เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 57 เข้ามาในมือ

บทที่ 57 เข้ามาในมือ

 

ในห้องหิน

ซั่วชู และฉื่อเจี้ยนดูจริงจัง ดวงตาพราวส่องแสง เขาจ้องมองอย่างจริงจังไปที่ซั่วฉือที่กดมือข้างหนึ่งลงในกระดองเต่า

ในฐานะหัวหน้าตระกูลซั่ว ซั่วชู รู้สึกตื่นแต้นเป็นอย่างมาก เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมมืออีกข้างไว้ และมุมปากก็กระตุก

ซั่วฉือนั้นเป็นความหวังในอนาคตจองตระกูลซั่ว ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังหรืออำนาจในอนาคตของตระกูลซั่ว หรือแม้กระทั่งความเจริญรุ่งเรืองด้านธุรกิจ ทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับซั่วฉือ !

ยิ่งซั่วฉื่อแข็งแกร่งมากเท่าใด ตระกูลซั่วก็จะมีอิทธิพลมากเท่านั้น ถ้านางอ่อนแอ ตระกูลซั่วไม่สามารถหลีกเลี่ยงการล่มสลายได้อย่างแน่นอน

มีตระกูลนับไม่ถ้วนที่ก่อตั้งขึ้นและหลายๆคนล้วนเป็นบุคคลสำคัญ แต่ละตระกูลจะต้องมีทายาทที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นอำนาจค้ำจุนเอาไว้

เหตุผลที่ เป่ยหมิงชาง ให้กุ้ยหยินและจิ่วฉานไปอยู่ข้างๆกับเป่ยหมิงเช้อ ก็เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเป่ยหมิงเช้อไว้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง วัตถุประสงค์หลักของพวกเขาคือความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลในอนาคตเท่านั้น

ฉื่อหยานจ้องดูอย่างเงียบๆ และในตอนนี้ เขาก็แอบสังเกตไปที่ปฏิกิริยาของซั่วชู

เขามีการเปลี่ยนแปลกเล็กน้อยกับการแสดงออกของซั่วชู เขาตระหนักว่า สำหรับซั่วชูแล้วซั่วฉือเป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดในตระกูลซั่ว นอกจากนี้เขายังตระหนักได้ว่านางจะสำคัญขนาดไหนเมื่อเป็นนางโตผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

. . . . . . .

สัญลักษณ์ประหลาดสีเขียวลอยออกมาจากกระดองเต่า และหายเข้าไปในร่างของ ซั่วฉือ

ซั่วฉือในตอนนี้นางกำลังหลับตาบางๆ และแสงสีเขียวอ่อนก็ครอบคลุมไปทั่วใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของนาง

จุดเล็กๆของแสงสว่างก็เพิ่มขึ้นทั่วใบหน้าของซั่วฉือ อย่างมีชีวิตชีวา เหมือนกับหิ่งห้อย จากนั้นมันก็เข้าไปในจิตใจของซั่วฉือ

สีหน้าของซั่วชูเปลี่ยนไปและเขาก็เกือบจะร้องอุทานออกมาเสียงดัง ด้วยสัญชาตญาณที่อยากก้าวไปข้างหน้าและปกป้อง ซั่วฉือไว้ , กลัวว่านางอาจจะตกอยู่ในอันตราย

” หยุด ! ! ! ! ! “

ฉื่อหยานก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน และเดินไปที่ซั่วชู และพูดเบาๆ ” อย่าได้กังวลไป ปู่ซั่ว ท่านวิตกมากเกินไปแล้ว “

ซั่วชู จ้องไปที่หน้าฉื่อหยานสักพักด้วยความประหลาดใจ ” เจ้าแน่ใจรึ ? “

” ถูกต้อง จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนางแน่นอน ” ฉื่อหยานพยักหน้าด้วยความมั่นใจ ” ประกายแสงเล็กๆที่ลอยออกมาจากกระดอง สมควรเป็นความทรงจำบางอย่าง ถ้าข้าเดาไม่ผิด มันอาจเป็นวิธีที่จะฝึกฝนบางอย่างจากคัมภีร์ก็เป็นได้ ดังนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นี่เป็นเพียงขั้นตอนการโอนถ่ายความทรงจำเท่านั้น”

เมื่อฉื่อหยานได้ฝึก [ บ้าคลั่ง ] จากแหวนสายโลหิต สภาพของเขาในตอนนั้นก็คล้ายคลึงกับตอนนี้มาก

ในเวลานั้น มีความทรงจำมากมายลอยออกมาจากแหวนสายโลหิตและมันก็บุกเข้าไปในจิตใจของเขา สร้างเป็นความทรงจำประทับอยู่ในหัวของเขา

เมื่อเขาได้ผ่านประสบการณ์เช่นนั้นมา และเมื่อเขามองไปที่ซั่วฉือ เขาจึงยังคงใจเย็นอยู่

” เจ้าบ้า อย่าพูดไร้สาระนะ นี่มันอาจจะเป็นเรื่องร้ายแรงเป็นอย่างมากก็เป็นได้ ! ” ฉื่อเจี้ยนตะโกนด้วยความโกรธ

ฉื่อเจี้ยนไม่มั่นใจ เขากลัวว่าฉื่อหยานจะประมาทและมันอาจก่อให้เกิดอันตรายกับซั่วฉือได้ เข้าไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งใดๆกับตระกูลฉื่อและตระกูลซั่ว !

ตั้งแต่ตระกูลซั่วได้สนิทกับชิเสี่ยวเพราะซั่วฉือ พวกเขาก็เริ่มที่จะแข่งขันกับตระกูลเป่ยหมิงทันที ตระกูลฉื่อนั้นต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่งพอ ที่จะต่อกรกับตระกูลอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นกับตระกูล โม่ หรือ ตระกูลเป่ยหมิง ,

ฉื่อเจี้ยนนั้นไม่อยากจะเป็นผิดใจกับตระกูลซั่วจริงๆ

” อย่าได้กังวลไป ซั่วฉือจะปลอดภัยแน่นอน ท่านวางใจได้ . ” ฉื่อหยานกล่าว อย่างมีความสุขขณะจ้องไปที่ซั่วชู ” ยินดีด้วย ปู่ซั่ว เวลานี้ซั่วฉือย่อมต้องได้รับประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ท่านเตรียมหัวเราะออกมาได้เลย “

” เจ้าสารเลวน้อย . . . ” หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ซั่วชู จึงหัวเราะขึ้น ” ฮ่า ฮ่า หากเป็นเช่นที่เจ้าพูดหละก็ ถือว่าพวกข้าติดหนี้เจ้าครั้งใหญ่เลยหละ เจ้าสารเลวน้อย. . . “

” ปู่ซั่ว ครั้งนี้ท่านจะต้องติดหนี้ข้าแล้ว”

ซั่วฉือก็เปิดตาของนางขึ้นและยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้นนางก็กล่าวว่า ” บรรดาแสงเหล่านั่นต่างเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ [ คัมภีร์หินลาวา ] ตอนนี้พวกมันได้ปรากฏขึ้นมาในใจของข้า ข้านั้นรู้วิธีการฝึกต่างๆของ [ คัมภีร์หินลาวา ] ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้ “

” มันเป็นวิชาระดับใดรึ ? ” ซั่วซูถามอย่างจริงจัง เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากมาก จนแทบจะกระโดดไปมา

ซั่วฉือส่ายหัวและ กล่าวว่า ” ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน ทั้งหมดที่ข้าได้รับก็คือวิธีการบ่มเพาะ [ คัมภีร์หินลาวา ] เท่านั้น และมันก็ไม่ได้บอกถึงระดับของมันแต่อย่างใด .

” ตัวอักษรที่จารึกอยู่บนกระดองนั่นดูเก่าแก่เป็นอย่างมาก ! สมควรเป็นวิชาต่อสู้ของคนในยุคก่อน ในขณะเดียวกัน มันไม่สมควรจะฝึกฝนได้ง่ายนักหากเทียบกับวิชาในยุคปัจจุบัน . . . ” ฉื่อหยานยิ้มและก็อธิบาย ” แต่วิชาในยุคเก่าแก่นั้นย่อมลึกล้ำมากกว่าวิชาปัจจุบันแน่นอน คราวนี้ซั่วฉือช่างโชคดีจริงๆ “

” ฮ่า ฮ่า “

ซั่วชู หัวเราะครื้นเครง และตบไปที่ไหล่ของฉื่อหยาน และกล่าวว่า ” เจ้าเด็กบ้า ช่วยไม่ได้นะ ครั้งนี้ข้าติดหนี้เจ้าแล้วจริงๆ ! ตระกูลฉื่อมีอัจฉริยะเช่นเจ้า ใยจะต้องกังวลเกี่ยวกับพลังและอำนาจในอนาคตอีกหละ “

 

ฉื่อเจี้ยน ดวงตาสดใส เขาแอบมองไปที่ ซั่วฉือ และคิดบางอย่าง ใบหน้าของเขาสว่างขึ้นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

” แกร๊กกก…. แกร๊กก ! “

เมื่อซั่วฉือยกมือของนางออกจากกระดองเต่า มันก็เกิดรอยแยกและแตกเป็นชิ้นส่วนของกระดองออกมาเป็นเหมือนเกราะ

ชิ้นส่วนเกราะเหล่านี้บางชิ้นมีขนาดบางและส่องแสงสีเขียวแปลกๆออกมา มีหนึ่งชิ้นมีลักษณะคล้ายหัวมังกระ และอีกชิ้นมีรูปร่างคล้ายกับหางมังกร . พวกมันทั้งสองดูเหมือนกับเกราะส่วนไหล่ และที่แปลกมากไปกว่านั้นคือ

ในช่วงกลางของเกราะมีเม็ดยาสามเม็ดขนาดเท่าลูกวอลนัทอยู่ เม็ดยานั้นส่องแสงสีเขียวออกมา เม็ดเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนเต่าแต่มีหัวเป็นมังกร พวกมันดูราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่

เม็ดยาทั้งสามกระจายกลิ่นหอมสดชื่นออกมาอย่างรุนแรง เพียงแค่สูดดมเข้าไปเล็กน้อย ก็ทำให้ร่างกายรู้สึกถูกกระตุ้นได้

” เม็ดยาทั้งสามย่อมเป็น เม็ดยาเต่ามั่งกร มันจะทรงอนุภาพอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อใช้กับการบ่มเพาะ [ คัมภีร์หินลาวา ] ส่วน ชุดเกราะเต่ามังกรนั้น ว่ากันว่ามีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ” ซั่วฉือหยิบยาทั้งสามเม็ดขึ้นมา และเก็บพวกมันทั้งหมดเข้าไปและกล่าวว่า ” เมื่อข้าเริ่มบ่มเพราะ [ คัมภีร์หินลาวา ] ข้าจะต้องใช้เม็ดยาเต่ามังกรพวกนี้ เม็ดยาทั้งสามจะช่วยข้าในการฝึกฝน . “

สีหน้าของซั่วชูดูตื่นเต้น เขาตบมือและหัวเราะด้วยความตื่นเต้น

ที่จริงฉื่อเจี้ยน ค่อนข้างรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง ที่เห็นซั่วฉือหยิบเอาเม็ดยาทั้งหมดไป เขากดริมฝีปากของเขาลงก่อนที่จะพูดอะไร ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพึมพำออกมา ” ฉื่อหยานก็มีส่วนในการช่วยเหลือเช่นนั้นนินา . . . . . . . “

” เขาสามารถรับเกราะเต่ามังกรไปได้ ” ซั่วฉือแตะเบาๆไปที่ชุดเกราะที่อยู่บนพื้นดิน , คิ้วของนางขมวดนิดหน่อยและนางก็หัวเราะออกมาอย่างน่ารัก ” หิหิ ข้าไม่อยากสวมชุดเกราะกระดองที่ดูหนักนี่หลอกนะ ! เจ้ารับไปเถอะ .

ฉื่อเจี้ยนจ้องไปที่ฉื่อหยานอย่างร้อนใจ และเรียกร้องให้เขารับชุดเกราะเต่ามังกรมานั้นมาแต่โดยดี

” ตกลงเช่นนั้นก็ได้ เจ้ารับชุดเกราะนี่ไป ” ซั่วชูกัดฟันและเขาก็ดูลังเล แม้ว่าเขาชอบฉื่อหยานมาก แต่เขาก็ยังไม่อยากจะทิ้งเกราะเต่ามังกรไป

ฉื่อหยานยังคงยืนอยู่และส่ายหัวของเขา ” ข้าไม่ต้องการมัน จิตวิญญานต่อสู้ของตระกูลฉื่อเชี่ยวชาญในด้านป้องกัน , ข้าไม่ต้องการที่จะสวมชุดเกราะเต่ามังกรที่ดูหนักนี่เช่นกัน “

” เจ้า ! ” ฉื่อเจี้ยนอารมณ์เสีย เขากระทืบเท้าและตะโกนออกมา , ” อกตัญญู ! “

” ถ้าเจ้าไม่อยากได้มัน เจ้าก็นำไปให้ผู้อื่นก็ได้ เจ้าโง่ ! ” ฉื่อเจี้ยนสาปแช่งในใจของเขาโดยไม่พูดออกมา

” ฮ่า ฮ่า เจ้าหนู ! ข้าชื่นชอบเจ้ายิ่งนัก ! ” ซั่วซูหัวเราะแล้วยักคิ้วของเขาไปที่ ฉือเจี้ยน , ” มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากมอบมันให้เขานะ แต่ฉื่อหยานปฏิเสธข้อเสนอนี้เอง ตอนนี้เจ้าโทษข้าไม่ได้นะ ” เขาพูดและรีบหยิบเกราะเต่ามังกรขึ้นมา ด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากๆของเขา

” หึหึ ท่านปู่ ถ้าท่านสวมเกราะเต่ามังกรนั่นข้าพนันได้เลยว่าท่านจะต้องดูเหมือนเต่าแก่ๆตัวใหญ่แน่นอน , ไม่เชื่อท่านก็ลองสวมดูสิ ” ซั่วฉือหัวเราะออกมา .

” ถูกต้อง นางพูดถูก ไหนน้องซั่ว ? เจ้าลองสวมดูสิ ” ฉื่อเจี้ยนกล่าวอย่างมีความสุข และแอบรู้สึกสะใจเล็กๆ

” หยาบคาย ! เจ้าพวกบ้า เจ้าเอาอะไรมาพูด ? ” หน้าซั่วชูหมองลง เขาจ้องไปที่ ซั่วฉือ , ” ถ้าเจ้ายังพูดจาบ้าๆเช่นนี้ คราวหน้าข้าจะไม่มารับเจ้าที่ภูเขาเมฆาอีกและข้าจะปล่อยให้เจ้าเบื่อตายกับชิเสี่ยวเลย ! “

” ข้าไม่ทำแล้วก็ได้ ” ซั่วฉือแลบลิ้นของนางออกมา

” อะแห่ม ! พี่ใหญ่ เช่นนั้น พวกข้าเองก็ได้เวลาไปกันแล้ว ” ซั่วชู อมยิ้มและมองไปที่ฉื่อเจี้ยน และพูดว่า ” อย่าได้กังวลไป คนของตระกูลเรา กำลังเฝ้าดูป่าทมิฬอยู่ ถ้ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับ การู ข้าจะส่งคนมาบอกท่านทันที เช่นเดียวกัน หากพวกเจ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็สามารถบอกข้าได้ “

” แน่นอน เฮ้อ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าการูจะขโมยชิ้นส่วนรูปภาพจากอาจารย์ของมัน มู่ชุน มาได้ ในตอนนี้ที่ศาลาหมอกก็ปรากฏอีกส่วนหนึ่ง ใครก็ตามที่สามารถรวบรวมชิ้นส่วนทั้งสองได้ มันก็ไม่ยากที่จะสถานที่ ที่ประตูสวรรค์ปรากฏขึ้นมา แต่ตอนนี้ช่างโชคร้ายนัก . . . . . . . ” ฉื่อเจี้ยน สีหน้าเต็มไปด้วยโศกเศร้า

” การูงั้นรึ ? ” ฉื่อหยานขมวดคิ้ว และกระซิบ เขาคิดอย่างรอบคอบและถามออกไป ” ใช่การู ที่เป็นนักกลั่นสกัดระดับห้าหรือไม่ “

” ถูกต้อง เจ้ารู้จักการูงั้นรึ ? ” ซั่วชู สงสัย

” เขาเป็นคนสำคัญเช่นนั้นรึ ? ” ฉื่อหยาน ไม่ตอบ และถามออกไป

” จริงๆมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ที่สำคัญหนะจริงๆแล้วคือที่ซ่อนสมบัติ ภาพวาด’ ประตูสวรรค์ ‘ ต่างหาก นั่นหนะเป็นเรื่องสำคัญมาก ! ” ซั่วชู กล่าว

” อ๋อ ถ้าเช่นนั้นหละก็ ข้าได้สังหารเขาไปแล้ว และแผนที่ รวมถึงสมบัติอื่นๆของเขาตอนนี้ก็อยู่กับข้าเช่นกัน .

” เจ้าว่าอะไรนะ ? ! “

ซั่วชู , ฉื่อเจี้ยน และซั่วฉือทั้งหมดล้วนดวงตาเปิดกว้างด้วยความตกใจพร้อมกับอุทานออกมาเสียงดังอย่างพร้อมเพียง

––––––––––––––––––––––––

ปล. ลงอีกที วันที่ 14/4/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 144 แล้วนะครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset