว่านี้แน่ เผ่าอสูรได้ทอดทิ้งเราเมื่อนานมาแล้ว ได้บังคับและขังเราไว้ในดินแดนรกร้าง แม้ว่าเราจะกลับมายังแผ่นดินรุ่งเรืองได้อีกครั้ง เราก็ยังคงจำสิ่งที่พวกเขาทำไว้ได้ “
เป็นยู่โหลวที่เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเรื่องราวเก่าๆ นางก็พยักหน้า ” ข้าหวังว่าวันหนึ่ง นายท่านของเราจะโชคดีบรรลุเข้าสู่ระดับที่แข็งแกร่ง พอที่จะนำปีกเผ่าของเรากลับไปดินแดนของเผ่าเราที่บรรพบุรุษเคยอาศัย”
” ข้าเชื่อว่านายท่านทำได้ คงจะใช้เวลาอีกไม่นาน อย่างมากไม่เกินสิบปี ข้าคิดว่าตอนนั้นนายท่านของเราจะสามารถจัดการกับโปวชุนได้แน่นอน ” ตี่ฉานมั่นใจ และพูดอย่างมั่นคงอีกครั้ง ” ขอเวลาอีกสามสิบปี ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถบรรลุเข้าสู่นภาที่สามระดับพระเจ้าได้ ตอนนั้น ถ้านายท่านยังไม่มาหาเรา เราก็ยังมีพลังเพียงพอที่จะออกจากเผ่าอสูร “
ยู่โหลวดวงตาสดใส” แล้วจะทำเช่นไรกับเผ่าเสียงอสูร ? “
” อี้เทียนโหมว และ คนอื่นนั้นไม่ได้โง่ พวกเขาเองก็ควรรู้เกี่ยวกับความหมายของคำพูดที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ บางทีเขาอาจจะคิดเช่นเดียวกับเรา และรอคอยเวลาที่เหมาะสมอยู่ “
” ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น . “
. . . . . . .
ทะเลเคียร่า เกาะอมตะ . . . . . . .
เกาะที่เคยเป็นของตระกูลหยางก็ถูกปกคลุมด้วยพลังหยินหนาวเย็นที่มืดมิด ในที่มืดมิดชนเผ่าทมิฬกำลังเดินไปมาบนเกาะอมตะ ด้วยวิธีการบางอย่างพวกเขาเปลี่ยนกลิ่นอายธรรมชาติเป็นพลังหยิน เหมาะแก่การฝึกบ่มเพาะของพวกเขา
นี้เป็นรูปแบบขนากดใหญ่ที่ต้องใช้วัสดุจำนวนมากเพื่อสร้างรูปแบบเคลื่อนย้ายสภาพแวดล้อมจากดินแดนได้พิภพมายังที่นี่ พวกเขาต้องใช้น้ำจากแม่น้ำแห่งความตาย ราดลงบนเกาะอมตะ นอกจากนี้ พวกเขาต้องการตัวตนของวิญญานนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยความแค้น ถ้าพวกเขาต้องการที่จะเคลื่อนย้ายสภาพแวดล้อมทั้งหมดจาดินแดนใต้พิภพมาทั้งหมด มันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งร้อยปี
และตอนนี้ชนเผ่าทมิฬก็ได้เริ่มลงมือกันแล้ว
วันนี้ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญขึ้นกับรูปแบบ สามราชาทมิฬได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ กระตุ้นพลังมหาศาลของพวกเขาเพื่อลงมือเปลี่ยนแปลงครั้งแรก
แสงว่างถูกปิดกั้นโดยพลังปราณทมิฬ ไม่สามารถเจาะผ่านเข้ามายังเกาะอมตะได้ สามราชาทมิฬยืนอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมตรงกลางของเกาะ และปลดปล่อยพลังปราณทมิฬออกมา
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เริ่มลงมือ สามราชาทมิฬก็สัมพัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ลึกลับของกลิ่นอายธรรมชาติ
เผ่าทมิฬนั้นมีสัมพัสวิญญานที่แข็งแกร่ง สามราชาทมิฬได้มองกันและกัน และหยุดทุกการเคลื่อนไหว เริ่มต้นที่จะสัมพัสไปยังการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายธรรมชาติเพื่อหาเหตุการณ์ที่ทำให้มันผิดปกติ
ไม่นานหลังจากนั้น สามราชาทมิฬก็ลุกขึ้นจากจุดที่นั่งอยู่
” การเปลี่ยนแปลงนี้มาจากทะเลเหิงลั่ว ที่เกาะสุริยันของพรรคสามเทพ มันพลังปราณพุ่งสูงขึ้นที่นั่น เห็นชัดว่าชิหยานและโปวชุนกับลังต่อสู้กับนักรบที่แข็งแกร่งที่นนั่น การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ! บางที มันอาจจะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดของไม่มีที่สิ้นสุดเปลี่ยนไป ! “
” เราไม่ควรอ้อยอิ่ง เราควรเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ถ้าเราช้า ข้ากลัวว่ามันจะยากสำหรับเราที่จะอยู่อย่างสงบในทะเลไม่มีสิ้นสุด “
” ไป ! “
สามราชาทมิฬก็แลกเปลี่ยนความคิดกันจากนั้นก็กลายเป็นเส้นแสงพุ่งออกไปพร้อมกัน มุ่งไปยังเกาะสุริยันของพรรคสามเทพ
ในเวลาเดียวกัน , หยางอี้เทียนและเซี่ยซิงโหวในพื้นที่ทะเลสวรรค์ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลกของกลิ่นอายธรรมชาติ พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปทันที
ใต้ทะเล หยินหุ้ยก็ได้รับข้อความจากผู้อาวุโสของเผ่ามังกรสมุทรทมิฬ . จากนั้นเขาก็ออกจาพื้นที่เผ่าฉลามเงินและมุ่งไปยังเกาะสุริยัน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่เกาะสุริยันได้สั่นสะเทือนไปทั่วพืิ้นดินและพื้นน้ำทั่วทะเลไม่มีสิ้นสุด การสั่นสะเทือนนี้เกิดขึ้นที่เกาะสุริยัน นักรบหลายคนจากทุกทิศกำลังมุ่งมาด้วยความเร็วสูงสุด ทะเลไม่มีสิ้นสุดแห่งนี้กำลังจะลุกเป็นไฟ!
________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 30 แล้ว มีถึงตอนที่ 1402 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <