บที่ 85 ปรมจารย์ต่อกต๋อย
ชายแปลกหน้าที่ดูน่ากลัวนี้ลอยขึ้นมาจากโคลนอย่างง่ายดายและตามร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียว นั่นทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
มันตระโกนออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกับมีไอพิษลอยออกมาจากร่างกายของมันกระจายไปรอบๆ
ปรากฏเป็นหมอกพิษขึ้นหนารอบๆ มันเกาะกลุ่มกันต่อเนื่องและบีบอัดกันจนหนาแน่น
” ฮุรา ! “
ทันใดนั้นเองก็มีหยดน้ำสีเขียวหยดลงกระทบกับพื้น
มันเป็นฝนพิษที่ตกลงมายังบึง
สีหน้าของชิเสี่ยวเปลี่ยนแปลงไป เขาตะโกนว่า ” ซัวฉี ! อย่าได้วู่วามไป ! “
ในเวลาเดียวกัน ชิเสี่ยวก็เอาม่านเล็กๆออกมา และขยายมันออกในครั้งเดียว จากนั้นก็ครอบคลุมทั้งกลุ่ม .
ฝนพิษตกลงบนม่านสีเงินและไหลผ่านขอบม่านหยดลงไปบนบึงและกลายเป็นไอพิษทันที
” ม่านสีเงิน ! “
ชายน่าเกลียดใบหน้าบิดเบี้ยว และตะโกนออกมา , ” เจ้ากล้าเอาม่านสีเงินออกมางั้นรึ ! ชิ เสี่ยว ครั้งนี้เห็นทีข้าจะต้องประมือกับเจ้าแล้ว ! “
” หยุดนะ ! ” เมื่อมองไปที่ชายน่าเกลียด ที่ชื่อ ซัวฉี ชิเสี่ยว ก็ยื่นมีออกไปด้านหน้า และรีบหยุดมัน ” ซัวฉี , เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้มาทีนี่เพื่อสู้กับเจ้า แล้วข้าก็เอาม่านสีเงินของข้ามาเพื่อป้องกันพิษของอสรพิษเก้าหัวเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเจ้า ! “
” ข้าไม่เชื่อ ! ” ซัวฉีหัวเราะอย่างเย็นชา ” ฮ่า ฮ่า เจ้าจะบอกว่าเจ้าจะจัดการกับอสรพิษเก้่าหัวคนเดียวงั้นรึ ใครจะเชื่อ ? หึ ! อีกอย่างเจ้านั้นไม่ได้มีความแค้นอะไรกับอสรพิษเก้าหัว เจ้าจะต้องมาหาข้าแน่นอน “
หลังจากคำรามออกมา ซัวฉีที่ร่างอีกครึ่งหนึ่งจมไปในบึง ก็ปรากฏกระแสประหลาดสีเขียวอ่อน พุ่งออกมาจากโคลน
หลังจากนั้น ก้เป็นมังกรโคลนที่กระโจนออกมา พวกมันมีขนาดหนาเท่าเอวของมนุษย์และสูงประมาณสิบเมตร , มันพยายามที่จะกัดไปยังกลุ่มของพวกเขา
ซัวฉีนั้นไม่สามารถควบคุมพิษในหนองน้ำของบึงมรณะได้ แต่เขานั้นสามารถควบคุมโคลนได้
สีหน้าของฉื่อหยานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่รับบมือได้ยากในตอนเริ่มต้นของการเดินทางของพวกเขาเลย เขาตื่นตัวทันที และโคจรพลังปราณลึกลับของของเขาและเตรียมที่จะโจมตีไปที่พวกมังกรโคลน
พวกมังกรโคลนลอยพุ่งมาจากหนองน้ำ อย่างรวดเร็ว และเคลื่อนไหวบุกไปยังกลุ่มจากทุกทิศทาง ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของมัน
พื้นดินแห้งที่กลุ่มพวกเขากำลังยืนอยู่กำลังค่อยๆจมลงไป ภายใต้การควบคุมของซัวฉี
แววตาของเซี่ยซินหยานกลายเป็นเย็นชา และนางก็เตรียมพร้อมที่จะใช้จิตวิญญานต่อสู้ของนาง
” ซัวฉี ! เชื่อข้าเถอะ ! ข้าไม่ได้มาที่นี่เพราะเจ้า ! ” ชิ เสี่ยว ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ชิ เสี่ยว นั้นมั่นใจแน่นอนว่าเขาชนะ ซัวฉี ได้ แต่เหตุผลที่เขาพยายามต่อรองก็เพราะกลัวว่าคนในกลุ่มจะได้รับบาดเจ็บ เขาเชื่อว่าหากได้เริ่มต่อสู้แล้ว จะมีเพียงแต่เขาและเซี่ยซินหยานเท่านั้นที่สามารถทนต่อการโจมตี ซัวฉีได้
” ฉื่อหยาน มานี่สะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ” เซี่ยซินหยาน เหลือบมองไปที่เขา และกล่าวออกมาโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ
ฮันเฟิงและ กู่หลงก็แปลกใจและมองไปที่เซี่ยซินหยานด้วยความสับสน
ซั่วฉื่อและหวู่หยุนเหลียนเอง ก็นึกไม่ออกถึงเหตุผลที่เซี่ยซินหยานต้องการจะปกป้องจฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ไม่พูดอะไร เขากระโดดผ่านผืนดินแห้งไปอยู่ข้างๆเซี่ยซินหยาน
” ซัวฉี ! “
ชิเสี่ยว เองก็ประหลาดใจเขาเลิกสนใจและหันไปพูดกับซัวฉี ” ประตูสวรรค์จะปรากฏขึ้นหุบเขาพลังหยิน ! และข้าก็มาเพื่อรับมือกับอสรพิษเก่าหัว เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ! “
” เจ้าว่าอะไรนะ ? ” ซัวฉีก็แปลกใจและร้องออกมา ” ประตูสวรรค์รึ ! ?”
” ใช่ เรามีแผนที่ของประตูสวรรค์ และประตูฟ้าสวรรค์นั่นก็จะเปิดออกที่หุบเขาพลังหยินแห่งนี้ ! ” ชิ เสี่ยวต้องบอกความจริงกับเขาไป
ซัวฉีตะลึง แล้วหัวเราะคิกคักอย่างเจ้าเล่ห์
ขณะที่เขากำลังหัวเราะคิกคักกลิ่นไอสีเขียวในอากาศเริ่มลอยกระจายกันออกไป
ฝนสีเขียวเองก็หยุดเช่นกัน
มันลอยกลับเข้าไปในหนองน้ำพร้อมกับมังกรโคลน
ปลาสีเขียวเองก็หยุดเคลื่อนไหวและกลับลงไปใต้บึงเช่นกันหลังจากเห็นมังกรโคลนกลับไป ภายใต้คำสั่งของซัวฉี พวกมันก็กลับไปใต้บึงอย่างสงบ
ซัวฉีเองก็หยุดเช่นกัน
ชิ เสี่ยว โล่งใจแล้วยืดมือของเขาขึ้นในอากาศและหดม่านลง ในที่สุดมันก็พับลงบนฝ่ามือของเขา
หนองน้ำกลับไปเป็นเงียบสงบ แม้แต่ฟองสีเขียวก็ค่อยๆ หายไป ทั่วทั้งบึงมรณะกลายเป็นเงียบงัน
” ข้ารู้เจ้าเองก็ต้องการจะกำจัดอสรพิษเก้าหัวเช่นกัน ” ชิเสี่ยวคำรามออกมาและ พูดเยาะเย้ย ด้วยความโกรธ ” ข้าพนันได้เลยว่าเจ้าจะต้องเสียใจแน่ หากเจ้าไม่ยอมหยุด “
ขณะที่เขากำลังพูด เขาก็มองไปที่เซี่ยซินหยาน
ชิ เสี่ยว คนเดียวก็สามารถรับมือกับซัวฉีได้แล้ว และนี่ยังมีเซี่ยซินหยานที่อยู่ในระดับนภาอีกคน หากมันไม่หยุด มันจะต้องเจอกับปัญญาที่ใหญ่หลวงแน่
ซัวฉีมองไปที่ เซี่ยซินหยาน มันสังเกตเห็นสายตาของชิเสี่ยวและขมวดคิ้ว .
มันรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอำนาจที่กำลังค่อยๆลดลงในร่างกายของนาง
แต่คร่าว ๆ ซัวฉี ก็สังเกตได้ว่า หญิงสาวคนนี้ไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆแน่นอน เหมือนกับว่านางนั้นได้ใช้วิชาลับบางอย่าง
ฉื่อหยานมองไปที่เซี่ยซินหยานที่มีใบหน้าเศร้าหมอง นางนั้นยังคงมองไปที่ ซัวฉี อย่างระวัง
ระหว่างที่ฉื่อหยานยังคงจ้องมองไปที่นาง เซี่ยซินหยานก็กล่าวออกมาอย่างใจเย็น ” ท่านชิเสี่ยว ท่านแนะนำท่านปรมจารย์ผู้นี้ให้เรารู้จักได้หรือไม่ “
” เขาก็เป็นแค่ปรมจารย์ต่อกต๋อยเท่านั้นแหละ ” .
ชิเสี่ยวส่ายหัวเหมือนดูหมิ่น ,และชายตามองไปที่ ซัวฉี อย่างไม่พอใจและกล่าวว่า ” ซัวฉี เขาก็อยู่เพียงแค่รอบนอกของบึงมรณะเท่านั้น ซึงเป็นหนองน้ำขนาดเล็กและมีพิษบางส่วนเท่านั้น แต่ที่ศูนย์กลางของบึงมรณะ นั่นก็คือพื้นที่พลังหยิน , ซึ่งถูกปกครองโดยอสรพิษเก้าหัว เขาไม่ได้รู้เรื่องบึงมรณะอย่างแท้จริงหลอก
” ชิ เสี่ยว ! ข้าเองก็รู้เรื่องพื้นที่พลังหยินเช่นกัน ! ” ซัวฉี อยู่ๆก็ร้องออกมา ” บิด่ของข้าค่อนข้างชำนาญพื้นที่แห่งนั้น ! รอข้าก่อน ไม่นานข้าจะกลับมา “
” กว่าเจ้าจะกลับมา ” ชิ เสี่ยว แสยะยิ้ม และพยักหน้าให้เซี่ยซินหยาน ” แม่นางเซี่ยก็คงไปถึงฝั่งแล้ว “
” อื้ม ” เซี่ยซินหยานพยักหน้า และเหลือบมองที่ฉื่อหยาน พร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดออกไปอย่างไม่แยแส ” ไปได้แล้ว “
” ได้เบย “
ฉื่อหยานตอบอย่างเป็นกันเอง และกระโดดผ่านผืนดินแห้งที่ชิเสี่ยวได้ทดสอบไปแล้ว และในไม่ช้า เขาก็ขึ้นไปบนฝั่ง
ซัวฉีคำรามออกมา พร้อมกับเคลื่อนไหวร่างของเขาครึ่งหนึ่งผ่านหนองน้ำอย่างรวดเร็ว และก็มาถึงฝั่ง แต่ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งยังคงอยู่ในบึง เพราะเขายังสงสัยชิเสี่ยวอยู่เล็กน้อย
” ฉื่อหยานตอนนี้เจ้าเป็นไงบ้าง ? เลือดของปลาสีเขียวไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการให้ซัวฉีช่วยหรือไม่ ? ” ชิ เสี่ยวถามในขณะที่เขาก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฉื่อหยานยืนอยู่ตรงนั้น และก้มลงมองฝ่ามือของเขาและส่ายหัว ” ข้าไม่เป็นไร “
เขารู้ดีว่า จิตวิญญานอมตะของเขาได้ชำระพิษเหล่านั้นไปจนหมดแล้ว
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ชิ เสี่ยวและซัวฉี ก็มองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ
มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่รู้ว่านักรบในรถดับมนุษย์จะต้องประสบความกับความเมื่อยล้าอย่างน้อยหนึ่งวันหลังสัมผัสเลือดสีเขียวของปลา .
คนอื่นนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเลือดนี้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจและเดินไปข้างหน้าต่อ
ในไม่ช้า ซั่วฉื่อ ฮันเฟิงและคนอื่นๆก็ออกจากหนองน้ำ และขึ้นไปยังผืนดินบนฝั่ง
” ชิ เสี่ยว เจ้ามาหา เจ้างูนั่นจริงรึ ? ” ซัวฉีเงยหน้าขึ้นถาม ในขณะที่ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาอยู่ในโคลน
” เจ้่าทำตัวตามสบายเหอะ สำหรับการเดินทางที่เหลือของเรา หากเจ้าต้องการจัดการเจ้างูนั่น เจ้าก็นำทางเราเถอะ ” ชิ เสี่ยว พยักหน้า
” แน่นอน ! แน่นอน ข้าจะช่วยหากเป้าหมายของเจ้าคือกำจัดเจ้างูนั่นจริงๆ . . . ” ซัวฉีพูดอย่างเป็นกันเอง ” ข้าจะพาเจ้าไปที่ๆปลอดภัยในพื้นที่พลังหยินเอง และข้าจะต้องไปที่นั่นด้วย บิดาของข้า กับ ข้าเคยฝึกฝนกันอยู่ที่นั่น ดังนั้นข้าจึงคุ้นเคยดี .
” นอกจากงูนั่นแล้ว เจ้าเองก็ยังต้องการที่จะสำรวจสู่ประตูแห่งสวรรค์ด้วยสินะ . ” ชิเสี่ยวคำราม .
ซัวฉี ไม่ได้ปฏิเสธ แต่หัวเราะคิกคัก ” ฮ่า ฮ่า เจ้ารู้ด้วยรึ แต่ว่าเจ้าเองก็แทบเอาชนะเจ้างูนั่นไม่ได้ เอางี้ให้ข้าช่วยเจ้าเป็นไง ?และหลักจากจัดการมันเสร็จแล้วหละก็ ข้าเองก็จะขอสำรวจประตูสวรรค์ด้วย เป็นไงเท่านี้ เราต่างฝ่ายต่างได้ทั้งคู่ “
” แม่นางเซี่ย เจ้าคิดว่าไง ? “
ชิเสี่ยวไม่ตอบ ซัวฉี แต่กลับมองไปที่เซี่ยซินหยาน ” ซัวฉีและอสรพิษนั้นเป็น ศัตรูเก่ากัน พื้นที่ด้านนอกของบึงมรณะเป็นเขตปกครองของเขา เราก็จะไม่เจอปัญหาใด ๆแน่นอนหากเขาร่วมเดินทางไปกับเรา และเราก็จะมีโอากาสจัดการเจ้างูนั่นมากขึ้นหากเขาร่วมมือกับเรา”
” ตกลง ” เซี่ยซินหยานคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
” งั้น เจ้าก็มา ” ชิเสี่ยวแล้วตอบเขา
” หึหึ แล้วเจ้าจะไม่เสียใจ ” ซัวฉียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเขาก็ตะลึงเล็กน้อย ” ชิ เสี่ยว นอกจากพวกเจ้าแล้วยังมีใครอีกไหม ? “
” ไม่อ่ะ ” ชิเสี่ยวดูสับสน ” มีเพียงเราเท่านั้น “
” แล้วทำไม 7 วันมานี้ ถึงมีนักรบในระดับนภากับพวกนักรบคนอื่นมาป้วนเปี่ยนไปมาในบึงมรณะแห่งนี้หละ ” ซัวฉีถาม ” ข้าได้ฆ่าคนของมันไปบางส่วนแล้วก็ได้ต่อสู้กับมัน แล้วตอนนั้นเองข้าก็ได้รู้มันอยู่ในระดับนภา ข้าไม่เคยออกไปจากบึงมรณะแห่งนี้เลย ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่ามันคือใคร แต่ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ มันถึงได้มายังพื้นที่พลังหยินแห่งนี้ ”
” นักรบระดับนภา ” สีหน้าของชิเสี่ยวเปลี่ยนไป และเขาคิดสักครู่ ” จักวรรดิ์อัคคี , จักวรรดิ์พรพระเจ้า และสมาคมการค้า มีนักรบในระดับนภาไม่มากนัก แล้วมันคนนั้นเป็นใครกัน ? หน้าตามันเป็นเช่นไร ? “
” ผอม สูง ผิวซีด เจอ ดวงตาคับแคบ ดูเหมือนกับว่ามันไม่เคยถูกแสงแดดมาก่อน และมันก็ได้ฝึกวิชาที่น่าหวาดกลัว . ” ซัวฉีคิดสักพัก และกล่าวถึง .
” ข้าเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่ามันเป็นใคร” ชิเสียวครุ่นคิดสักพักเท่านั้นที่จะตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้จักคนๆนั้นเลยจากนั้น เขาก็ส่ายหัว ” ไม่เป็นไร บางทีมันอาจจะแค่บังเอิญผ่านบึงมรณะไป ยังไงก็ตาม เราก็ต้องตื่นตัวไว้ .
” ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังพื้นที่พลังหยินเอง”
ซัวฉีก็ขึ้นมาบนฝั่ง ขาของเขาถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียว ขาของเขาดูเหมือนกับว่ามันไม่สามารถเดิน เพราะขาของเขาเหมือนกับขาเป็ด
อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นได้เห็นความสามารถของซัวฉีแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าหัวเราะท่าเดินของซั่วฉี .
เขานั้นเป็นผู้ปกครองพื้นที่แห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็จะปลดปล่อยกลิ่นไอพิษกระจายออกไปทั่วได้อย่างรวดเร็ว
มีผืนดินแห้งหลายแผ่นปรากฏขึ้นต่อหน้าเพื่อให้เขาเดิน
พวกเขาพบว่ามันง่ายมากเมื่อเดินตาม ซัวฉี ไป เอาตะกั่ว พวกเขาสามารถถึงที่หมายที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 1 เดือนได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 8 วัน
8 วันต่อมา สุดท้ายกลุ่มของพวกเขาก็มาถึงยังพื้นที่พลังหยิน