เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 70 เป็นจุดสนใจ

บทที่ 70 เป็นจุดสนใจ

 

” การประลองเริ่มได้ ! ! “

กรรมการก็ได้ประกาศเริ่มการประลองอย่างเป็นทางการ

โม่ซานสวมใส่รอยยิ้มที่เยือกเย็นและหยิ่งยโส

ในทันที กระแสไฟฟ้าก็ไหลออกมาจากร่างกายขอมันรูปร่างของมันคล้ายกับอสรพิษแต่มันเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้า

อสรพิษสายฟ้าพันไปรอบๆร่างกายของโม่ซาน ซึ่งทำให้มันดูเจิดจ้าขึ้นมาทันที

โม่ซาน นักรบในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง , ยืนอยู่ในสนามประลองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ในขณะที่อสรพิษสายฟ้าพันอยู่ทั่วร่างกายของมัน ส่งประกายสายฟ้าแล่บออกมา ซึ่งดูก็รู้แล้วว่าสายฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่าของโม่หยานหยู และ โม่ฉี มากนัก .

ใบหน้าของมันค่อยๆซีดลง และ อสรพิษสายฟ้าก็บิดไปรอบๆร่างกายของเขา มันดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากเหมือนกับว่ามันกำลังจะกลืนกินอะไรสักอย่าง

” จิตวิญญานกายาแข็งถือได้ว่าเป็นจิตวิญญานต่อสู้ระยะประชิดที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาคมการค้า หึหึ ข้าจะให้โอกาศเจ้า มานี่ข้าจะเข้าไปใกล้ๆเจ้าเอง ! ” โม่ซานยังคงยืนอยู่และระเบิดเสียงหัวเราะออกมากด้วยความจองหอง และใบหน้าของมันก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มันไม่สนใจฉื่อหยานแม้เพียงนิด

” เจ้านั่นช่างหยิ่งยโสนัก “

” ถูกต้อง มันหยิ่งยโสนักเกินไป แต่ด้วยจิตวิญญานสายฟ้าของตระกูลโม่นั้นแข็งแกร่งเกินไป . . . ผลที่ได้ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว “

” ถูกต้อง ตระกูลฉื่อจะต้องพ่ายแพ้ราบคาบแน่นอน ” .

” . . . . . . . “

รอบๆสนามประลอง เหล่านักรบที่ยืนอยู่บนแผ่นหินเขียวต่างก็สั่นศีรษะของพวกเขา และคิดว่าฉื่อหยานนั้นไม่สามารถเอาชนะโม่ซานได้แน่นอน .

แม้แต่คนตระกูลฉื่อเองต่างก็อามรมณ์เสียและ ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง

” อืม “

ด้วยสายตาที่เฉยเมยมองฉื่อหยาน เขาแสยะยิ้มและก้าวเดินไปที่โม่ซานอย่างสบายๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไป ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเกร็งขึ้น ผิวของเขากลายเป็นสีเทา

ก่อนที่เขาจะด้าวเข้ามาที่สนามปะลอง ฉื่อหยานได้ถาผงบางอย่างบนร่างกายของเขา

แป้งนั้นไม่ได้ช่วยอะไรนอกจาก เปลี่ยนสีผิวของจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเท่านั้น เพื่อให้มันดูเป็นสีเทาถึงแม้ว่าจิตวิญญานกายาแข็งของเขาจะอยู่ในขั้นที่สองก็ตาม

ฉื่อเจี้ยน ทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวหาว่าคดโกง ใครๆต่างก็รู้ว่า นักรบจากตระกูลฉื่อจะมีจิตวิญญารกายาแข็งได้จะต้องบรรลุถึงระดับมนุษย์เสียก่อน

” นี่ เจ้าดูไม่มีอะไรต่างจากตอนที่เจอในศาลาฤดูใบไม้ผลิเลยสักนิด ! ข้าคิดว่าเจ้าจะฉลาดกว่านี้เสียอีก ! ” โม่ซายยิ้มอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวของมัน มันยังคงยืนนิ่งรอฉื่อหยานเดินเข้ามา

” ข้าจะโง่หรือไม่ เด๋วเจ้าก็จะได้เห็นเองในไม่ช้านี้ ” ฉื่อหยานส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาพูดขณะที่อยู่ห่างจากโม่ซานเพียงแค่สามเมตร .

” หึ ! “

ทันใดนั้น โม่ซานก็ตวาดออกมาด้วยเสียงต่ำและส่งอสรพิษสายฟ้าที่กำลังม้วนรอบร่างกายของมัน พุ่งไปทางฉื่อหยานสองตัวทันที

” บ้าเอ๊ย ! ! ! ” ฉื่อเตี่ย ร้องออกมาด้วยความกลัว ” พาเขาออกมาสะ ! “

” หลบมันสะ ” ฉื่อเจี้ยนทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแต่ตะโกนร้องออกมา

” ฟ่อฟ่อฟ่อ ! “

อสรพิษสายฟ้าหนาขนาดหนึ่งนิ้ว สองตัวแยกออกจากกันทันทีพวกมันเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตจริงๆ พวกมันกระจายไปรอบๆเพื่อพันไปที่ร่างของฉื่อหยานโดนไร้ช่องโหว่ให้หลบหนี .

โดยไม่สนใจเสียงร้องของนักรบตระกูลฉื่อ อสรพิษสายฟ้าก็ห่อไปที่ฉื่อหยานอย่างหนาแน่นทันที

” บัดซบ ! ” ฉื่อเตี่ย สายตาเต็มไปด้วยความกลัว เขาถอนหายใจออกมา ” เจ้าเด็กโง่ เหตุใดเขาจึงไม่หลบ เขาไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเทียนหยุนหรือไง ! ตอนนี้เขาจะต้องประสบเหตุการณ์เดียวกันแน่ ! เสร็จกัน ! “

” ไม่น่าแปลกใจเลย ! “

” ถูกต้อง สุดท้าย เจ้าโง่นี่ก็เอาแต่ศึกษาหนังสือโบราณเท่านั้น ! “

” ไม่แปลก ข้าคิดเอาไว้แล้ว เขาจะต้องไม่สามารถตอบโต้ใดๆได้แน่ .

รอบๆเวทีการต่อสู้ นักรบเหล่านั้นทุกคนต่างก็รู้สึกเวทนาฉื่อหยานเป็นอย่างมาก พวกเขาสั่นศีรษะ

 

และมันก็ทำเช่นเดียวกับที่ทุกคนคิด !

โม่ซานฉวยโอกาสนี้และรีบพุ่งไปที่ฉื่อหยานพร้อมกับปลดปล่อย [ คมเสี้ยวมรกต ] ออกใสในมือข้างซ้ายและ [ ลูกอัศนีมรกต ] ที่ส่องแสงสีเขียวอ่อนออกมาในมือข้างขวาของมัน มันนั้นจงทำให้คู่ต่อสู้ของมันถูกพันแน่นไว้ด้วยอสรพิษสายฟ้า

” ตูม ตูม ตูม ตูม ! บูม บูม บูม บูม “

[ คมเสี้ยวมรกต ] และ [ ลูกอัศนีมรกต ] ถูกยิงออกไปเหมือนกับลูกศร พวกมันครอบคลุมไปทั่วร่างของฉื่อหยานทันที

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของโม่ซาน ไม่มีใครเห็นฉื่อหยานที่ถูกฝังอยู่ใต้ฝุ่นที่กระจายขึ้น และพวกมันก็คิดว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้แล้วอย่างแน่นอน

หลังจากที่ [ คมเสี้ยวมรกต ] [ ลูกอัศนีมรกต ] สิ้นสุดการโจมตีครั้งสุดท้ายฝุ่นก็เริ่มจางลง และผู้ชมก็เริ่มเห็นเวทีชัดขึ้นอีกครั้ง

และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ ฉื่อหยานยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน และเขาเอง ก็ดูไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น่อย สิ่งที่เห็นก็มีเพียงควันที่ลอยออกมาจากเสื้อของเขาเท่านั้น

” หืม ? “

” เกิดอะไรขึ้น ? “

” มันไม่จริงใช่หรือไม่ ? “

นักรบรอบๆสนามต่างก็เห็นได้ชัดว่าลำแสงสีเขียวมากมายในพุ่งไปกระแทกกับฉี่หยานแน่นอน , แต่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะฉื่อหยานนั้นยังคงยืนอยู่อย่างมั่นคงเหมือนกับภูเขา

แม้แต่เป่ยหมิงชางยังวางถ้วยชาในมือลงและมองไปที่ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ มันขมวดคิ้วแล้วพึมพำว่า ” นี่ช่างแปลกนัก “

โม่ตั่ว สีหน้าเปลี่ยนไป แต่เขายังคงสงบอยู่ และได้แต่ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง

 

ร่างของฉื่อเจี้ยนสั่นสะท้านอีกครั้งและก็มีแสงสว่างผ่านดวงตาของเขา หลังจากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาใช้มือข้างหนึ่งหยิบก้อนหินขึ้นมาและกำมันเป็นผุยผงด้วยความตื่นเต้น

” พี่ใหญ่ ! “

” ท่านหัวหน้าตระกูล “

ฉื่อเตี่ย และนักรบจากตระกูลฉื่อต่างก็จ้องไปที่ ฉื่อเจี้ยนในเวลาเดียวกัน พร้อมกับสีหน้าทีเต็มไปด้วยความสุขและความสับสนบนใบหน้าของพวกเขา

” ยังหลอก ! ” ฉื่อเจี้ยนตะโกนออกมาจากปากที่สั่นเทา

ทุกคนต่างก็สับสนเมื่อได้ยินเช่นนั้น และตอนนั้น ฉื่อเตี่ยและข้ารับใช้จากตระกูลฉื่อต่างก็มุ่งความหวังไปที่ฉื่อหยาน

ฉื่อหยานยังคงถูกพัวพันด้วยอสรพิษสายฟ้าอยู่ , เขาเพียงแค่รู้สึกชาเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากใช้กายาแข็งเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอีก และใบหน้าของเขายังคงเฉยเมยเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ในทันที ก็มีควันจางๆค่อยๆลอยออกมาจากแขนเสื้อของมัน พวกมันครอบคลุมไปที่อสรพิษสายฟ้าเหล่านั้นทันที ด้วยความจางของมันจึงไม่มีใครสามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่แขนของเขาได้

ในขณะที่เขาถูกโจมตีอย่างหนัก พลังงานเชิงลบของเขาที่ผสมกับพลังปราณลึกลับก็ได้ทะลักออกมาจากแขนของเขา กลายเป็นห้าวงหมุนขนาดเล็ก ลอยหมุนอยู่รอบๆตัวเขา

วงหมุนเหล่านี้ที่ถูกสร้างขึ้นมา ย่อมเป็นวิชา [ สนามโน้มถ่วง ] แน่นอน พลังงานทั้งสองที่หลอมรวมกันนี้ก็ค่อยไปลอยไปด้านหลังของโม่ซาน .

ไม่มีใครที่สามารถมองเห็นวงหมุนนี้ได้ นอกจากฉื่อหยาน ในสนามประลองแห่งนี้มีเพียงแค่นักรบไม่เกินระดับมนุษย์เท่านั้นพวกมันไม่สามารถสัมพัสได้อย่างแน่นอน แต่ก็มีนักรบที่อยู่ในระดับเดียวกับเป่ยหมิงชางอยู่บ้างที่พอสัมพัสได้

” โม่ซาน เจ้านี่อ่อนแอจริงๆ ! ” ในสายตาของผู้ชม ฉื่อหยานขยายปากของเขาออกและ เขาก็เริ่มหัวเราะพร้อมกับแสยะยิ้ม ” เจ้าไม่สามารถทำอะไรข้าได้ทั้งๆที่ข้ายืนอยู่เฉยๆงั้นรึ เห้อ…. สงสัยตระจริงๆว่าตระกูลโม่เป็นหนึ่งในตระกูลทั้งห้าทียิ่งใหญ่ได้อย่างไร ข้าดูแล้วพวกเจ้าก็มีเพียงแค่วิชาปาหี่เท่านี่น “

” นี่เจ้า … ดี.. เจ้าหาเรื่องตายเองนะ ” ใบหน้าของโม๋วานก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นซีดเซียวและไร้ชีวิตชีวามากกว่าเดิม มันพุ่งไปทางฉื่อหยานอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับที่โม่ฉีพุ่งไปที่ฉื่อเทียนหยุน จากนั้นมันก็เริ่มไล่ฉื่อหยานอย่างบ้าคลั่ง

” ตูม ตูม ตูม ! ปัง ปัง ปัง ! “

โม่ซานโจมตีไปที่ฉื่อหยานอย่างหนักหน่วงและไม่หยุดยั้ง ไม่นานบนสนามก็เต็มไปด้วยแสงสีเขียวอ่อนผสมกับพลังปราณลึกลับกระจายไปทั่ว

” อ่อนแอจริงๆ โม่ซาน นี้เจ้าเป็นสตรีหรือป่าวเนี้ย ? “

ภายใต้การโจมตีของโม่ซาน ฉื่อหยานยังคงไม่เคลื่อนไหวและยังยืนอยู่กับเหมือนกับภูเขาที่มั่นคงและเขาก็ยังไม่หยุดสั่นศีรษะพร้อมกับเยาะเย้ยด้วยคำพูดร้าย ” นี่เจ้าเป็นสตรีจริงๆงั้นรึ ข้าสามารถตอบสนองความต้องการภรรยาของเจ้าในวันแต่งงานได้นะ เจ้าอย่าได้หลอกตัวเองอีกต่อไปเลย “

นี่ช่างเป็นคำพูดที่รุนแรงนัก !

หลิงเยว่เยว่จากตระกูลหลิงก็ยืนขึ้นและสาปแช่งไปที่ฉื่อหยาน ” เจ้าไปตายสะ ไอ่บัดซบ ! “

” ข้าจะฆ่าเจ้า ! “

โม่ซานพูดอย่างหึกเหิมและมันก็รวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อโจมตีในครั้งเดียว มันพุ่งไปที่ฉื่อหยานอีกครั้งและชกมัดของมันออกไปอย่างรุนแรง

” ปัง ! “

อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานเพียงแค่เหยียดขาข้างหนึ่งออกไปและเตะไปที่หน้าอกของโม่ซานเท่านั้น ด้วยการเตะจากขาของเขาเพียงแค่ครั้งเดียว , ก็ส่งร่างของโม่ซานกระเด็นออกไปไกลห้าเมตร

” น่าเบื่อจริงๆ ” ฉื่อหยานคำรามออกมาด้วยความผิดหวัง พร้อมกับสะบัดอสรพิษสายฟ้าขาดออก

อสรพิษสายฟ้าที่พัวพันอยู่กับร่างกายของเขาก็แตกกระจายไม่มีชิ้นดี !

เกิดเป็นสายฟ้ากระจายไปทั่วเวที

” ระวัง ! ! ! “

” บ้าจริง ! “

นักรบที่อยู่ใกล้เวทีก็ตะโกนและรีบโคจรพลังปราณลึกลับของพวกมันเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าที่กระจายออกมา

” ยอดเยี่ยม ! ” ซั่วชู ตบแขนของไปที่เก้าอี้ของเขาและพูดยกย่อง ” ข้าหละชอบเจ้าเด็กนี่จริงๆ ! “

ดวงตาของซั่วฉื่อส่องประกายสดใสออกมาขณะที่มองไปที่ฉื่อหยานนางพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ” เจ้านี่มันจริงๆเลย ” .

” พี่ใหญ่ ! “

” ท่านหัวหน้าตระกูล อะ . . . . . . . นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? “

ในอีกด้าน ฉื่อเตี่ยและข้่ารับใช้คนอื่นๆต่างก็มองมาที่ฉื่อเจี้ยนด้วยความประหลาดใจ

” ไม่มีอะไร มันก็แค่ตระกูลโม่นั้นอ่อนแอเกินไป ” ฉื่อเจี้ยน ตอบสั้น ๆและมองต่อไปที่ฉื่อหยาน แล้วเข้ากดสูดลมหายใจเข้าด้วยความสดชื่น

โม่ตั่วลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสรเขียว มันจ้องไปที่โม่ซานและลมหายใจของมันก็กลายเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ

” แววตาเช่นนั้น เหมือนข้าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน . . . . . . . ” ในอีกด้านที่ตระกูลเป่ยหมิง ตี่ย่าหลาน พบข้อสงสัยอะไรบางอย่าง นางพึมพำหลังจากที่คิดอยู่นาน

และตอนนั้นเองก็ไม่มีใครสนใจไปที่นางเช่นกัน พวกเขาทุกคนกลับจ้องไปที่ฉื่อหยานและติดตามความเคลื่อนไหวของเขาแทน

หลังจากที่กำจัดอสรพิษสายฟ้าไปแล้ว ฉื่อหยานก็เริ่มเดินไปที่โม่ซานอย่างเนิบๆ . โม่ซานยันตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วก็พุ่งไปที่ฉื่อหยานด้วยความโกรธอีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง !

ร่างของโม่ซานก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่าประหลาดเหมือนกับดอกไม้ที่ถูกพักในอากาศ บางสิ่งที่มองไม่เห็นได้ดึงดูดมันไว้แน่น ยิ่งมันพยายามดิเนเท่าใด , พลังดึงดูดประหลาดก็ยิ่งดูดมันแรงขึ้น ในที่สุด มันก็ลอยขึ้นไปในอากาศ . . . . . . .

เหมือนกับว่ามันมีมือที่มองไม่เห็นกำลังลอยอยู่ที่ด้านหลังของมัน และมือนั่นก็ได้คว้าไปที่คอของมันและยกมันลอยขึ้น

” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? “

” ข้าไม่รู้ เกิดอะไรขึ้นกับโม่ซานกัน ? นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือ ? “

” ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมโมซานถึงลอยในอากาศเช่นนั้น เขาอยู่ในระดับนภางั้นรึ ? “

” เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือไง ! “

 

” . . . . . . . “

เสียงพูดคุยดังออกมารอบๆสนามประลอง

ฉื่อหยานมาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย และเขาก็ค่อยๆยื่นมือออกไปทางโม่ซาน . จากนั้นเขาก็เอานิ้วมือทั้งห้าของเขาแทงเข้าไปที่เข่าของโม่ซานเหมือนกับหอกที่แหลมคม

” แก๊ก ! แกร๊กก ! “

เกิดเป็นเสียงกระดูกแตกหักดังออกมาชัดเจนจากเข่าของโม่ซาน

” แก๊ก ! แกร๊กก ! “

จากนั้นก็มีเสียงเช่นเดิมดังขึ้นมาจากที่ไหล่ของมัน

” ท่านปู่ ! “

โม่ซานแทบสติแตก ต่อหน้าฉื่อหยาน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะล้มและคุกเข่าของมันลง

ตอนนี้มันไม่มีกระดูกข้อต่ออีกต่อไปแล้ว สภาพของมันดูน่าเวทนานักเมื่อมันคุกเข่าลงต่อหน้า ฉื่อหยาน

ใบหน้าของคนจากตระกูลโม่กลายเป็นมืดมน พวกัมนคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฉื่อหยาน , ข้าจะฆ่าเจ้า ! ข้าจะฆ่าเจ้า ! “

” โอ้ จริงรึ ? ” ฉื่อหยานตอบรับอย่างดี เขาคว้าไปที่คอของโม่ซานและยกมันขึ้นสูงไปในอากาศอีกครั้ง

โม่ซานพยายามที่จะปลดปล่อยวิชาสายฟ้าต่างๆไปที่ฉื่อหยาน แต่ก็ไร้ผล

ในสายตาของคนนับร้อย โม่ซานกำลังถูกยกขึ้นโดยฉื่อหยาน ซั่งนั่นเป็นการดูถูกอย่างชัดเจน !

ฉื่อหยาน ตั้งใจที่จะแสดงสีหน้าโม่ซานให้กับนักรบทุกคนให้เห็น เขายกร่างของโม่ซานขึ้นและเดินวนบนสนามประลอง เพื่อให้นักรบทุกคนสามารถมองเห็นถึงความทุกข์และความกลัวบนใบหน้าของโม่ซาน .

หลังจากเดินวนหนึ่งรอบ ฉื่อหยานก็มองไปฉื่อเจี้ยนเพื่อส่งข้อความบางอย่าง : จะให้ข้าฆ่ามันหรือไม่ ?

รอบเวทีต่างเงียบลงอย่างฉับพลัน และนักรบทุกคนต่างจ้องมองไปที่ ฉื่อหยาน

ห่างออกไป 10 เมตร , ฉื่อเจี้ยนได้ส่งข้อความบางอย่างมาที่ฉื่อหยานด้วยการพยักหน้า

เมื่อโม่ตั่วที่กำลังจ้องไปที่ฉื่อเจี้ยนและเห็นเขาพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าของมันก็กลายเป็นแข็งค้างทันที

” เรายอมแพ้ ! ” โม่ตั่วพูดออกไปอย่างตกใจ เขาพูดขอร้องออกไป หลังจากที่มันมองไปที่ดวงตาที่เย็นชาของฉื่อหยาน ” เรายอมแพ้ ! เรายอมแพ้ ! “

” หยุดเดี๋ยวนี้ ! ! ! ! ! ” กรรมการที่อยู่ตรงโต๊ะก็ประกาศออกมาทันที

” แกร๊ก ! “

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงแตกหักดังออกมาจากคอของโม่ซาน และหัวของมันก็ตกลงอย่างเบาๆ

นักรบทั้งหมดกลายเป็นหวาดกลัว พวกมันมองไปที่ฉื่อหยานที่พึ่งหักคอของโม่ซานอย่างเงียบงัน

ทั่วทั้งสนามประลองกลายเป็นเงียบงัน

ภายใต้สายตาของทุกคน , ฉื่อหยานก็โยนร่างของโม่ซานออกไปโดยไม่ใยดี

” ม่ายยยยยยย ! “

ศพของโม่ซานถูกโยนมาถึงด้านหน้าของโม่ตั่วโดยห่างกันเพียงสามเมตร พร้อมกับหัวของโม่ซานที่บิดอย่างแปลกประหลาด

เขาหัวเราะเยาะตระกูลโม่สักพัก จากนั้นฉื่อหยานก็เดินกลับไปที่ตระกูลฉื่อโดยไม่ใส่ใจสายตาที่มองมา และเขาก็นั่งลง

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset