บทที่ 52 ดินแดนเร้นลับ
” ปัง ! “
ฉื่อหยานไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป และเขาล้มลงกับพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก
ก้อนควันแปลกประหลาดที่มองไม่เห็น ไหลออกมาจากเส้นชีพจรของเขาเข้าไปในจิตใจเหมือนกับผ้าไหม
พลังงานเชิงลบที่บุกรุกเข้าไปในจิตใจของเขาเริ่มหลอมรวมเข้ากับเส้นประสาท
แล้วเขาก็รู้สึกเจ็บปวด เหมือนกับว่ามีอะไรมาเจาะลงที่หัวของเขา
ความเจ็บปวดนี่เป็นเหมือนกระแสไฟฟ้า และมันได้กระจายไปทั่วร่างของเขา , มันบุกเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาทั้งหมด
ทั้งหมดนี่มันกินเวลาเพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น
พลังงานเชิงลบกระจายหนาแน่นไปที่เส้นชีพจรทุกเส้น
ไม่เพียงเท่านั้นพลังงานเชิงลบในเส้นชีพจรของเขายัง ยังไหลผ่านเส้นเลือด กล้าม กระดูก เซลล์ และอวัยวะภายใน
เป็นเหมือนกระแสไฟฟ้าที่ไหลไปทั่วๆร่างกายของเขา ในขณะที่เขากำลังปวดหัวอย่างรุนแรง แขนและขาของเขาเริ่้มส่งสัญญานบางอย่างออกมา เป็นควันสีขาวลอยออกมาจากทุกๆรูขุมขน . . . . . . .
ควันสีขาวซีดเป็นห่อเป็นชั้นรอบๆตัวของเขา พวกมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด , เป็นความกระหายเลือดที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะฆ่าฟัน !
พลังงานเชิงลบทั้งหมดที่ไหลออกมาจากตัวของเขาทำให้ร่างกายของเขาผอมแห้งลง 1 ใน 3 ของร่างกายเดิม
เขายืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับร่างกายที่ผอมแห้ง ฉื่อหยานถูกห้อมล้อมไปด้วยความกระหายเลือด
จู่ๆ ความเจ็บปวดที่อยู่ภายในจิตใจของเขาก็พลันหายไปในครั้งเดียว
ฉื่อหยานลืมตาขึ้นทันที แล้วก็พบว่าประสาทสัมพัสของเขาได้กลายเป็นแหลมคมมากขึ้น และเขาก็สามารถคิดและคำนวณได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ในตอนนี้เขาสามารถคิดเรื่องต่างๆได้อย่างสงบและเยือกเย็น !
ในที่สุดดูเหมือนว่าพลังงานเชิงลบจะหลอมรวมเข้ากับเส้นประสามของเขาและทำให้ร่างกายของเขาผอมแห้งลงไปอย่างมากอีกครั้ง !
เขาลุกยืนอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานด้านลบที่อยู่ในเลือดและเนื้อของเขามันได้เพิ่มพลังให้เขาอย่างมหาศาล
ตอนนี้เขาได้กลายเป็นเหมือนเครื่องจักสังหารที่ไม่มีอารมณ์ใดหลงเหลืออยู่ในจิตใจของเขาอีกแล้ว เขาเพียงแต่คิดถึงแต่ การฆ่าฟัน เท่านั้น
ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวันที่สุดไปแล้ว !
ไม่มีความคิดอื่นใดที่อยู่เหนือไปกว่าการฆ่าฟันในจิตใจของเขา สิ่งเดียวที่เขาคิดได้คือ การฆ่าฟัน โดยไร้ความเมตตา และไม่มีข้อแม้อย่างใด เพียงแค่ ฆ่า เท่านั้น
” ฮู้ ….. ฮู้ …. ! “
ฉื่อหยาน หายใจออกมาอย่างรุนแรงเหมือนปีศาจฆาตกร อยู่ในห้องแรงโน้มถ่วงซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดของเขา ไม่มีความเมตตาใดๆหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขา และดูเหมือนว่าเขาจะสังหารสิ่งใดก็ได้ที่ปรากฏขึ้นมาในสายตา
” หยุดเดี้ยวนี้ ! ! ! ! ! ! “
นั่นเป็นเสียงที่ดังก้องในจิตใจของเขา มันดังออกมาอย่างรุนแรง ฉื่อหยานควบคุมควันสีขาวให้กลับเข้ามาในเส้นชีพจรของเขา
เขานั่งขัดสมาธิลงและ หลับตาลง เริ่มรวบรวมสมาธิ ชำระล้างความคิดในการฆ่าฟันที่อยู่ในจิตใจของเขาและค่อยๆควบคุมพลังงานเชิงลบในหัวให้กลับมาที่เส้นชีพจรของเขา
หลังจากผ่านไปเวลานาน
ฉื่อหยานก็เริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมอ แต่เขากลับรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก . จากนั้นเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ในแววตาของเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันไม่มีร่องรอยความเย็นชาหรือความกระหายเลือดหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
ในที่สุดข้าก็ สำเร็จขั้นแรกของ ‘ บ้าคลั่ง ‘ !
ในช่วงเวลานั้น ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงสภาพที่แท้จริงของ ‘ บ้าคลั่ง ‘ ในขั้นแรก
นอกจากมันจะเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาแล้ว มันยังเปลี่ยนแปลงจิตใจของเขาในทางที่น่ากลัวยิ่งขึ้นอีกด้วย
เขาเชื่อว่า หากเขาใช้งานมัน มันจะทำให้เขากลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่เย็นชา และสังหารทุกสิ่งได้อย่างเยือกเย็น
ในสภาวะเช่นนั้นความรู้สึกของเขาคงจะมีแค่ อยากจะฆ่าฟันเท่านั้น ! ทั้งหมดที่เขาคิดคือจะต้องฆ่าอย่างไรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มันช่างเป็นความรู้สึกที่เลือดเย็นยิ่งนัก !
นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไป !
ฉื่อหยาน ช่วยไม่ได้ที่จะร้องตะโกนอยู่ในจิตใจของเขาหลังจากที่เขาฟื้นสติกลับมา เขาสามารถจดจำสภาวะแปลกประหลาดนั้นได้อย่างชัดเจน เขาตระหนักว่าบางทีเขาอาจจะฝึกฝนผิดวิธี
การฝึกอบรมของ ‘ บ้าคลั่ง ‘ ควรเริ่มจากส่วนหัวและขั้นตอนการฝึกทั้งจะต้องประสาทสัมพัสจากสมอง เมื่อเขาเริ่มใช้ ‘ บ้าคลั่ง ‘ ภายในความคิดของเขา ร่างกายของเขาก็จะเปลี่ยนไปตามมัน
แต่เขากลับเริ่มฝึกจากมือ เท้า และร่างกายของเขาก่อน จากนั้นก็ค่อยมาฝึกที่ส่วนศีรษะของเขา เช่นนั้น ร่างของเขาจึงผอมแห้ง และรู้สึกเจ็บปวดในเส้นประสาทที่หัวของเขา
นี่เห็นได้ชัดว่าเขาได้ฝึกฝนในทางที่ผิด ดังนั้นเขาจึงมักจะเป็นลมหลายครั้งระหว่างหลายการฝึก
และตอนนี้เอง เขาก็ได้บรรลุก้าวสุดท้ายในขั้นแรกของ ‘ บ้าคลั่ง ‘ จนได้ . . . . . . .
ฉื่อหยานรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ไม่มีพลังงานใดหลงเหลืออยู่ เพื่อฝึกฝน ‘ ดรรชนีย์ทะลวง ‘ อีกต่อไป เขาต้องนั่งลงและฟื้นฟูตัวเองจากผลข้างเคียงของ ‘ บ้าคลั่ง ‘ โดยใช้จิตวิญญาณอมตะเสียก่อน
หลังจากพลังปราณลึกลับของเขากลับมาโคจรดั่งและฟื้นคืนมาเป็นส่วนมากแล้ว เขาก็พยายามที่จะโคจรพลังปราณลึกลับเพื่อให้ทะลวงผ่านม่านพลังป้องกันที่แหวนอีกครั้ง
เมื่อเร็วๆ นี้ เขามักจะพยายามที่จะทะลวงม่านป้องกันแหวนสีโลหิตอยู่บ่อยๆ เพื่อดูว่ามีความลับอะไรอื่นอีกที่อยู่ในภายในแหวน
แต่ทุกๆการทะลวงก็ล้วนแต่ล้มเหลว ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้งก็ตาม , เขาก็ไม่สามารถทะลวงม่านป้องกันนั้นได้
พลังปราณลึกลับของเขาจะถูกปิดกั้นโดยม่านพลังนั่น
และพลังปราณลึกลับของเขาก็จะถูกสะท้อนกลับออกมา ฉื่อหยานลุกขึ้นเดินไปที่มุมของห้องแรงโน้มถ่วง และหยิบหนังสือวิชาระดับวิญญาน ‘ หลุมแรงโน้มถ่วง ‘ ออกมาจากกระเป๋าของเขา
เขานั่งอยู่ที่มุมนั้น และ ก็ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับเปิดหนังสือทีละหน้า
เขารู้สึกขอบคุณเจ้าของร่างคนเก่าเป็นอย่างมากมากในตอนนี้ เขาสามารถอ่านหนังสือโบราณทั้งหมดได้ เป็นเพราะความรู้ของเจ้าเด็กนี่
และนอกจากเจ้าเด็กนี้แล้วไม่มีใครอื่นในตระกูลที่สามารถอ่านอักษรโบราณพวกนี้ได้เลย
โชคดีที่เด็กนี่สามารถอ่านออกได้ เหมือนกับว่าเจ้าเด็กนี่ได้ศึกษาพวกอักษรโบราณเพื่อมาแปลให้กับเขา
นี้ย่อมเป็นหนังสือวิชาต่อสู้ระดับวิญญาณแน่นอน
เขาไม่ได้พูดอะไร เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ให้ใครฟัง แม้แต่ฉื่อเจี้ยน หรือ หยางไห่ก็ตาม มันจะเป็นการยุ่งอยากหากเขาบอกออกไป
. . . . . . .
เขาอ่านอักขระโบราณเหล่านั้นอย่างช้าๆและแอบคิดในใจของเขา
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้หนานัก มันมีเพียงแค่ยี่สิบเจ็ดหน้า เขารีบอ่านเนื้อหาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
และปิดหนังสือลง ฉื่อหยานดูเหมือนกันกำลังคิดอะไรบางอย่าง และเขาก็พึมพำออกมา ” หนังสือเล่มนี้ย่อมเป็นวิชาระดับวิญญานแน่นอน มันเป็นวิชาที่แปลกประหลาดนัก คนๆหนึ่งจะต้องมีประเภทของพลังสองประเภทถึงจะฝึกมันได้ ” .
แม้ว่าวิชานี่จะไม่ได้เข้มงวดเรื่องระดับพลังแต่มันกลับเข้มงวดในเรื่องของประเภทของพลัง
แม้ว่านี่จะเป็นวิชาระดับวิญญาน , แต่นักรบระดับเริ่มต้นและก่อตั้งก็สามารถฝึกมันได้
แต่ว่ามันมีเพียงเงือนไขเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฝึกวิชานี้ได้ คือ คนผู้หนึ่งจะต้องมีพลังสองประเภทในร่างกาย
เมื่อพลังทั้งสองประเภทหลอมรวมกัน ๆ มันก็จะสร้างเป็นสนามหมุนวน และจึง สร้างเป็นแรงดึงดูดขึ้นมา
เมื่อสนามถูกสร้างขึ้นมา มันก็จะดึงดูดทุกๆคนแม้แต่ผู้สร้างเองก็ตาม
ภายใต้อำนาจของมัน ใครก็ตามที่อยู่ในจุดศูนย์กลางของมันจะต้องโดนบีบจนแหลกสะหลายกลายเป็นเนื้อบดทันที พลังปราณลึกลับของเขาจะถูกปิดกั้นไว้และพวกเขาจะไม่สามารถที่ใช้วิชาต่อสู้ของพวกเขาได้
ตามที่ผู้เขียนบอกในหนังสือ ‘ หลุมแรงโน้มถ่วง ‘ ยิ่งมีประเภทของพลังมากมายเท่าใด การฝึกฝนก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และพลังของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เช่นถ้าผู้ฝึกครอบครองพลัง 3-4 ประเภท สนามที่เขาสร้างขึ้น จะสามารถบดนักรบในระดับหายนะได้อย่างง่ายดาย
และเมื่อครอบครองพลัง5 ประเภท แม้แต่นักรบในระดับปฐพี ก็จะตกตายทันทีหากตกอยู่ภายใต้ วิชา หลุมแรงโน้มถ่วง นี่ !
ฉื่อหยานถือหนังสือแล้วคิดบางอย่าง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ขณะที่สายตาของเขาสดใสขึ้น
นักรบทั่วไป มีเพียงพลังหนึ่งประเภทในร่างกายของพวกเขาเท่านั้น และเฉพาะผู้ที่ครอบครองจิตวิญญานพิเศษเท่านั้นที่อาจจะมีพลังงานประเภทอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น ตี่ย่าหลาน ที่ครอบครองเปลวเพลิงอัคคีคราม
เห็นได้ชัดที่สุดคือนักรบทั่วไปไม่สามรถฝึกวิชาต่อสู้ระดับวิญญานนี้ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะได้ครอบครองพลังหลายประเภทในร่างกายของพวกเขา
โชคดีที่ฉื่อหยานเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยนั้น เขามีพลังงานเชิงลบอยู่มากในเส้นชีพจร มันแตกต่างออกไปจากพลังปราณลึกลับ เพราะเขาสามารถฝึกฝนได้โดยตรง
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 122 แล้วนะครับ แล้วก็มีกลุ่ม 3 แล้วด้วย เริ่มลงตอนที่ 126 แล้วนะครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ