บทที่ 504 ความตกต่ำของตระกูล
“ตามตำนาน ตระกูลปาของเราเป็นลูกหลานของพระเจ้าราชันย์แห่งกำลังผู้ยิ่งใหญ่ เรามีเลือดสีทองและจิตวิญญานต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เมื่อโลหิตพระเจ้าของเราถูกปลดผนึกโดยโลหิตพระเจ้าที่เป็นกุญแจ จิตวิญญานต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเราก็จะเข้าสู่ขั้นใหม่และระดับการบ่มเพาะก็จะบรรลุขั้นต่อไป เส้นทางการฝึกบ่มเพาะของเราจะกลายเป็นเรียบง่ายตามแต่ใจเราปรารถนา” ปาเฟยพูดอย่างภาคภูมิใจ
” มันเป็นเรื่องจริง ในสมัยยุคโบราณกาล พระเจ้าราชันย์กำลัง พระเจ้าราชันย์อัศนี พระเจ้าราชันย์อมตะ ต่างก็มีชื่อเสียงโด่งดัง พวกเขาเป็นจุดสูงสุดในบุคนั้น พระเจ้าราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน พวกเขาเดินทางและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราสามารถพูดได้เลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเหนียวแน่นเป็นอย่างมาก ” เปลวเหมันเยือกแข็งส่งข้อความที่น่าสนใจไปที่ฉื่อหยานจากเส้นเลือดที่แหวน มันดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ในสมัยยุคโบราณกาลพระเจ้าราชันย์นั้นมีอยู่ไม่มากนัก และพวกเขาก็ยังแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย พระเจ้าราชันย์อมตะ , พระเจ้าราชันย์กำลังแลพระเจ้าราชันย์อัศนีนั้นได้รวมกันเป็นพรรคเดียวและปกครองมาเป็นเวลานาน มีข่าวลือว่า ในการสู้รบครั้งสุดท้าย พระเจ้าราชันย์ได้เข่นฆ่ากันเอง ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร
ในที่สุดพระเจ้าราชันย์อมตะ , พระเจ้าราชันย์กำลังและพระเจ้าราชันย์อัศนีได้หายสาบสูญไปหลังจากการต่อสู้ รุ่งอรุณของยุคต่อมา กองกำลังของพระเจ้าราชันย์ทั้งสามไม่อาจตั้งตัวได้ เนื่องจากการหายตัวไปของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถควบคุมแผ่นดินรุ่งเรืองได้อีกต่อไป จนวันนี้เจ็ดกลุ่มโบราณที่ปกครองแผ่นดินรุ่งเรือง ต่างก็เป็นลูกหลานของพระเจ้าราชันย์และได้สืบทอดจิตวิญญานต่อสู้มา
หลังจากนั้น ลูกหลานของพระเจ้าราชันย์อมตะ , พระเจ้าราชันย์กำลังและพระเจ้าราชันย์อัศนี ชื่อของพวกเขาก็หายไปจากแผ่นดินรุ่งเรือง
ตระกูลของพวกเขาทั้งสองต่างก็ล่มสลาย และเป็นลูกหลานของพระเจ้าราชันย์เช่นเดียว หลังจากฉื่อหยานเห็นเลือดสีทองของพระเจ้าราชันย์กำลัง เขาก็สับสนอยู่สักพักจากนั้นก็พูด ” ข้าจะช่วยหาโลหิตพระเจ้าที่เป็นกุญแจแก่เจ้าเอง ! ! “
ปาฉือตั้ง และ ปาเฟย ก็ประหลาดใจ
” วางใจได้ หลังจากข้าปลดผนึกโลหิตพระเจ้าของข้าได้ ข้าจะแข็งแกร่งมากขึ้น และถึงตอนนั้น ข้าจะตอบแทนบุญเจ้าของเจ้าแน่นอน !” ปาฉือตั้งพูดสัญญา
” ข้าขอตรวจร่างกายเจ้าดูหน่อยได้หรือไม่ ? “
ฉื่อหยานเปิดความตั้งใจทันที เขาต้องการที่จะยืนยันว่าปาฉือตั้งนั้นเป็นทายาทของพระเจ้าราชันย์กำลังจริงหรือไม่
” แน่นอน “
ปาฉือตั้ง ก็ไม่ลังเล เขายืดแขนไปให้ฉื่อหยาน เพื่อให้ฉื่อหยานควรตรวจสอบเขา ฉื่อหยาน ไม่ได้พูดอะไร เขายืนมือออกไปและจับแขนของปาฉือตั้ง ใข้จิตสำนึกวิญญานสำราจร่างกานของปาฉือตั้ง
ทันทีที่จิตสำนึกวิญญาณของเขาเข้าไปในร่างของปาฉือตั้ง จิตสำนึกวิญญานของฉื่อหยานก็ปั่นป่วน ใบหน้าของเขากลายเป็นหวาดกลัว
ภายในร่างกายของปาฉือตั้ง เลือดที่ไหลเวียนอยู่ เขาไม่สามารถสังเกตุเห็นผนึกที่เป็นโซ่ได้อย่างชัดเจนนัก มันส่องแสงสีทองออกมาจางๆ โซ่นี้ปรากฏอยู่ในหลอดเลือดในร่างกายของเขา อยู่ในสายเลือดของเขา และเส้นชีพจร สิ่งที่แปลกไปกว่าก็คือ หลังจากที่ฉื่อหยานได้ส่งจิตสำนึกวิญญาณของเขาเข้าไปในร่างกายของเขา โซ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังของพระเจ้าก็เคลื่อนไหวไปมา
อย่างบ้าคลั่ง , พลังนั้นก็พุ่งออกมาอย่างรุนแรงราวกับเป็นน้ำท่วมทุ่ง
จู่ๆ ประกายแสงสีทองก็ปกคลุมหมัดซ้ายของปาฉือตั้ง และเลือดนี้ก็ไหลออกมาทันที
เมื่อลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากภายในร่างกายปาฉือตั้ง มันก็ทิ่มแทงมือของฉื่อหยานสีหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดเซียวราวกับถูกสายฟ้านับหมื่นทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ความเจ็บปวดที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วร่างของเขาราวกับว่าจะสามารถระเบิดห้วงจิตสำนึกของเขาได้
” น่าหวาดกลัวนัก “
ฉื่อหยานดึงมือทีเปื้อนเลือดของปาฉืิอตั้งออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป และช่วยไม่ได้ที่เขาจะร้องออกมา
” ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ” ปาฉือตั้งกังวลเล็กน้อย เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว ปาเฟยสีหน้าก็กลายเป็นมืดมน นางรีบยื่นมือเข้ามาพยายามที่จะช่วยรักษาแผลที่มือของเขา
แต่เมื่อนางเข้ามาใกล้ ฉื่อหยาน นางก็เห็นบาดแผลบนมือของเขากำลังรักษาด้วยความเร็วที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ปาเฟยก็เอามือปิดปาก
เวลาเพียงไม่นาน แผลบนมือของเขาก็หายไป ไม่เหลือร่องรอยใดๆ
ปาฉือตั้งก็ตกตะลึง” อะไร . . . . . . . เกิดอะไรขึ้น ? “
” นี่นับได้ว่าเป็นโชคชะตา . การที่เจ้าและข้าได้มาพบกันที่นี่อาจเป็นเพราะของการแทรกแซงของพระเจ้า . ” ฉื่อหยานรำพึงแล้วยิ้ม ” พี่ชายปา , คำพูดในตระกูลของเจ้านั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับพระเจ้าราชันย์อมตะและพระเจ้าราชันย์อัศนีใช่หรือไม่ ? ”
ปาฉือตั้งส่ายหัว ” ตระกูลปาของเรามีเพียงน้องสาวของข้าและข้าที่อยู่ที่นี่เท่านั้น สิ่งที่ข้าได้รับรู้มานั้นผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ผมรู้แค่บางตำนานเกี่ยวกับตระกูลของข้าเท่านั้น ในตระกูลปา ข้าไม่เคยได้ยินอเกี่ยวกับพระเจ้าราชันย์อมตะและพระเจ้าราชันย์อัศนีเลย”
“ตระกูลปาของเจ้าและข้านั้นมีต้นกำเนิดเดียวกัน” ฉื่อหยานถอนหายใจอย่างเสียใจ ” ในสมัยยุคโบราณกาล สามพระเจ้าราชันย์นั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากพวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะวีรบุรุษ แต่พวกเขาทั้งหมดได้หายสาบสูญไป ตระกูลหยางนั้นยังดี ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังคงอยู่ในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ตระกูลปานั้นช่างน่าเศร้านัก ข้าไม่คิดเลยว่า ตระกูลปาตอนนี้จะเหลือเพียงเจ้าสองคน ” .
ปาฉือตั้งและ ปาเฟยก็สับสน
” ข้านั้นมีจิตวิญญานอมตะ ข้าคิดว่าข้านั้นเป็นทาบาทของพระเจ้าราชันย์อมตะ เช่นเดียวกับจิตวิญญานต่อสุ้ที่แข็งแกร่งของตระกูลปาและจิตวิญญานอัศนีของตระกูลเหล่ย พวกเราต่างก็เป็นผู้สืบทอดตั้งแต่โบราณกาล”
” พวกมันล้วนแต่เป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับพระเจ้า ! “
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ปาฉือตั้งและ ปาเฟยก็สะดุ้งด้วยความตกใจ และมองเขาด้วยความประหลาดใจ
” ในสมัยโบราณพระเจ้าราชันย์อมตะ , พระเจ้าราชันย์กำลังและพระเจ้าราชันย์อัศนีนั้นอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กัน พวกเขาได้หายไปหลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้านและในช่วงเวลานั้น เมื่อพระเจ้าราชันย์ทั้งสามหายไป สายเลือดของพวกเขาเองก็ค่อยๆลางเลือน . . . . . . . ” ฉื่อหยานสีหน้าก็มืดมน เขาบอกความจริงจากสมัยโบราณให้สองพี่น้องฟัง
ปาฉือตั้งและปาเฟยก็ฟังเขาอย่างตั้งใจ และค่อนข้างแปลกใจ
นี้คือความลับตั้งแต่ยุคโบราณ . ตระกูลปาได้สูญเสียมรดกพร้อมกับที่สูญเสียบรรพบุรุษ ตำนานที่เกี่ยวข้องกับยุคนั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลาของประวัติศาสตร์ ถ้าพวกเขาไม่เจอฉื่อหยานวันนี้ พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่รู้อะไรเลย
” เช่นนี้ ก็แปลว่าวันนี้เราโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้รู้ทุกสิ่งในวันนี้ !
ใบหน้าของปาเฟยก็สดใสด้วยความสุข เพราะปัญหาที่พวกเขาได้รับกำลังจะถูกแก้ในเร็วๆนี้
” เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าโลหิตพระเจ้ากุญแจอยู่ในวัง ? “ฉื่อหยานขมวดคิ้ว ถามพวกเขา
” ผมยืนกรานได้ เพราะข้าสัมผัสมันได้ ” ปาฉือตั้งก็พยักหน้า ” ข้าได้ยินว่ามันต้องใช้สภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นเป็นอย่างมากเพื่อเก็บรักษาโลหิตพระเจ้ากุญแจ ตอนแรกเจ้าเมืองจักพรรดิน้ำแข็งนั้นได้เก็บสมุนไพรในภูเขาหิมะ แล้วนางก็พบเข้ากับโลหิตพระเจ้าโดยบังเอิญ นางไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลหิตพระเจ้าของตระกูลปา นางจึงไม่อาจรู้ได้ว่าโลหิตพระเจ้านั้นสำคัญเพียงใด นางเก็บมันไว้เป็นของตกแต่งชิ้นเล็กๆในวังจักพรรดิน้ำแข็ง ไม่มีใครเคยเห็น และไม่มีใครรู้ถึงความมหัศจรรย์ของโลหิตพระเจ้ากุญแจ “
” อ๋อ มันเป็นเช่นนี้เอง ” ฉื่อหยานคิดแล้วยิ้ม ” ดูเหมือโชคชะตาของเจ้ายังดีอยู่นะ ฮ่าๆๆ เจ้าเมืองจักพรรดิน้ำแข็งและผู้อาวุโสทั้งสามนั้นได้ขอความช่วยเหลือจากข้า ก็ไม่น่ายากที่จะขอโลหิตพระเจ้ากุญแจเพื่อช่วยพวกเจ้า เราต้องรออีกสักพัก หลังจากที่พวกนางตัดสินใจบางสิ่งใด พวกนางจะมาหาข้า ”
” พี่ฉือ ทำไมบุปผาน้ำแข็งทั้งสี่ของเมืองจักพรรดิน้ำแข็งถึงได้มาขอให้ท่านช่วยรึ ? ” ปาฉือตั้งก็ถามด้วยความสับสน
” ฮ่า ฮ่า ” ฉื่อหยานยิ้ม ” ข้ามีสิ่งที่พวกนางต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกนางไม่อาจพลาดไปได้ ด้วยสิ่งนี้ พวกนางจะต้องยอมแน่นอน”
พี่ชายและน้องสาวก็รู้สึกปลื้มปิติ
” แล้วนักรบที่แข็งแกร่งทั้งสี่ของเมือจักพรรดิน้ำแข็งนั้นเป็นคนอย่างไรรึ ?” ฉื่อหยานคิด แล้วถาม
“เจ้าเมือง ปิงชิงถง เป็นหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยวินัย แม้ว่าหล่อนค่อนข้างหยิ่งและเย็นชา แต่นางก็ให้ความเป็นธรรมแก่นักรบคนอื่นในเมือง นางมุ่งมั่นที่จะความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับเมืองอื่นๆ นางจะไม่ก่อสงครามขึ้นเอง ผู้หญิงคนนี้ฉลากเป็นอบ่างมาก ภายใต้การบริหารของนาง แม้ว่าเมืองจักพรรดิน้ำแข็งจะเป็นเมืองที่มีอันดับท้ายสุดในกลุ่มเมืองทั้งเจ็ดของสมาคมนักรบ แต่เมืองก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนอาจจะก้าวข้ามเมืองที่เหนือกว่า “
ดูเหมือนปาเฟย จะเข้าใจในสถานการณ์ของเมืองดี นางค่อยๆ เล่าออกมา ” ฮันซุย นั้นมีความทะเยอทะยานสูง นางไม่พึงพอใจกับตำแหน่งผู้อาวุโส นางมักจะต้องการที่จะขึ้นครองบรรลังก์แทนที่ปิงชิงถง สามปีที่แล้ว ฮันซุยได้บรรลุเข้าสูานภาที่สองระดับพระเจ้าซึ่งเป็นระดับเดียวกับปิงชิงถง ปีที่แล้ว นางได้พ่ายแพ้ให้กับเจ้าเมือง และตอนนี้ นางก็ต้องการที่จะต่อสู้อีกครั้ง
” แล้วเหลิงต้านชิงและซวงยู่ซู ?
” เหลิงต้านชิง มีแผนที่ลึกซึ้ง นางรับผิดชอบประสานงานกับกองกำลังอื่น ๆรอบเมืองจักพรรดิน้ำแข็ง ข้าได้ยินว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองกำลังเหล่านั้น ตั้งแต่นางมีระดับการบ่มเพาะที่นภาแรกซึ่งต้ำกว่าคนอื่น นางไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับปิงชิงถง อย่างไรก็ตาม นางนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮันซุย ดังนั้นนางจึงเข้าข้างฮันซุยเป็นส่วนมาก มีข่าวลือว่าเหลิงต้านชิงเป็นคนชักชวนให้ฮันซุยยึดครองตำแหน่งเจ้าเมือง นางต้องการให้เมืองจักพรรดิน้ำแข็งแยกตัวออกจากสมาคมนักรบ ดูเหมือนว่านางต้องการจะปกครองเมืองจักพรรดิน้ำแข็งด้วยอำนาจของตนเอง”
”ซวงยู่ซูนั้นไม่ค่อยปรากฏตัวนัก นางอ่อนโยน และต้องการรักษาสถานะปัจจุบันไว้ นางไม่ชอบสิ่งที่ฮันซุย และเหลิงต้านชิงทำนัก ในปีนั้น เมื่อแม่บุญธรรมของนางยังมีชีวิตอยู่ นางและพี่น้องคนอื่นไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนักน ซวงยู่ซูเป็นคนสุดท้องที่เจ้าเมืองคนเก่าได้รัยเลี้ยง ตอนที่นางยังเป็นเด็ก ฮันซุยและเหลิงต้านชิงมักจะแกล้งนาง และ ปิงชิงถงก็มักจะปกป้องนาง นางจึงอยู่ข้างเดียวกับปิงชิงถง ”ปาเฟย สรุปสถานการณ์ของเมือง
ฉื่อหยานฟังนางด้วยความสนใจ เขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวทั้งสี่นี้จะมีการแข็งขันที่รุนแรงต่อกัน ดูเหมือนว่าสงครามที่คนในเมืองพูดถึงจะเป็นความจริง
” โอ้ ? “
ตอนนี้เอง ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้ว เขาเปิดหน้าต่างมอง สองสาวพี่น้องที่คุ้นเคยด้วยใบหน้าประหลาดใจ
ปิงเว่ยและปิงเซียง , หญิงสาวทั้งสองนี้ยืนอยู่ด้านหน้าของโรงเตี้ยม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพวกนาง ดูเหมือนว่าพวกนางกำลังหาบางสิ่งอยู่
ขณะที่พวกนางเห็นฉื่อหยาน ทั้งสองพี่น้องก็มองมาที่เขาเป็นจุดเดียวกันและโบกมือให้
ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ
หลังจากนั้นไม่นาน พวกนางก็หยุดอยู่หน้าห้องของเขาและค่อยๆเคาะประตู
เปิดประตูออก , ฉื่อหยานก็ ขมวดคิ้วขณะมองสองสาวและพูดอย่างเย็นชา ” เจ้ามาหาข้ารึ ? “
” ท่านแม่ส่งพวกเรามาเพื่อบอกเจ้าว่า เจ้าควรจะระวังให้มากในช่วงนี้ ใครบางคนต้องการจะสร้างปัญหาให้เจ้า ” ปิงเซียงสังเกตรอบๆดูว่ามีใครอยู่ใกล้ๆหรือไม่ ต่อมานางก็กดเสียงลงและพูด ทำให้สองพี่น้องปาฉือตั้งแลปาเฟยกังวล แต่เมื่อนางพบว่าพวกนางเป็นนักรบระดับรู้แจ้ง พวกเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
” แม่ของพวกเจ้าคือใครรึ ?
” ผู้นำของเมืองจักพรรดิน้ำแข็ง”
“เอาหละ ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าเองก็ไปได้แล้ว “
” ระวังด้วย ข้าได้ยินว่าฮันซุย และเหลิงต้านชิงได้ออกจากเมืองไป พวกนางคงไปหาตัวช่วย แม่ข้าบอกว่าถ้าเจ้าไม่มั่นใจ เจ้าควรจะออกจากเมือง เราสามารถคุยกันเรื่องผลึกเยือกแข็งได้ในภายหลัง แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ มันอาจเป็นปัญหาใหญ่ได้ “
ปิงเว่ยไม่สามารถซ่อนความคิดของนางได้ นางรีบเร่งพูดแนะนำเขา ฉื่อหยานพยักหน้า เขาหลี่ตาลง “ขอบคุณเจ้ามากที่เตือนข้า ข้าเข้าใจแล้ว . “
หญิงสาวสองพี่น้องพูดคุยกันอีกเล็กน้อยด้วยสีหน้าบึ่งตรึงจากนั้นก็จากไป
_______________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 30 แล้ว มีถึงตอนที่ 1421 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <