บทที่ 72 แผนของแต่ละคน
บนสนามประลองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย !
โม่ตั่วกำลังถูกล้อมโดยยอดฝีมือหลายคน คนที่มู่ชุนพามาจากหุบเขายาก็ยังคงไล่ล่าคนจากตระกูลโม่อยู่
ในพื้นที่ของตระกูลฉื่อเมื่อเหล่านักรบเห็น ฉื่อเจี้ยน และ ฉื่อหยานลงมือ เหล่ายอดฝีมือจากตระกูลฉื่อก็พุ่งไปจู่โจมตระกูลโม่ทันที
ในช่วงเวลาสั้น ๆ สนามประลองก็เต็มไปด้วยการต่อสู้
เหล่านักรบที่เข้ามาชมการประลองต่างก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้
นี่เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงเป็นอย่างมาก เหล่านักรบจากตระกูลใหญ่ต่างก็โจมตีออกมาด้วยความแค้นอย่างโหดร้าบ ด้วยเหตุนี้ในไม่กี่น่าที ก็ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่นั่งอยู่รอบๆสนามตกตายไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร
เมื่อเห็นว่ามีการประทะกันระหว่างตระกูล ก็มีนักรบจำนวนน้อยมากที่จะยืนอยู่และดูต่อ ทึกๆคนต่างก็รีบถอยหนีออกไปจากศิลาพระเจ้า โดยเกรงว่าจะถูกฆ่าตาย
พวกเขาต่างก็หนีออกไปจากสถารการณ์เช่นนี้อย่างรวดเร็ซ และตอนนี้เองผู้ที่ยังคงอยู่ในศิลาพระเจ้าก็มีเพียงแค่คนจากตระกูลใหญ่เท่านั้น .
ตระกูลเป่ยหมิงทำเพียงแค่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะการที่เป่ยหมิงชางไม่อยู่ , ตระกูลเป่ยหมิงจึงตัดสินใจที่จะเป็นผู้ชมเพียงเท่านั้น และจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
เป่ยหมิงเช้อยังคงนั่งอยู่ในพื้นที่ของตระกูลเป่ยหมิง เขามองไปทีโม่ตั่วซึ่งกำลังถูกล้อมรอบอยู่ไม่ไกล , และบางครั้งก็มองไปที่นักรบตระกูลโม่ซึ่งกำลังถูกนักรบตระกูลฉื่อโจมตี
” นายน้อย เราควรเช่นไรดี ? เราควรจะอยู่ดูเช่นนี้รึ ? “
ดวงตาของเป่ยหมิงเช้อก็ส่องประกายเย็นชาพร้อมกับพูดออกมา ” หึหึ เราไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสุนัขที่กัดกันหลอก ปล่อยให้มันกัดกันไป ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร มันก็ไม่กระทบถึงพวกเราแน่นอน เราจะคอยซ้ำเติมคนที่พ่ายแพ้ และเราก็จะช่วงชิ้งอำนาจในสมาคมการค้าของมันมาให้หมด”
” ท่านฉลาดหลักแหลมยิ่งนักนายน้อย เช่นนั้นเรารออยู่ที่นี่เลยหรือไม่ “
” ไม่ต้อง “เป่ยหมิงเช้อยิ้ม ” เราจะกลับกันก่อน เราค้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้แม้แต่น้อย และเพื่อไม่เป็นการทำให้ชื่อเสียงของเราเสียหาย เราจะจากไปทันที “
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เหล่ายอดฝีมือของตระกูลเป่ยหมิงก็พยักหน้าโดยพร้อมเพียงกัน . จากนั้นพวกมันก็จากไป โดยมีเป่ยหมิงเช้อเดินนำ
ตอนนี้ในสนามประลอง ยังคงเหลือตระกูลทั้ง 4 อยู่ ประกอบไปด้วยตระกูล ซั่ว หลิง โม้ และ ฉื่อ ซึ่งตระกูลฉื่อยังคงประทะกับตระกูลโม่อยู่ ส่วนตระกูลซั่วและตระกูลหลิงนั้นทำเพียงแค่รับชม
ไม่รู้ว่าเมื่อใด ฉื่อหยานก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าตระกูลซั่ว และเขาก็โค้งให้กับซั่วชูและบอกว่า ” ท่านลุงซั่ว , ข้าอยากจะข้อร้องให้ท่านจับตาดูพวกตระกูลหลิงให้ที ” .
ซั่วชูตอบอย่างมั่นใจพร้อมกับจิบชาในมือ ” อย่าได้กังวล , ตระกูซั่วของเรากับตระกูลหลิงเองก็ไม่ค่อยถูกกันนัก ถ้าตระกูลหลิงกล้าลงมือหละก็ เราก็จะไม่นั่งอยู่เฉยๆแน่นอน เจ้ามั่นใจได้ และทำหน้าที่ตระกูลฉื่อของเจ้าสะ ข้อบอกได้เลยว่าตระกูลหลิงจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้าแน่นอน .
” ขอบคุณ ท่านลุงซั่ว”
” อย่าได้คิดมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว , ตระกูลฉื่อและตระกูลซั่วของเราทั้งสองต่างก็เป็นพันธมิตและร่วมมือกันอย่างดี และแน่นอนว่าเราจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเจ้า . ” ซั่วชูตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาจ้องไปที่ตระกูลฉื่อ และถามด้วยความสับสน เพราะเครื่องสำอางที่แปลงโฉมฉื่อหยานได้หลุดออกไปแล้ว และนี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ซั่วชูไม่ได้เห็นร่างจริงของฉื่อหยาน ระหว่างนั้นฉื่อหยานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาจึงถามออกไป ” แล้วเจ้าเด็ก ฉื่อหยานนั่นอยู่ที่ไหน ? ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขาเลย”
ฉื่อหยานทำเป็นแปลกใจและมองไปรอบๆ ซั่วชูนั้นไม่รู้ว่าที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคือฉื่อหยาน ฉื่อหยานส่ายหัวและยิ้มอย่างขบขัน “เจ้าเด็กนั้น จะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน แต่ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ใด “
” เช่นนั้นรึ ! งั้นข้าก็ฝากเจ้าดูแลเขาด้วยละกัน เขาหนะเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลฉื่อ เราต้องไม่สูญเสียเขาไปได้เด็ด. ” ซั่วชูกล่าว
” ฮ่า ฮ่า ลุงฮันเฟิงกำลังจับตามองเขาอยู่ ท่านลุงซั่ว ท่านอย่าได้กังเวลเลย”
“ดี ! ” ซั่วชูยิ้ม ในขณะที่ เหลือมองไป ที่ซั่วฉื่อที่อยู๋ข้างๆเขา พร้อมกับยิ้มและพูดแปลกๆออกมา ” ดูเหมือนว่าซั่วฉื่อของข้าจะชื่นชอบฉื่อหยานของพวกเจ้าเป็นอย่างมาก เช่นนั้นจงดูแลเขาให้ดี “
สีหน้าของฉื่อหยานกลายเป็นเขินอายและ เขาก็พยักหน้า ” เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน ท่านลุงซั่ว”
เมื่อฉื่อหยานจากไป ใบหน้าของซั่วฉื่อเต็มไปด้วความสับสน นางกล่าวว่า ” ท่านปู่ ข้าไม่ได้ชื่นชอบเขาเสียหน่อย ทำไมท่านต้องโกหกเช่นนั้นออกไปด้วย ? ที่ข้าไปส่งเกราะนั้นก็เพราะเป็นคำสั่งของท่าน ไม่ใช่เพราะข้าต้องการช่วยเขาเสียหน่อย “
” ฮ่าๆ ช่างเหอะๆ นั่นมันก็เหมือนกันนั่นแหละหนา ” ซั่วชูดูอารมณ์ดี และ ก็หันไปบอกกับนักรบตระกูลซั่ว ” พวกเรา จงจับตาดูตระกูลหลิงไว้ อย่าให้พวกมันไปลงมือกับตระกูลฉื่อเด็ดขาด ถ้าตระกูลหลิงกล้าเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเห็นใจพวกมันอีก ฮ่า ฮ่า หลังจากวันนี้ไป สถานการณ์ในสมาคมการค้าต้องเปลี่ยนไปแน่นอน เราจะไม่ปล่อยให้ตระกูลหลิงฉวยโอกาสใดๆทั้งสิ้น . “
อีกด้านที่ตระกูลหลิง หัวหน้าตระกูลหลิง หลิงจื้อกำลังขมวดคิ้ว อย่างเงียบๆ
ข้ารับใช้ในตระกูลหลิงทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ด้านหลังของมัน .เมื่อเห็นว่าหัวหน้าตระกูลพวกมันไม่พูดอะไร พวกมันก็ทำเพียงยืนเฉยๆเช่นกัน พวกมันเงียบและรอการตัดสิ้นใจของหัวหน้าตระกูล
อีกด้านที่ตระกูลโม่ นักรบทั้งหมดของตระกูลโม่ต่างก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยนักรบจากหุบเขายาและนักรบจากตระกูลฉื่อ สถานการณ์ของพวกมันในตอนนี้ดูเลวร้ายเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น โม่ช่าวเทียน ก็แอบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปที่ตระกูลซั่ว ; มันคุกเข่าลงข้างหนึ่งและพูดบางอย่างด้วยความมืดมน ” ท่านอาหลิง ท่านได้โปรดส่งคนในตระกูลไปช่วยบิดาของข้าด้วยเถอะ เขานั้นถูกห้อมล้อมโดยยอดฝีมือจำนวนมาก ไม่นานเขาจะต้องตกตายแน่ๆ พวกเราเองก็ต้องรับมือกับนักรบจากหุบเขายาและตระกูลฉื่ออย่างหนักหน่วงเช่นกัน ท่านอาหลิง โปรดระลึกถึงความหลัง และช่วยเหลือตระกูลโม่ของเราด้วยเถอะ ตระกูลโม่ของเราจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลย. “
หลิงจื้อมีรอยย่นคิ้วของมันยางๆ มันถอนหายใจออกมา และกล่าวด้วยเสียงเย็นชา ” ช่าวเทียน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า ที่เจ้าเห็นตระกูลซั่วไม่เคลื่อนไหวใดๆ ก็เพราะตระกูลของเรายังอยู่เฉยๆ หากเราลงมือแล้วหละก็พวกมันจะต้องเข้ามายุ่งแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้จริงๆ ข้าเองก็ต้องรับความกดดันจากตระกูลซั่วเช่นกัน “
” แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลโม่ของเราต้องทนได้อีกไม่นานแน่ๆ ” โม่ช่าวเทียนกล่าวด้วยความกลัว
ถ้าตระกูลหลิงลงมือช่วยเหลือตระโม่ นั้นก็จะเป็นการบังคับให้ตระกูลซั่วเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน และมันก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้น หลิงจื้อส่ายหน้า เขาลังเลอยู่สักพักจากนั้นก็ตะโกนออกมา ” เชาฟง ! ไปนำตัวโม่หยานหยูมาที่นี่ หยานหยูนั้นเป็นภรรยในอนาคตของเจ้า นางจะตายไม่ได้ ! “
” ขอรับ ! ” หลิงเชาฟงรีบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นักรบจากตระกูลหลิงบางส่วนก็พุ่งออกมาเชนกัน
” ช่าวเทียน หยานหยูลูกชาวเจ้าเป็นสะใภ้ตระกูลหลิง ข้าจะปกป้องนางเอง นอกจากนี้ เฮ่อ.. ข้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก แต่ข้าขอสัญญาว่า ข้าจะไม่ให้ตระกูลซั่วไปยุ่งเกียวกับตระกูลโม่เด็ดขาด นี้คือทั้งหมดที่ข้าทำได้ ! . ” หลิงจื้อกล่าวอย่างเย็นชา
โม่ชาวเทียนกลายเป็นหกหู่ มันจ้องลึกไปที่หลิงจื้อ และหลังจากนั้นสักพักมันก็หันหน้ากลับไปด้วยควาทุกข์อย่างเงียบๆ จากนั้นมันก็กลับไปร่วมต่อสู้กับตระกูลโม่ของตัว้อง
” พี่ใหญ่ . . . . . . . ” หลิงเจี่ย กระซิบไปที่ข้างหูของหลิงจื้อ . และมันก็กล่าวว่า ” ถ้าเราไม่ช่วยหละก็ ตระกูลโม่ต้องสูญเสียอย่างมากมายแน่นอน และถึงตอนนั้นโม่ตั่วอาจจะพาลเกลียดชังเราก็เป็นได้
สีหน้าของหลิงจื้อนิ่งไป ในขณะที่เขานั่งอยู่ เขาค่อย ๆจิบชา และเขาก็ก้มหัวจากนั้นก็กล่าวว่า ” น้องเจี่ย ณเวลานี้ เราจะลงมือผลีผลามไม่ได้ มิเช่นนั้นตระกูลซั่วจะต้องลงมือแน่ นอกจากนี้ ยังมีหญิงงามนางนั้นที่อยู่ในระดับนภาอีก นางนั้นได้มีเรื่องบาดหมางกับตระกูลโม่ และถ้าตระกูลของเราช่วยเหลือตระกูลโม่หละก็ มันจะไม่ใช่ผลดีแน่นอน และ เพราะโม่ซานนั้นได้ตกตายไปแล้ว และโม่ฉีเองก็ตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้หยานหยูจึงเป็นความหวังเดียวของตระกูลโม่ และเพราะหยานหยูเป็นสะใภ้ของตระกูลเราตระกูลเราจึงสามารถใช้กำลังของเราเพื่อปกป้องนางจากอันตรายได้ และวันหนึ่งหากหยานหยูกลายเป็นหัวหน้าตระกูลแล้วหละก็ ด้วยสถานะที่เป็นสะใภ้ของตระกูลหลิงเรา ถึงตอนนั้น ตระกูลหลิงเราจะมีอำนาจมากมายแน่นอน ฮ่า ฮ่า . . . . . . . “
” ยอดเยี่ยม ! เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมนักพี่ใหญ่ ” หลิงเจี่ยอึ้งไปสักพัก แล้วในที่สุดมันก็พยักหน้า ” เป็นข้าที่สะเพร่าเอง พี่ใหญ่ท่านนี่ช่างคิดถึงอนาคตของตระกูลเราโดยแท้จริง “
” ดี ! เราจะทำเพียงปกป้องโม่หยานหยูเท่านั้น เรื่องอื่นเราจะไม่ข้องเกี่ยว . ” หลิงจื้อยกศีรษะของมันขึ้นและ หลี่ตามองไปที่กา ต่อสู้ ” เมื่อโม่หยานหยูมาถึง พวกเราจะจากไปทันที เราไม่สามารถช่วยเจ้าได้จริงๆน้องโม่ตั่ว . ” มันถอนหายใจออกมา ” ใครจะไปรู้ ว่าศาลาหมอกนั้นได้ซ่อนยอดฝีมือระดับนภาไว้ น้องโม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจมิตรภาพของเรา เพียงแต่ว่าเจ้านั้นก่อเรื่องที่เกินตัวไปจริงๆ”
” ท่านปู่หลิง ! ท่านจะต้องช่วยท่านปู่ของข้านะ ! ” โม่หยานหยูนั้นถูกพาตัวกลับมา และเมื่อนางมาถึงที่ตระกูลหลิง นางก็ขุกเข่าต่อหน้าหัวหน้าตระกูลหลิงทันที พร้อมกับมีน้ำตาไหลผ่านแก้มของนาง ” หากท่านไม่ช่วยเขาในตอนนี้หละก็ ท่านปู่ของข้าจะต้องไม่รอดแน่นอน ท่านปู่ลิง ได้โปรด ! ตราบใดที่ท่านช่วยเหลือเขาหละก็ ข้าก็จะแต่งงานกับ เชาฟง ทันที ! “
” หยานหยู ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ข้าทำไม่ได้จริงๆ ” หลิงจื้อส่ายหน้า เขายืนขึ้นและกล่าวว่า ” ตอนนี้เจ้าจะต้องอดทนไว้เพื่อหนาคตของเจ้าเอง ทุกอย่างที่ข้าทำก็เพื่อเจ้า และ เชาฟง ! น้องเจี่ย ไป ! พาหยานหยูกลับไปที่ตระกูลของเรา “
” ขอรับ ! ” หลิงเจี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังโม่หย่นยู . เขาสับไปที่ท้ายทอยของนาง จากนั้นนางก็ล้มลงไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบอยู่ที่แก้ม
” ท่านหัวหน้าตระกูลซั่ว ข้าคิดว่าตอนนี้การประลองได้จบสิ้นแล้ว เช่นนั้น เราต้องขอตัวกลับก่อน แล้วตระกูลซั่วของท่านหละ ? ” หลิงจื้อมองไกลไปที่ซั่วชู และตะโกนเสียงดัง
ซั่วชูตกใจ แล้วมองกลับไปที่จิ้งจอกเฒ่าหลิงจื้อ จากนั้นเขาก็อมยิ้มพร้อมกับยืนขึ้นและกล่าวว่า : ” เช่นนั้นท่านจะรออยู่ใย เราไปด้วยกันเถอะ “
” แน่นอน ข้าแค่ต้องการถามท่านผู้นำตระกูลซั่วเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เช่นนั้น เราก็ไปด้วยกันเถอะ ” หลิงจื้อพยักหน้าและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ในสนามประลอง , ตระกูลหลิงและตระกูลซั่วต่างก็เดินอย่างมั่นคงเหมือนกับภูเขา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ราวกับว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสนามนั้นไมไ่ด้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย หัวหน้าของทั้งสองตระกูลต่างก็เดินเคียงข้างกัน พร้อมกับข้ารับใช้ที่อยู่เบื้องหลัง มุ่งหน้าตรงออกจากศิลาพระเจ้าทันที
ผู้ชมที่ยังคงอยู่อยู่ในศิลาพระเจ้าตอนนี้ พวกเขาต่างก็เป็นคนที่คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการต่อสู้ระหว่างตระกูลโม่ ตระกูลฉื่อ และคนจากหุบเขายาได้ !
––––––––––––––––––––––––
ปล. ลงอีก 3 ตอน ในวันที่ 16/5/2560 ตอนนี้กลุ่มลับของเราถึงตอนที่ 188 แล้วจ้า สนใจอ่านรายระเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ