เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 59 สถานการณ์ที่วุ่นวาย

บทที่ 59 สถานการณ์ที่วุ่นวาย

 

ณ ศาลาเหมันตระกูลเป่ยหมิง

ศาลาเหมันสร้างมาจากหินน้ำแข็งตามธรรมชาติซึ่งมีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นวันในฤดูร้อนก็ตาม มันก็ยังคงแผ่พลังงานความเย็นออกมา

ศาลาเหมันถูกสร้างขึ้นมาเก้าชั้นแต่ระชั้นสูงถึงสิบจาง และเต็มไปด้วยอากาศหนาวเย็น มันดูคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง

[ ปล . หนึ่งจาง ประมาณสิบฟุต ]

ที่นี่เป่ยหมิงชางมักจะใช้เป็นที่ฝึกฝน

ตระกูลเป่ยหมิงครอบครองจิตวิญญานขั้วเหมันอัคคี มันเป็นพลังความเย็นโดยธรรมชาติ การบ่มเพาะพลังในศาลาเหมันที่ทำมาจากหินน้ำแข็งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของจิตวิญญานขั้วเหมันอัคคีเป็นอย่างมาก

โดยปกติแล้ว หากไม่ใช่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมบัติลับ มันก็จะไม่ออกมาจากศาลาแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนในตระกูลเป่ยหมิงหากผู้ใดต้องการจะพบมัน จะต้องทนพลังความเย็นของศาลาเหมันและขึ้นมาชั้นบนเพื่อมาพบกับเขา

เป่ยหมิง ชางนั้นไม่เคยที่จะนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น ผู้อื่นเท่านั้นที่จะต้องทำตามความรู้สึกของเขา

เมื่อคุณขึ้นไปในชั้นที่สูงขึ้นของศาลาเหมัน พลังงานความเย็นของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อบุตรชาย หรือคนในตระกูลเป่ยหมิงต้องการเข้าพบ พวกเขาจะต้องรออยู่ในชั้นที่ 3-4 เท่านั้น ในชั้นที่สูงขึ้นไป มันเป็นเรื่องยากอย่างมากกับร่างกายของพวกเขา

ที่ชั้น 6 ในศาลาเหมัน

จุดศูนย์กลางของชั้รที่ล้อมรอบไปด้วยเสาน้ำแข็ง เป่ยหมิงชางกำลังนั่งอยู่ ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานความเย็น เสาน้ำแข็งในชั้นที่หกนั้น มันแปลกประหลาดออกไป มันเป็นน้ำแข็งที่เผาไหมเหมือนกับเปลวไฟมันมีความหนาวเย็นเป็นอย่างมากอาจถึงขั้นละลายกระดูกได้

เป็นโม่ตั่วย่นคิ้วที่ย่นคิ้วและยืนอยู่ตรงข้ามกับเป่ยหมิงชางและ ข้างๆมันคือเป่ยหมิงเช้อผู้หล่อเหลา

มีหยินกวยและจิ่วซานยินเป็นเงาเหมือนภูติผีอยู่ข้างๆ , พวกมันนั่งอยู่ที่ด้านหลังของเสาน้ำแข็ง และลดหัวลง เหมือนกับว่าพวกมันกำลังหลับอยู่

นักรบคนหนึ่งได้เดินนำ มู่หยู่เตี๋ย และตี่ย่าหลานเข้ามาในชั้นที่หกของศาลาเหมัน

และพลังงานความเย็นในชั้นนี้มีมากกว่าในชั้นที่ห้าถึงสองเท้า !

เมื่อนางทั้งสองได้ก้าวเข้าสู่ชั้นที่หก ร่างกายที่บอบบางของพวกนางก็หนาวสั่น เท้าของพวกนางค่อยๆเหยียบเข้าไปในพื้นน้ำแข็ง ส่วนแขนและขาของพวกนางเริ่มที่จะแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ

” เจ้าช่วยรอตรงนี้ก่อนนะ ” เป่ยหมิงเช้อ ก้าวไปข้างหน้าและจ้องไปทางมู่หยู่เตี๋ยอย่างมีความหมาย ” นี่คือท่านปู่ของข้า และนี่ . . . . . . . คือ ท่านหัวหน้าตระกูลโม่ “

มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ใบหน้าของพวกนางเปลี่ยนไป เมื่อพวกนางมองไปที่โม่ตั่ว , ปฏิกิริยาของพวกนางก็กลายเป็นแข็งทื่อ

ความตายของลั่วฮ่าวและหู้หลงนั้นสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน นอกจากจะถูกเบอร์นาร์ดและนักฆ่าจันทร์เสี้ยวจากโลกมืดโจมตีแล้ว ยังมีสายฟ้าผ่าลงมาจากบนฟ้าตามมาอีกครั้ง

หลังจากนั้นนางทั้งสองก็เห็นโม่ช่าวเกอปรากฏตัวขึ้น พวกนางรู้ทันทีเลยว่าต้องเป็นฝีมือของโม่ช่าวเกอแน่นอนที่สังหารลั่วฮ่าว

แต่น่าเสียดายที่ตระกูลโม่นั่นถือได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ และพวกมันยังมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเป่ยหมิงอีก เมื่อตอนนั้น ที่้เป่ยหมิงเช้อได้ตะโกนให้คนจากตระกูลโม่จากไป ก็เพราะว่ามันไม่อยากที่จะผิดใจกับตระกูลโม่เท่านั่นเอง และมันก็ไม่อยากจะบอกพวกนางทั้งสองตรงๆ

แต่ตอนนี้พวกนางก็ได้มาพบหัวหน้าตระกูลโม่ เพราะการเรียกมาของตระกูลเป่ยหมิง มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เป่ยหมิงชางยังอยู่ด้านหน้าพวกนาง พวกนางจึงไม่อยากที่จะทำให้เขาโกรธนัก พวกนางจึงเก็บความเกลียดชังไว้อย่างลับๆ

” ดีใจที่พบท่าน ท่านปู่ชาง ” มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ต่างก็ก้มหัวให้ เป่ยหมิง ชาง และจงใจที่จะเมินโม่ตั่ว .

โม่ตั่วยังคงสงบ และมีรอยยิ้มปรากฏออกมาเล็กน้อยบนริมฝีปากของมัน มันเองก็ไม่สนใจอะไรเช่นกัน

” ข้าได้ยินว่าเมื่อตอนที่เจ้าทั้งสองยังคงอยู่ในป่าทมิฬ เจ้าร่วมเดินทางกับชายผู้หนึ่งระยะเวลาหนึ่ง ข้าอยากจะทราบเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเจ้านั่น เจ้าพอจะรู้อะไรบ้างหรือไม่ ” เป่ยหมิงชางพูดเบาๆ พยักหน้าไม่แสดงอาการอะไรออกมา และถามออกไปตรงๆ

หัวใจมู่หยู่เตี๋ยก็สั่นระรัว นางลังเลสักพัก แล้วกล่าวว่า ” ข้ารู้บางอย่างเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับนักรบคนนั้น แล้วท่านปู่ชางมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับชายคนนั้นรึ ? “

” มันได้เอาของบางสิ่งที่ข้าต้องการไป ” เป่ยหมิงชางย่นคิ้วของเขาและกล่าวว่า ” เจ้ารู้หรือไม่มันอยู่ที่ใด ? “

มู่หยู่เตี๋ยสั่นศีรษะ และตอบ ” ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน เราบังเอิญเจอเขาระหว่างเดินทาง และเราก็ได้เดินทางร่วมกัน เพราะเราต่างก็หวาดกลัวสัตว์อสูรและคนเลว สำหรับพื้นหลังของคนๆนี้ ข้าไม่สามารถทราบได้ ที่ข้ารู้ทั้งหมดก็คือ เขาชื่อ ติงหยาน และข้าคิดว่าเขาเป็นนักรบธรรมดาที่มาจากสมาคมการค้า “

” ติงหยาน . . . . . . . ” เป่ยหมิงชาง พยักหน้า หยุดสักครู่และกล่าวว่า ” เจ้ารู้จักแคว้นที่เขาจากมา หรือจุดหมายที่เขาจะไปหรือไม่ ? “

” ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ” มู่หยู่เตี๋ยส่ายหน้าอีกครั้ง

 

เป่ยหมิงชาง จู่ๆก็เงียบไป หลังจากนั้น เขาพูดอย่างแผ่วเบา ” เอาหละ ไม่มีอะไรแล้ว อีกไม่นานจะมีการจัดงานประลองขึ้น เจ้าทั้งสองและเป่ยหมิงเช้อควรไปชื่นชมการประลอง พวกเจ้าเอาแต่อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะเบื่อหน่ายเอา ปู่ของเจ้ากับข้าเป็นมิตรสหายกันและตอนนี้เขาได้จากไปแล้ว แน่นอนว่าในตอนนี้ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง อย่าได้กังวลเกี่ยวกับพวกโลกทมิฬเลย พวกมันไม่สามารถแตะต้องเจ้าได้หากเจ้ายังอยู่ในสมาคมการค้าแห่งนี้ “

” ขอบพระคุณค่ะ ท่านปู่ชาง ” มู่หยู่เตี๋ย น้ำตาซึมออกมา นางสะอื้นเสียงเบา ๆ ” เมื่อใดก็ตามที่ข้าคิดถึงเรื่องที่เกิดกับตระกูล ภาพในตอนนั้นจะปรากฏขึ้นมาเสมอ ข้าเห็นผู้คนถูกเผาทั้งเป็น ผู้คนในตระกูลนับร้อยต่างถูกสังหารให้ตกตายทันทีในค่ำคืนนั้น ท่านปู่ชาง ท่านต้องช่วยข้าล้างแค้นนะ “

” เจ้าอย่าได้รีบร้อนเช่นนี้ เราจะคุยเรื่องนี้กันอีกทีในภายหลัง ” เป่ยหมิงชางพยักหน้าและโบกมือของเขา และก็กล่าวว่า ” เจ้าไปพักผ่อนเถอะ เรื่องนี้ยังคงยากเกินไปสำหรับระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ มันมากเกินกว่าที่จะเจ้าแบกรับไหวนัก “

” ค่ะ ” มู่หยู่เตี๋ยไม่ได้พูดอะไรต่อ และจมลงไปในความคิด และค่อย ๆดึงไปที่เสื้อของ ตี่ย่าหลาน . แล้วทั้งสองก็จากไป

” ข้าคิดว่านางกำลังปกปิดความจริงบางอย่างอยู่ ” หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองจากไป โม่ตั่วพูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว : ” หากทราบเพียงแค่ชื่ิอ นั้นก็เป็นเรื่องยากมากที่จะตามหามัน .”

” เช้อเอ๋อ , เจ้าคิดว่าไง ? ” เป่ยหมิงชางมองไปที่เป่ยหมิงเช้อ

” พวกนางดูไม่เหมือนกำลังโกหก ข้าเองก็เคยถามนางแล้วเช่นกัน ท่านปู่อย่าได้กังวล ชิ้นส่วนอีกชิ้นยังคงอยู่ที่ศาลาหมอก เราไม่ต้องรีบร้อนไป ” เป่ยหมิงเช้อ ตอบ

เป่ยหมิงชางพยักหน้าและบอกว่า ” ตกลง เช่นนั้นเจ้าก็ไปจับตาดูนางทั้งสองเอาไว้ จำไว้ว่าอย่าได้ทำสิ่งใด หากข้าไม่ได้สั่ง ข้าไม่อยากให้เจ้ากลายเป็นเครื่องมือของผู้อื่น เข้าใจมั้ย ? “

” ข้าทราบแล้ว ท่านปู่ ” เป่ยหมิงเช้อ ยิ้ม

” น้องโม่ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะแจ้งไปที่ตระกูลฉื่อ และ ตระกูลซั่ว วานให้พวกเขาช่วยตามหาเจ้าคนที่ชื่อ ติงหยาน และ ก็อย่าได้กังวล ข้าจะใช้ชื่อของข้าในการตามหามันเอง เจ้าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ” เป่ยหมิงชางพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ” หากตระกูลทั้ง ห้าในสมาคมการค้าร่วมมือกัน ข้าไม่เชื่อว่าเราจะไม่สามารถตามหาเจ้าสามัญชนนั้นได้ ! ฮึ เมื่อใดก็ตามที่ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาเจ้าสารเลวนั้นหละก็ ตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่มีทางหนีพ้นแน่ .

” ตกลง เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน ” โม่ตั่วพยักหน้าโดยปราศจากความกังวล

” เช้อเอ๋อ จับตาดูตระกูลฉือกับตระกูลซั่วไว้ ตอนนี้ตระกูลซั่วใกล้ชิดกับชิเสี่ยวเป็นอย่างมาก ถ้าเจ้าสามารถนำซั่วฉือมาเป็นภรรยาได้หละก็ เราก็มิต้องกังวลว่าจะมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ” หลังจากโม่ตั่วจากไป เป่ยหมิงชางมองไปที่เป่ยหมิงเช้อ , และกล่าวว่า , ” นางค่อนข้างมีพรสวรรค์ที่พิเศษนัก นางชื่อซั่วฉือ นางเป็นเด็กสาวที่งดงาม แต่ก็ค่อนข้างเอาแต่ใจเลยทีเดียว ถ้าเจ้าสามารถควบคุบนางได้หละก็ เจ้าเฒ่าซั่วก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน และพวกมันจะต้องร่วมมือกับตระกูลเป่ยหมิงอย่างไม่มีทางเลือก”

” อย่าได้กังวลไปท่านปู่ ข้าจะใช้เวลาไม่นาน . ” เป่ยหมิงเช้อ กล่าวด้วยความมั่นใจ

เป่ยหมิงเช้อพยักหน้า , อย่างต่อเนื่อง , ” ถึงแม้ มู่หยู่เตี๋ย จะเป็นหญิงสาวที่มีพรสวรรค์เช่นกัน แต่จิตวิญญานแห่งเสียงเพลงของนางนั้น ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันของตระกูลเป่ยหมิงเรา แต่อย่างไร ตี่ย่าหลานนั้นมีจิตวิญญานอัคคีคราม มันอาจจะสนับสนุนจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันของเราได้ ดังนั้นเจ้าต้องจับตาดูนางไว้ให้ดี และหากเจ้าสามารถสร้างความสัมพันธ์กับนางได้ นางก็อาจจะให้กำเนิดลูกหลานที่โดดเด่นแก่ตระกูลเป่ยหมิงของเรา”

” อย่าได้กังวลไปท่านปู่ สิ่งที่ข้าหมายตาไว้ไม่เคยหนีรอดไปได้ ” .

” เช่นนั้นก็ดี ในตอนนี้พวกนางยังอยู่ในตระกูลเป่ยหมิงของเรา และยังไม่คิดจะจากไป เช่นนั้นข้าก็จะไม่กังวล”

. . . . . . .

ที่ตระกูลซั่ว

ซั่วชู อยู่ในห้องของเขา กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มชา อย่างสบายใจ ด้านหลังของเขา มีเงาดำก็คุกเข่าอยู่ และ เขาก็รายงานว่า ” เป่ยหมิงชางส่งสารมาว่า ให้เราตามหาคนที่ชื่อ ติงหยาน เขาได้บอกว่ามันนั้น ได้ขโมยของบางอย่าไปจากตระกูลเป่ยหมิง และหากสามารถจับตัวมันได้ ก็จะมอบอาวุธระดับลึกลับห้าชิ้นให้แก่รุ่นเยาว์ของเรา ” .

” อาวุธระดับลึกลับห้าชิ้นรึ ” จั่วชู จิบชาแล้วยิ้ม ” เป่ยหมิงชางปกติแล้วเป็นคนขี้เหนียว แต่ตอนนี้กลับใช้อาวุธระดับลึกลับห้าชิ้นเพื่อตามหาคนที่ครอบครองภาพวาด ‘ ประตูแห่งสวรรค์ ‘ เขาช่างใจกว้างจริงๆ “

“นายท่าน เราควรจะทำอย่างไรดี ? “

“แน่นอน ว่าเราต้องออกตามหาเขาสิ ให้คนของเรากระจายข่าวออกไปตามแคว้นต่างๆ แต่อย่าได้พยายามมากเกินไป เพียงแค่สุ่มหาคนที่ชื่อ ติงหยาน มาให้พวกมันไม่สงสัยก็พอ “

” ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว “

. . . . . . .

ตระกูลฉื่อ

ฉื่อเจี้ยน เองก็ได้รับข้อความเดียวกัน เขาถือซองจดหมายไว้ และพูดเยาะเย้ย ” โม่ตั่วคงไปคุยกับเป่ยหมิงชางแล้วสินะ ฮึ่ม ! โชคดีที่เจ้าฉื่อหยานบอกความจริงกับข้าก่อน มิเช่นนั้นข้าคงจะหลงผิดอย่างแน่นอน เป่ยหมิงชางนะเป่ยหมิงชาง เจ้าหนะไม่รู้อะไรเสียแล้วว่าติงหยานหนะคือฉื่อหยานของข้า เจ้าบอกให้ข้าตามหาเขา ได้ ฮ่าฮ่า ข้าจะช่วยเจ้าเอง “

” ท่านจะทำอะไรรึ ? ” ฮันเฟิงกระซิบ

” หาทางติดต่อกับพวกตระกูลโม่สะ ข้าจะทำให้พวกมันใบ้กินไปเลย เราจะส่งคนที่ชื่อติงหยานทั้งหมดไปให้พวกมันกับตระกูลโม่เอง ”

 

. . . . . . .

ตระกูลต่างๆ ตระกูลเป่ยหมิง ตระกูลซั่ว ตระกูลโม่ตระกูล ฉื่อ ,และ ตระกูลหลิง ตระกูลใหญ่ทั้งห้า เริ่มกระจายข่าวและแอบค้นหาชายที่ชื่อติงหยานในระแวกเมืองใกล้ๆทันที

และมีรางวัลให้สำหรับผู้ที่พบชายที่ชื่อ ติงหยาน

ในเวลาอันสั้น ชื่อของ ‘ ติงหยาน ‘ ก็ได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

หลายคนที่ชื่อ ‘ ติงหยาน ‘ ต่างก็ประสบเคราะห์กรรมถูกตระกูลทั้งห้าจับตัวไป และก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้ชื่อ

” ติง หยาน ” แต่พวกมันเกี่ยวข้องกับตระกูลโม่ พวกมันนั้นประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด พวกมันถูกตีจนพิการ ถูกบังคับให้ปิดปากเงียบ และถูกส่งไปที่ตระกูลเป่ยหมิง

เนื่องจากการประลองกำลังจะเริ่มขึ้น นักรบหลายคนในสมาคมการค้าต่างก็บดหมัดของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมอย่างหึกเหิม และยังมีเหล่านักรบจากแดนไกล ที่เดินทางมาหลายพันไมล์เพื่อมาเข้าร่วมงานประลองนี้อีกด้วย

และสิ่งที่ตลกก็คือ มีนักรบเป็นจำนวนมากที่ชื่อติงหยาน ได้เข้ามาในสมาคมการค้า และพวกมันก็ถูกจับไปให้ตระกูลทั้งห้าทันที

หลังจากคืนนั้น ‘ ติงหยาน ‘ ก็กลายเป็นชื่อของจอมวายร้าย ซึ่งทุกคนเมื่อได้ยินชื่อนี้ต่างก็จะลุมจู่โจมทันที

และต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องก็คือ ฉื่อหยาน ที่กำลังนักพักอยู่ในห้องแรงโน้มถ่วงในตระกูลฉื่อ เขาฝึกฝนโดยการทิ่มไปที่กระสอบทรายโลหะทุกวัน วันละหมื่นครั้ง

” ปุก ปุก ! “

ฉื่อหยานแทงนิ้วทั้งห้าของเขาตรงออกไป แขนของเขาทะลุลึกเข้าไปในใจกลางของกระสอบทรายโลหะ เขาดึงแขนของเขาและนิ้วทั้งห้าออกมา นิ้วของเขาสะท้อนแสงเงาประหลาดออกมาพร้อมกับบรรยากาศที่เย็นยะเยี้ยบมันดูเหมือนกับใบมีดแหลมคมที่ทำจากเหล็กกล้า ซึ่งมันดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

” หึ ! การประลองกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า และ พายุลูกใหญ่ที่ศาลาหมอกก็กำลังจะมาถึง [ ดรรชนีย์ทะลวง ] ของข้าในที่สุดก็ประสบความสำเร็จแล้วบางส่วน”

––––––––––––––––––––––––

ปล. ลงอีกที วันที่ 18/4/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 148 แล้วนะครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset