บทที่ 77 ประลองพลัง
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เซี่ยซินหยานก็กลับมาที่ศาลาหมอก
ชายร่างยักษ์ทั้งสองที่ยืนรออยู่ เมื่อเห็นว่านางกลับมา พวกมันก็รีบวิ่งเข้ามาถามอย่างเร่งรีบ ” คุณหนู ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ? “
เซี่ยซินหยานส่ายหัวและ ตอบกลับไปว่า ” ข้าไม่เป็นไร ยาบำรุงของตระกูลหยางช่างเป็นยาอายุวัฒนะโดยแท้จึง ดังนั้นข้าจึงไม่เป็นไร”
ศาลาหมอกปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีอาคารที่แตกต่างกันไป 6 หลัง แม้ว่าจะพึ่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของศาลาหมอกแต่อย่างใด
ในหอสมบัติชั้นสูงสุด เซี่ยซินหยานกำลังเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 9
โค้ก้มหัวลง และพูดออกไปพร้อมกับขบฟัน ” ตระกูลเป่ยหมิงกล้าดียังไงมาทำร้ายท่าน ! คุณหนู ท่านจะให้ข้าไปจัดการกับตระกเป่ยหมิงเลยหรือไม่ ? “
” ตอนนี้เราอย่าพึ่งไปสนใจตระกูลเป่ยหมิง ” .
เซี่ยซินหยานพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ” ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อ ขุมทรัพย์ ที่อยู่ในประตูสวรรค์ , ตระกูลเป่ยหมิงไม่ใช่เป้าหมายของข้า และเป่ยหมิงชางเองก็เป็นนักรบในระดับนภา ส่วนข้านั้นนักรบในระดับหายนะ ถึงแม้ว่าข้าจะได้ใช้จิตวิญญานต่อส้อของตัวเองก็ตาม ข้าก็ทำได้เพียงแค่สูสีกับมันเท่านั้น หลังจากนี้หากไม่มีเหตุผลเพียงพอ ตระกูลเป่ยหมิงก็จะไม่ยุ่งกับเราแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะ ราชาอสูร เสี่ยวหานยี่ จะมาหละก็ ข้าจะต้องให้เป่ยหมิงชางชดใช้สิ่งที่มันทำไว้แน่ “
” คุณหนู นักรบในระดับนภาที่มาแย่งชิงแผ่นที่ส่วนนี้ มันก็น่าจะเป็น . . . . . . . มันก็น่าจะเป็นคนจากตระกูลโม่สิ แต่ว่า ถ้าหากตระกูลโม่มีนักรบในระดับนภาจริง พวกเขาก็คงไม่ถูกกลั่นแกล้งโดยตระกูลฉื่อเช่นนี้แน่ ” โค้ลังเลอยู่สักพักแล้วจึงพูดออกไป .
” ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่คนจากตระกูลโม่แน่ ” โดยไม่คาดคิด เซี่ยซินหยานใบหน้ากลายเป็นจริงจัง นางพยักหน้าและเห็นด้วยกับความคิดของโค้
” แล้วคุณหนู เหตุใดท่านจึงไปลงมือกับตระกูลโม่เช่นนั้นหละ ” โค้ถามออกไปพร้อมกับใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความสับสน
” ถ้าข้าไม่ไปลงมือกับตระกูลโม่ แล้วผู้มีแผนที่อีกส่วนจะมาร่วมมือกับข้างั้นรึ ? ” เซี่ยซินหยานหัวเราะออกมาเบา ๆ ” หึหึ มันก็เป็นแค่เพียงแพะรับบาปเท่านั้น ถ้าหากศาลาหมอกของเราเอาแต่เงียบ หลังจากที่เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ หรือเจ้าจะให้คนอื่นคิดว่าสามารถรังแกศาลาหมอกได้ง่ายๆเช่นนั้นรึ ? “
” เช่นนั้น ที่คุณหนู ลงมือไปก็เพื่อหันเหความสนใจของนักรบคนอื่นๆใช่หรือไม่ ” โค้ ดวงตากลายเป็นสดใส และมันก็รู้เจตนาที่แท้จริงของนางได้ทันที
” ถูกต้อง ข้าแค่ทำลงไปเพื่อให้คนอื่นๆสนใจไปที่ตระกูลโม่เท่านั้น เพราะอย่างนั้น เมื่อเราแอบทำธุระของเราเรื่อง ประตูแห่งสวรรค์ที่เมืองเทียนหยุนแห่งนี้ ก็จะไม่มีใครรู้แน่นอน แล้วเราเองก็สามารถทำให้เสร็จได้เร็วขึ้น ” เซี่ยซินหยานพยักหน้าและกล่าวว่าอย่างไม่แยแส ” ยอดฝีมือระดับนภาที่มาช่วงชิงแผนที่นั้นมีจิตวิญญานที่แปลกนัก มันสามารถสร้างหมอกลึกลับขึ้นมาได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้จิตวิญญาณต่อสู้ของมันออกมาตรงๆ แต่ข้าก็พอสังเกตุเห็นได้ . เจ้ารู้จักยอดฝีมือคนไหนที่มีจิตวิญญารการต่อสู้เช่นนี้หรือไม่ ? “
” ชิเสี่ยว ! “
โค้ลังเลชั่วขณะ และเขาก็ตอบออกไปทันที , ” ชิเสี่ยวเป็นนักรบในระดับนภาจากหุบเขาเมฆา และ มันเองก็สนิทกับตระกูลซั่ว หรือว่าจะเป็นตระกูลซั่วกันที่มีส่วนรวมในการขโมยแผนที่ ? เป็นไปไม่ได้ ! ที่แผนที่อีกส่วนหนึ่งจะอยู่กับตระกูลซั่ว “
” ฮีา จะต้องเป็นพวกมันแน่นอน ” เซี่ยซินหยาน ครางออกมาเบาๆ แล้วนางก็บอกว่า ” เรารอเวลาไม่ได้แล้ว ข้าจะแวะไปที่ตระกูลซั่วด้วยตัวเอง เราจะได้ทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น . “
” คุณหนู ข้าจะไปกับท่านด้วย “
” ไม่เป็นไร ชิเสี่ยวไม่สามารถรับมือกับข้าได้ นั่นก็หมายความว่าตระกูลซั่วก็คงทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน “
เซี่ยซินหยานพักอยู่ศาลาหมอกเป็นเวลาสี่ชั่วโมง หลังจากรู้แล้วว่าผู้ใดเป็นคนพยายามขโมยแผนที่ นางก็รีบจากไปทันที
. . . . .
ที่ตระกูลซั่ว
ซั่วชูกับชิเสี่ยวกำลังคุยกันอยู่ในห้องลับ
” ก๊อก ก๊อก “
เป็นเสีนงเคาะดังมาจากประตูของห้องลับ
ซั่วชูใบหน้าแข็งตรึง เขาชะโงกหน้าเข้าไปในท่อไม้ไผ่ที่ติดอยู่บนผนัง และถามออกไป ” มีอะไร ? “
” มีหญิงสาวสวมหมวกไม้ใบ นางบอกว่ามาจากศาลาหมอกและต้องการจะพบท่านหัวหน้าตระกูลซั่ว”
” เป็นนางสินะ ” ชิ เสี่ยว อุทานออกมา
สีหน้าของซั่วชูก็เปลี่ยนไป เขาค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องลับอีกครั้ง และหลังจากนั้น เขาก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว ” หรือว่าศาลาหมอกจะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือเรา นี่มันไม่ถูกต้อง ถ้าพวกเค้ารู้แล้วว่าเป็นเรา ทำไมเขาจะต้องลงมือกับตระกูลโม่ด้วย นี่ช่างแปลกนัก “
” เจ้าควรออกไปพบกับนางนะ ส่วนข้าจะรออยู่ที่นี่เอง ” ชิเสี่ยว ลังเล แล้วก็กล่าวออกมา ” ไปดูเหอะ ว่านางต้องการอะไรกันแน่ “
” ตกลง “
. . . . .
ในห้องรับแขกของตระกูลซั่ว ซั่วชูกำลังนั่งอยู่เฉยๆ เขามองไปที่เซี่ยซินหยาน ที่สวมหมวกไม้ไผ่ และยิ้มออกมา ” ข้าจะเรียกท่านว่าเช่นไรดี “
” เซี่ยซินหยาน “
” แม่นางเซี่ย ท่านมีอะไรรึถึงได้มาที่ตระกูลเรา ? ข้าคิดว่าไม่นานมานี้ข้าก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับศาลาหมอกนิน๊า “
” แล้วชิเสี่ยวหละ ? ” เซี่ยซินหยาน ส่ายหน้า และพูดออกไปตรงๆ
สีหน้าของซั่วชูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อบ แต่เขาก็รีบกลับสู่ความสงบ และถามออกไปด้วยความสับสน ” แม่นางเซี่ย เจ้ามีเหตุผลอันใดรึถึงได้ถามหาเขา ชิเสี่ยว เป็นนักรบในหุบเขาเมฆา เจ้ารู้จักเขางั้นรึ ? “
” แน่นอน เมื่อวานเราทั้งคู่ได้ประมือกันและเขาก็ได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ” เซี่ยซินหยานนั่งอยู่ตรงนั้น อย่างเป็นธรรมชาติ และค่อยๆจิบชาของนาง
สีหน้าของ ซั่วชู ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เขายิ้มเล็กออกไป” แม่นางเซี่ย เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ? คนที่ลงมือกับศาลาหมอกไม่ใช่คนจากตระกูลโม่หลอกรึ ? “
” ท่านซั่ว วันนี้ข้าไม่ได้มาชำระบัญชีกับท่านเสียหน่อย . ” เซี่ยซินหยานแววตาดูหงุดหงิดเล็กน้อย ” ในทางตรงกันข้าม ข้ามาที่นี่เพื่อขอความร่วมมือจากท่าน “
ตอนนั้นเอง เซี่ยซินหยานก็หยิบแผนที่อีกส่วนที่มีสีเหลืองเข้มออกมา และวางมันไว้บนโต๊ะระหว่างนางกับซั่วชู จากนั้นนางก็พูดออกมาเบาๆ ” แผนที่อีกส่วนอยู่ที่นี่แล้ว ท่านหัวหน้าตระกูลซั่ว ข้าต้องการพูดกับท่านอย่างตรงไปตรงมา งั้นเรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า พวกเรานั้นสามารถนำแผนที่ทั้งสองส่วนมารวมกันได้ และเมื่อเรารู้ว่าประตูแห่งสวรรค์จะปรากฏที่ใด พวกเราก็จะลงมือกันได้ทันที ท่านซั่ว อย่าได้เสียเวลาเลย ! ตอนนี้ ทุกคนต่างก็กำลังสนใจไปที่ตระกูลโม่ พวกเราสามารถใช้โอกาสที่เพื่อสำรวจประตูสวรรค์ได้ ท่านคิดเช่นไร ท่านซั่ว? “
เซี่ยซินหยาน พูดออกไปอย่างก้าวร้าว นางไม่ได้สนใจเลยว่าซั่วชูนั้นเป็นหัวหน้าระกูล นางมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ดังนั้นนางจึงหยิบแผนที่อีกส่วนออกมาวาง
ซั่วชูกังวลเล็กน้อยกับจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเซี่ยซินหยาน เขาไม่รู้ว่านางอยากจะร่วมมือด้วยจริงหรือไม่ หรือนางพยายามที่จะใช้คำพูดของนาง เพื่อที่จะเอาเปรียบตระกูลซั่วกัน
แต่เนื่องจากเซี่ยซินหยาน เป็นนักรบในระดับนภา ซั่วชูจึงไม่ได้พูดสิ่งใดออกไปเขาเพียงแค่ คิดในใจเท่านั้น
” ท่านซั่ว ข้าเองก็มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่หลายสิ่ง และข้าเองก็ไม่ชอบคิดเรื่องเล็กๆน้อย ในตอนที่ข้าได้ประมือกับชิเสี่ยว ตอนนั้นเองก็ไม่มีอะไรมาก เขานั้นล่าถอยไปทันทีเมื่อรู้ว่าข้าอยู่ในระดับนภา เช่นนั้นพวกเราทั้งคู่จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น ความแค้นครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ข้ามาที่นี่ก็เพื่อแผนที่อีกส่วนเท่านั้น ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อปัญหา ท่านเข้าใจหรือไม่ ? “
คิ้วสวยของเซี่ยซินหยานก็ปรากฏรอยย่นขึ้นมา นางจ้องไปที่ซั่วชูอย่างเย็นชา และกลายเป็นหงุดหงิดมากขึ้น
สีหน้าของซั่วชูเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เขาคิดอยู่เป็นเวลานาน . เขาคิดว่านางนั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาตัวผู้ลงมือขโมยจริงๆ เขาจึงกัดฟันของเขาและกล่าวออกไป ” แผ่นที่อีกส่วนไม่ได้อยู่กับข้า .
” แล้วมันอยู่กับใครรึ ? ” เซี่ยซินหยาน ดวงตาสว่างจ้า
” อยู่กับ ฉื่อเจี้ยน “
” เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดกับท่านอีก ข้าขอตัวไปหาฉื่อเจี้ยนก่อน ” เซี่ยซินหยานหยิบแผนที่อีกส่วนเก็บเข้าไป นางยืนขึ้นและกล่าวว่า ” ท่านซั่ว ขออภัยที่รบกวน เช่นนั้นข้าขอลา “
” เดี๋ยว ข้าจะไปกับเจ้าด้วย “
ซั่วชูยืนคือทันทีและคิดในใจ ” หญิงสาวคนนี้ ทัศนคติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าแผนที่ไม่ได้อยู่กับข้า นางช่างกล้าเสียมารยาทกับข้านัก ข้ามั่นใจเลยว่านางต้องไม่ใช่เจ้าของศาลาหมอกธรรมดาๆแน่ ! “
” ท่านจะไปทำอะไรที่นั่นรึ ” เซี่ยซินหยานดูแปลกใจ
สีหน้าของซั่วชูเริ่มจะมืดมน เขาสูดลมหายใจเข้า แล้วกล่าวว่า ” ฉื่อเจี้ยนกับข้าเป็นสหายสนิทกันและได้วางแผนไปสำรวจประตูสวรรค์ร่วมกัน เจ้ายังจะคิดว่า ข้าไม่เกี่ยวข้องอยู่ไหม ? “
” เช่นนั้น เราก็ไปกันเถอะ ” เซี่ยซินหยานพูดออกไปอย่างเรียบเฉย
” เดี๋ยวก่อน ข้าต้องการให้ใครบางคนไปด้วย ” ซั่วชูฝืนยิ้มและพูดติดๆขัดๆออกมา ” ข้าจะพาชิเสี่ยวไปด้วย เอ่อ . . . เจ้าบอกว่าไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ “
” ถูกต้อง ข้าไม่สนใจเลยสักนิด เช่นนั้นก็พาชิเสี่ยวไปด้วยเถอะ จะได้ปลอดภัยมากขึ้น “
. . . . .
ที่ตระกูลฉื่อ ในชั้นที่สามของอาคารหินที่ฉื่อหยานอยู่
ฉื่อหยานกำลังนั่งขัดสมาธอยู่บนพื้น . เขามีสีหน้าจริงจัง เขาจดจ่อไปที่ลมหายใจ และสัมพัสไปที่พลังธรรมชาติที่อยู่ในอากาศอย่างเข้มข้น
จิตใจของเขาอยู่ในความวงบ ฉื่อหยานปิดดวงตาของเขาไว้แน่น และเริ่มโคจรพลังปราณลึกลับในร่างกายของเขา
หลังจากโคจรอย่างต่อเนื่องครบเจ็ดครั้ง, การแสดงออกบนใบหน้าของเขาก็กลายเป็นแข็งตรึง !
ในร่างกายของเขา พลังปราณลึกลับที่มากมายกำลัง ไหลลงออกไปที่แขนของเขาเหมือนกับแม่น้ำที่กำลังเอ่อล้นตะหลิง
มันเป็นเหมือนม้าพยศ , พลังปราณลึกลับเหล่านั้นกำลังพลุ่งพล่านอย่างดุเดือดอยู่ในแขนซ้ายของเขา แขนซ้ายของเขาสั่นออกมาเบาๆ และปรากฏร่องรอยของเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าของเขา
” ย๊าาาาาาาาาา ! “
ฉื่อหยานก็คำรามออกมา พลังปราณลึกลับมหาศาลที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในแขนซ้ายของเขาก็ไหลพุ่งไปยัง นื้วมือข้างที่สวมแหวนไว้
” เปี๊ย เปี๊ย เปี๊ย ! “
พลังปราณลึกลับกลายเป็นดาบพลังปราณพุ่งออกมาจากนิ้วของเขา !
พลังปราณลึกลับที่รุนแรงกระแทกเข้ากับม่านพลังที่บน แหวนสายโลหิต ซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดเป็นแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้น
สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย จากนั้นหน้าของเขาก็เปล่งแสงแดงที่แปลกประหลาดออกมา
” ปุ ! “
เสียงคมชัดดังออกมาจากแหวนสายโลหิต
จู่ ๆแหวนสายโลหิตก็ส่องแสงสีแดงออกมา เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้า , มันสาดส่องไปอาหารหินทั้งสามชั้น
มันเคลื่อนไหวไปมารอบๆ โดยมีจุดศูนย์กลางคืออาหาคหิน