บทที่ 90 ท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลง
นอกหุบเขาพลังหยิน เกิดเสียงคำรามดังสนั่นขึ้นไม่รู้จบและปรากฏเป็นคลื่นพลังขนาดใหญ่กระจายเผยแพร่ทั่วท้องฟ้า เหมือนกับสายฟ้าผ่า
ชิเสี่ยว เซี่ยซินหยาน และ ซัวฉี ทั้งหมดต่างก็ลอยอยู่ในอากาศ ; พวกเขาปลดปล่อยพลังใส่อสรพิษฟ้าเก้าหัวด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเขา
ชิเสี่ยว ร่างของเขาขยายใหญาขึ้นและถือผ้าม่านสีเงินในมือเพื่อป้องกันพิษ ขณะที่มืออีกข้างถือดาบยักษ์ เขาฟันใส่หัวทัังสามของอสรพิษฟ้าเก้าหัวที่พ่นไฟ
ซัวฉีได้รวมร่างกับมังกรดิน และรับมือหัวทั้งสามของอสรพิษฟ้าเก้าหัวที่พ่นพิษ พิษของอสรพิษฟ้าเก้าหัวนั้นไม่มีผลต่อซัวฉีเลย เขาจึงเปิดปากใหญ่โตของมันออกและบิดมันลงในขณะที่รวมร่างกับมังกรดิน
เซี่ยซินหยาน ผู้งดงามเองก็กำลังรับมือกับหัวที่เหลืออีกสามหัว นางลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับเทพธิดา เป็นสัญลักษณ์แปลกๆปรากฏขึ้นที่มือของนาง เกิดเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่พุ่งผ่านในอากาศ ซึ่งมันได้เคลื่อนไหวและจู่โจมไปที่หัวของอสรพิษฟ้าเก้าหัวที่เหลืออีกสามหัว
หัวทั้งสามของอสรพิษฟ้าเก้าหัวนี้ สามารถควบคุมพลังปราณหยินธรรมชาติได้ ทุกครั้งลมหายใจของมันจะปลดปล่อยพลังปราณหยินออกมา และพลังปราณหยินเหล่านั้นก็จะถูกดูดซับโดยวังวนทั้งสามที่อยู่เหนือหัวของฉื่อหยานทันที
หลังจากอสรพิษฟ้าเก้าหัวได้พยายามโจมตีอย่างหนัก แต่ก็ไร้ประโยชน์มันจึงโกรธเป็ยอย่างมาก มันค่อยๆเคลื่อนไหวไปทางฉื่อหยานเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเขา มันนั้นตั้งใจจะฆ่าฉื่อหยานเสียก่อน
ฮันเฟิงและ กู่หลงผู้ที่สังเกตุเห็นทุกอย่าง . ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สบายใจ แต่พวกเขาก็ยังยืนอยู่ข้างๆ ฉื่อหยานและคอยปกป้องเขาตลอด
ซั่วฉื่อ , หวู่หยุนเหลียนและซู่ปิงก็ได้มาถึงและหยุดดู ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดจากตระกูลฉื่อและตระกูลฉั่วก็ได้รวมตัวกัน และนอกจากฉื่อหยานแล้ว ทุกคนต่างก็กำลังดูการต่อสู้ระหว่าอสรพิษฟ้าเก้าหัว กับ สามปรมจารย์
ฉื่อหยานนั่งนิ่งเป็นหิน เขาหลับตาและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขานั่นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่รุนแรงได้อย่างชัดเจน
การต่อสู้ระหว่างผู้ที่มีพลังในระดับนภา ทำให้พืชพรรณที่อยู่รอบๆหุบเขาพลังหยินถูกทำลาย สถานที่แห่งหนึ่ง เกิดเป็นรอยร้าวลึกขึ้นบนพื้นดินในระหว่างการต่อสู้ ถึงแม้ฉื่อหยานจะนั่งหลับตาอยู่ เขาก็สัมพัสได้ถึงผลกระทบที่น่ากลัวนี้
แต่เขานั้นก็ไม่ได้หยุดดูดซับพลังปราณหยินธรรมชาติแต่อย่างใด
วังวนพลังหยินหน้าที่อกของเขา ในที่สุดพวกมันก็กลายเป็นไข่มุกพลังหยิน พวกมันปล่อยแสงที่มืดมิดออกมาและไข่มุกพลังหยินที่เต็มไปด้วยหลังหยินธรรมชาติก็ค่อยๆ จมลงสู่เส้นชีพจรทั้งสามของเขาได้แก่ เชินเค้อ เทียนเค้อ หยินตู๋
เมื่อไข่มุกพลังหยินประทับลงไปยังเส้นชีพจรของฉื่อหยานเขาพลัยสั่นสะท้านทันที
จาการตรวจสอบภายในร่างกายของเขา ฉื่อหยานก็สังเกตุเห็นว่าเมื่อไข่มุกพลังหยินเข้าไปในเส้นชีพจรของเขา , พลังงานเชิงลบที่อยู่ภายในเส้นชีพจรอยู่แล้วพวกมันทั้งหมดก็ไหลไปที่ไข่มุกพลังหยิน ราวกับว่ามันพวกมันกำลังจะดูดกลืนไข่มุกพลังหยินเหล่านั้นเข้าไป
ฉื่อหยาน ก็สะดุ้ง เขารีบเพ้งสมาธิทั้งหมดของเขาในการสังเกตเส้นชีพจรทั้งสามของเขา
จู่ๆ เขาก็จำได้ว่าเส้นชีพจรของเขาทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยพลังงานเชิงลบมาก และเขาก็คิดไม่ถึงว่าพลังงานเชิงลบเหล่านั้นจะขัดแย้งกับไข่มุกพลังหยินที่เข้ามาใหม่
ภายในเส้นชีพจรทั้งสาม
ในที่สุดของพลังงานเชิงลบก็ก่อเกิดขึ้นเป็นรูปร่างเหมือนกับริบบิ้น และค่อยๆ หลอมรวมกัน
เมื่อไข่มุกพลังหยินประทับลงในเส้นชีพจรทั้งสามของเขา พลังงานเชิงลบก็เข้าไปพัวพันกับพวกมันทันทีเหมือนกับว่ามันพยายามที่จะครอบครองไข่มุกพลังหยิน
อย่างไรก็ตาม ไข่มุกพลังหยินนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณหยินธรรมชาติที่มหาศาลและมันก็เกิดจากการปรับแต่งและกลั่นสกัดอย่างต่อเนื่องซ้ำไปซ้ำมา ! แม้ว่าพลังงานเชิงลบในเส้นชีพจรของเขา จะแข็งแกร่งและชั่วร้ายเพียงใด พวกมันก็ยังมีปริมาณที่น้อยกว่าพลังปราณหยินนัก
ผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาหลายวัน แน่นอนว่าฉื่อหยานนั้นมีพลังงานเชิงลบมากมาย แต่พลังงานเชิงลบเหล่านั้นกลับกระจายไปทั่วทุกเส่นชีพจรของเขา
ในร่างกายของเขามีชีพจรด้วยกันทั้งหมด 720 เส้น และแน่นอนว่าพลังงายเชิงลบต้องกระจายออกไป พลังงานเชิงลบที่อยู่ในเส้นชีพจรทั้งสามนั้นนับได้ว่าน้อยนิดนัก
อย่างไรก็ตาม เหมือนกับว่าไข่มุกพลังหยินจะสัมพัสได้ถึงพลังงานเชิงลบ และมันก็มุ่งมันที่จะปกป้องตัวเอง มันจึงปลดปล่อยไข่มุกพลังหยินทั้งหมดออกมา
จากนั้นพลังงานเชิงลบและไข่มุกพลังหยินในร่างกายของเขาก็หยุดต่อต้านกัน
ด้วยพลังปราณหยินธรรมชาติที่ไหลเข้ามายังวังวนมากขึ้นเรื่อยๆ , ไข่มุกพลังหยินอีกสามเม็ดก็ก่อตัวขึ้นใจกลางวังวนทั้งสาม . . . . . . .
ด้วยวิธีนี้ ไข่มุกพลังหยินสามเม็ดก่อนหน้านี้ที่ประทับไปยังชีพจรของเขาก็ได้รับการสนับสนุนและมันก็แข็งแกร่งมากขึ้น ไข่มุกพลังหยินค่อยๆปกคลุมไปทั่วเส้นชีพจรทั้งสามของฉื่อหยานช้าๆ
ในทางตรงกันข้าม มันกลายเป็นผู้ครอบงำพลังเชิงลบ และพลังงานเชิงลบเหล่านั้นก็หดกลับเข้าไปในมุมของเส้นชีพจรและหยุดก่อเรื่องวุ่นวาย โดยที่พวกมันไม่สามารถต่อต้านได้
เหนือขึ้นไปบนหัวของฉื่อหยาน , วังวนพลังหยินทั้งสามที่ใหญ่เหมือนภูเขาก็ดูดซับพลังปราณหยินธรรมชาติอย่างรวดเร็ว !
พื้นที่พลังหยินที่ไม่เคยมีแสงใดสาดส่องลงมาตลอดทั้งปี ก็ปรากฏเป็นแสงแรงสาดส่องลงมา !
ภายใต้การดูดอย่างบ้างคลั่ง ของวังวนพลังหยินขนาดเท่าภูเขาที่อยู่เหนือหัวฉื่อหยาน พลังปราณหยินธรรมชาติที่สะสมมาเป็นพันๆปี และครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่พลังหยิน ก็ถูกดูดจนเหือดแห้งทันที !
อากาศที่เย็นและมืดมิดในพื้นที่พลังหยิน ก็ค่อยๆอุ่นขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องลงมา
แสงแดดส่องสว่ามาจากบนท้องฟ้า และมันก็สาดส่องไปยังพิชพรรณและสัตว์อสูรที่อยู่ในพื้นทีพลังหยิน
พืชแปลกประหลาดเหล่านั้นกลายเป็นเหี่ยวเชาและหดตัวลงท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง .
เหล่าสัตว์อสูรคำรามอย่างบ้าคลั่ง พวกมันวิ่งหนีออกจากพื้นที่พลังหยิน มุ่งออกไปยังรอบนอกของบึงมรณะทันที
” เอ๊ะ ! ” ซั่วฉื่ออุทานออกมา ” พืชและสัตว์อสูรเหล่านั้นกลัวแสงแดดหลอกรึ ! “
” พืชในพื้นที่เติบโตขึ้นในพื้นที่พลังหยิน พวกมันได้จึงปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ แต่ตอนนี้ พลังปราณหยินธรรมชาติได้หายไปแล้ว และพืชเหล่านี้ก็ไม่เคยสัมผัสกับแสงแดดมาก่อนพวกมันจึงไม่สามารถทนได้ พวกมันทั้งหมดจึงเหี่ยวเฉาและตายไป ” หวู่หยุนเหลียนกล่าว
” แล้วสัตว์อสูรหละ ? “
” มันก็เหมือนกัน สัตว์อสูรพวกนี้ที่อาศัยอยู่ที่นี่โดยบ่มเพาะพลังจากพลังปราณหยิน ในร่างของพวกมันนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณหยินธรรมชาติ ธรรมชาติของพวกมันจึงชอบที่ร่ม ดังนั้น เมื่อพวกมันตระหนักว่า มีแสงแดดปรากฏขึ้น พวกมันก็ทำได้แค่เพียงวิ่งหนีหนีเข้าไปในบริเวณรอบนอกบึงมรณะ อย่างน้อยที่นั่นก็มีหมอก และร่มเงาของต้นไม้เก่าแก่พอให้พวกมันได้หลบซ่อน สำรหับพวกมัน ประเชิญกับพิษ ดีกว่าต้องประเชิญกับแสงแดด “
” นั่นก็หมายความว่า อสรพิษฟ้าเก้าหัวก็จะได้รับผลกระทบด้วยใช่หรือไม่ ? “
” แน่นอน ” หวู่หยุนเหลียนดูสับสยและนางก็จ้องมองไปยังอสรพิษฟ้าเก้าหัว
ตอนนั้นเอง
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง , สามหัวของอสรพิษฟ้าเก้าหัวที่หายใจออกมาเป็นพลังปราณหยินดูเหมือนจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ภายใต้การโจมตีของเซี่ยซินหยานหัวทั้งสามนั่นได้เพียงแค่หลบเลี่ยงกับมือยักษ์ที่นางปลดปล่อยออกมา โดยไม่มีพลังพอที่จะโต้กลับ
ชายร่างยักษ์ทั้งสองคนที่กังวลเกี่ยวกับเซี่ยซินหยางก่อนหน้านี้ ตอนนี้เองมันพวกก็หายใจโล่งอกออกมา
เขาคนหนึ่งมองกลับที่ฉื่อหยานจากระยะไกล เขาขมวดคิ้วและมองอย่างเงียบๆสักพัก ก็กล่าวว่า ” เราต้องขอบคุณเจ้าหนุ่มนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาดูดซับพลังปราณพยินธรรมชาติทั้งหมดไปและทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องมา อสรพิษฟ้าเก้าหัวคงยากที่จะจัดการ .
” อืมมมมมม.. ข้าประหลาดใจนัก ทำไม [ ตำราทมิฬ ] ถึงได้มาปรากฏยังที่แห่งนี้ , ข้าสงสัยว่าเขาได้มันมาครอบครองได้อย่างไร . . . . . . . “
” ตูม ตูม ตูม ! บูม บูม บูม ” อสรพิษฟ้าเก้าร่างกระตุกตลอดทาง และมันหลบหนีไปยังหุบเขาพลังหยินทันที
ดวงตะวันได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและอสรพิษฟ้าเก้าหัว ร่างกายของมันก็ได้รับบาดจเจ็บสาหัส มันจึงหลบหนีไปเพื่อรักษาชีวิจของตัวเอง
” จับมัน ! “
ซัวฉีร้องออกมา เขาพุ่งตามไปพร้อมกับ จ้องที่อสรพิษฟ้าเก้าหัว
ชิ เสี่ยวและเซี่ยซินหยานพวกเขาทั้งสองได้สบตากัน และก็รู้ว่าประตูแห่งสวรรค์นั้นอยู่ในหุบเขาพลังหยิน ถ้าพวกเขาปล่อยให้อสรพิษฟ้าเก้ารักษาตัวหละก็ มันจะกลายเป็นปัญหาเพิ่มเติมในภายหลังได้
พวกเขาจึงเลือกที่จะกำจัดมันให้เร็วที่สุดแทน
ดังนั้น ชิ เสี่ยวและเซี่ยซินหยาน จึงตามไปทันที
เสียงร้องคำรามเหมือนฟ้าผ่าดังออกมาจากหุบเขาพลังหยิน ชิ เสี่ยว และคนอื่นๆก็จู่โจมไปที่อสรพิษฟ้าเก้าที่อยู่ในหุบเขาพลังหยิน
ที่ด้านนอกหุบเขา วังวนพลังหยินขนาดยักษ์ที่อยู่เหนือหัวของฉื่อหยานก็ค่อยๆหายไป
พลังปราณหยินธรรมชาติทั้งหมดได้ถูกดูดซับเข้ามาที่วังวรพลังหยิน
วังวนพลังหยินทั้งสามได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ที่หน้าอกของฉื่อหยาน มันหลอมรวมกันและประทับลงไปยังเส้นชีพจรของเขา
รู้สึกว่าวังวนพลังหยินหยุดเคลื่อนไหว และไม่มีร่องรอยของพลังปราณหยินไกลเข้ามายังร่างกายของเขา ในที่สุดเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
ฉื่อหยานลืมตาและลุกขึ้นยืน เขามองดูรอบๆ และเห็นความแปลกใจปรากฏบนใบหย้าของ ฮันเฟิง หวู่หยุนเหลียน และคนอื่นๆ เขาจึงพูดขึ้น ” ไปดูในหุบเขาพลังหยินกันเหอะ ดูเหมือนว่าอสรพิษฟ้าเก้าหัวใกล้จะถูกกำจัดแล้ว “
เป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาตระหนักว่า ฉื่อหยานจงใจหลีกเลี่ยงและเปลี่ยนไปพูดคุยเรื่องหุบเขาพลังหยิน
” นายน้อย ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ? ” กู่หลงช่วยไม่ได้ที่จะถามออก
” ข้าไม่เป็นไรหลอก ข้าเพียงแค่ฝึกฝนวิชาใหม่สำเร็จเท่านั้น แต่ข้าก็ไม่นึกว่าวิชานี่จะแปลกประหลาดเช่นนี้ ” ฉื่อหยานขมวดคิ้ว เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้ และพยายามที่จะหมุนเวียน วังวนหลังหยินทั้งสาม ที่หน้าอกของเขา
ในที่สุดของพลังหยินที่แปลกก็ไหลออกมาจากสามเส้นชีพจรของเขา ได้แก่ เฉินเค้อ เทียนเค้อ หยินตู๋ พลังไหลออกมาจากวังวนทั้งสาม และเริ่มโคจรอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ปลดปล่อยพลังปราณหยินบริสุทธิ์ออกมา
พลังหยินนี่แตกต่างจากพลังปราณลึกลับนัก เพียงแค่เขาโคจรมายังแขนของเขา มันก็ไหลซึมออกมาแล้ว . . . . . . .
บนฝ่ามือของเขา ส่องแสงเย็นว่าบออกมา และค่อยๆปรากฏเป็นลูกแสงสีเขียวขึ้นมา ปกคลุมไปทั้งมือของเขา
ขณะที่ โคจรพลังปราณหยิน ลูกบอลแสงนี่ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น และในที่สุดลูกบอลแสงสีเขียวก็กลายเป็นขนาดเท่ากับหัวมนุษย์
ฉื่อหยานค่อยๆหายใจ และค่อยๆโคจรมันกลับไป ลูกบอลสีเขียวอ่อน ก็เริ่มหดตัวลง และพลังปราณหยินก็โคจรกลับมายังวังวนพลังหยินทั้งสามดังเดิม และวังวนทั้งสามก็ถูกดูดซับกลับไปยังไข่มุกพลังหยินทั้งหกของเขาอีกครั้ง
ไข่มุกพลังหยินเป็นแหล่งกำเนิดพลังของ [ ตำราทมิฬ ] พวกเขาปลดปล่อยวังวนออกมา และควบคุมให้พลังปราณหยินไหลผ่านเส้นชีพจรเพื่อโจมตี
ฉื่อหยานลองนึกถึกขั้นตอนเมื่อสักครู่ ไม่นานก็พบว่า วิธีที่การใช้ [ ตำราทมิฬ ] มันไม่เหมือนกับการโคจรพลังปราณลึกลับอย่างอื่น
” เป่ยหมิงชาง ! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ! “
ในขณะนั้นเอง จากหุบเขาพลังหยิน จู่ๆก็เป็นเสียงชิเสี่ยวตะโกนออกมาอย่างตกใจ
ทุกคนที่อยู่นอกหุบเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
” เร็วเข้า ไปดูกันเถอะ ! ” หวู่หยุนเหลียนบอกคนที่เหลือ และรีบวิ่งไปยังทิศทางของหุบเขาพลังหยิน
ฉื่อหยาน ฮันเฟิง และ กู่หลงก็ไม่ประมาทเช่นกัน ดังนั้น พวกเขารีบวิ่งออไป และวิ่งไปทางหุบเขาพลังหยินด้วยความเร็วสูงสุด
––––––––––––––––––––––––
ปล. ลงอีก 3 ตอน ในวันที่ 26/6/2560 ตอนนี้กลุ่มลับของเราเริ่มลงตอนที่ 245 แล้วจ้า สนใจอ่านรายระเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ