บทที่ 91 ปล้นซึ่งๆหน้า
ในหุบเขาพลังหยิน
เป็นฉื่อหยานดูดซับพลังปราณหยินระหว่างสวรรค์และโลกไปจนหมด โดยไม่มีหลงเหลืออยู่ในหุบเขาพลังหยินเลยแม้แต่นิดเดียว
เกิดเป็นแสงแดดส่องเจิดจ้าเหนือท้องฟ้า
ร่างใหญ่ของอสรพิษฟ้าเก้าหัวหัวตกลงมาที่ศูนย์กลางของหุบเขาพลังหยิน มีเลือดหยดจากบาดแผลทั่วตัวของมัน
ภายใต้การโจมตีของชิเสี่ยว ซัวฉีและเซี่ยซินหยาน โดยปราศจากพลังปราณหยิน , อสรพิษฟ้าเก้าหัวหัวในที่สุดก็ตกตายภายใต้แสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม นอกจาก ชิ เสี่ยว ซัวฉี และ เซี่ยซินหยาน แล้วยังมีคนอื่นที่เข้ามายังหุบเขาพลังหยินแห่งนี้อีก
ได้แก่กลุ่มของ ฉื่อหยาน และ ซั่วฉื่อ ซึ่งได้มาถึงในหุบเขาแล้ว ทันทีที่ฉื่อหยานเห็นฉากในหุบเขา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอึมครึม
เป็นเป่ยหมิงเช้อ และ เป่ยหมิงชางยืนอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
เป็นหยินกวยและจิ่วฉานก็ยืนพร้อมอย่างเป็นธรรมชาติข้างๆเป่ยหมิงเช้อ ส่วนมู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลานนั้น แสดงออกอาการตื่นเต้นที่เห็นอสรพิษนอนจมอยู่ในกองเลือด
นอกจากยอดฝีมือของ ตระกูลเป่ยหมิงแล้ว ยังมี ซูซี่เฮอและชายหนุ่มแปลกประหลาดยืนอยู่เช่นกัน
ทุกคนในหุบเขาถูกต่างก็ใช้ดวงตาจ้องมองไปยังอสรพิษฟ้าเก้าหัวหัวที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางหุบเขาพลังปยิน
ชิเสี่ยว และ ซัวฉี ปรากฏความเหนื่อยล้าออกมา พร้อมกับมีเหงื่อท่วมร่างกายของพวกเขา
เซี่ยซินหยาน ดูซีดๆ ถึงแม้ว่านางมีเม็ดยานภาคอบบำรุง นางก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที
ทั้งสามได้พยายามและใช้ทุกอย่างทั้งหมดของพวกเขาในการฆ่าอสรพิษฟ้าเก้าหัวไปหมดแล้ว
หลักจากฆ่าได้ไม่นาน ยอดฝีมือจากตระกูลเป่ยหมิงและนักรบนภาคนอื่นๆก็ปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาพลังหยิน
มันเป็นเรื่องง่ายเลย ที่จะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
หลังจากฉื่อหยานเข้ามาในหุบเขา เขาก็ยืนอยู่ข้างฮันเฟิงและ กู่หลงอย่างสงบนิ่งและจ้องมองไปที่มู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลานที่แสดงอาการตื่นเต้นออกมา
” ทุกคนจะได้รับสมบัติจากซากอสรพิษฟ้าเก้าหัวนี่ เจ้างูนี่มีผลิดอสูรอยู่ ; เราจะต้องแบ่งกัน ” เป่ยหมิงชางขมวดคิ้ว และกล่าวอย่างใจเย็น ” พวกเจ้าเป็นคนลำบาก ดังนั้นข้าจะไม่ขออะไรมาก ข้าต้องการเพียงแค่ผลึกอสูรของอสรพิษฟ้าเก้าหัวสองก้อนเท่านั้น ก้อนหนึ่งประกอบไปด้วยพลังแห่งไฟ และ อีกก้อนประกอบไปด้วยพลังปราณหยิน”
” เจ้าควรได้รับส่วนแบ่งงั้นรึ ? ” หน้าซัวฉีบิดเบี้ยวด้วยสีหน้าน่ากลัวพร้อมกับพูดออกมา ทั้งหมด ” ผนึกอสูรของอสรพิษฟ้าเก้าหัวเป็นของเรา เราเป็นคนสังหารเจ้างูนี่แต่เพียงผู้เดียว และตอนนี้เจ้ามาบอกว่าต้องการส่วนแบ่ง ? ทำไมเราต้องทำเช่นนั้นด้วย ! “
” ทำไม ? ” เป่ยหมิงชางพูดอย่างเย็นชา ” เพราะเราอยู่ที่นี่ไง ! “
” ข้าต้องการส่วนนั้น ” จักพรรดิ์แห่งโลกมืดกล่าวอย่างสงบ มันชี้ไปที่หัวๆหนึ่งที่เปล่งแสงพลังปราณหยินออกมา ” ผนึกอสูรในหัวนั้นเป็นของข้า ส่วนที่เหลือจะเป็นของเจ้าทั้งหมด “
” ฮิฮิ ! ” ซัวฉีพบยิ้มอย่างน่ากลัว , ” เจ้าทำได้ก็ลองดู ! “
” มาดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน ” จักพรรดิ์แห่งโลกมืด มองไปที่ซัวฉีและกล่าวออกมาอย่างสงบ ” เราได้ทดสอบฝึมือมันไปบ้างแล้สที่รอบนอกบึงมรณะและคนของข้าก็ตกตายไปหลายคน อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่รอบนอกนั้น เจ้าสามารถใช้บึงและพิษเป็นโล่ได้ แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? “
” น้องซู ” เป่ยหมิงชางหันไปมองจักพรรดิ์แห่งโลกมืด ” ดูเหมือนว่าจะมีนักรบในระดับนภาด้วยกันสามคน ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ลำบากเกิน “
” งั้นรึ ? “
” จิตวิญญานของแม่นางเซี่ยเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ แต่นางก็เป็นเพียงแค่นักรบในนภาที่สามของระดับหายนะเท่านั้น ” เป่ยหมิงชางชี้ไปที่เซี่ยซินหยาน ” นางยังคงต้องฟื้นตัวในระยะเวลาหนึ่งแน่ ตั้งแต่ที่นางได้ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของนาง เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนางอีกต่อไป ” .
ใบหน้าของเซียซินเหยียน ซีดลง หลังจากที่นางได้ยิน
สีหน้าของ ซัวฉีก็เปลี่ยนไปและเขาก็ช่วยไม่ได้ที่มองไปที่นาง ” จริงรึ ? “
เท่าที่เขาเป็นห่วง เขาและชิเสี่ยวได้ใช้พลังไปเป็นจำนวนมาก และตอนนี้ก็ได้มีการเกิดการแย่งชิงผลึกอสูรกัน พวกเขานั้นต้องการความช่วยเหลือจากเซี่ยซินหยาน
แต่ถ้าเซี่ยซินหยาน เป็นเพียงนักรบในนภาที่สามของระดับหายนะ แน่นอนว่าพวกเขาต้องสูญเสียมันไปแน่ๆ
ภายใต้การมองของ ซัวฉี เซี่ยซินหยานก็พยักหน้าและจ้องกลับไป
” เป่ยหมิงชาง , ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ ? ” ชิ เซี่ยดูแปลกใจ เขาคิดอยู่ซักพัก แล้วถามออกไป
” เจ้าคิดว่าไงหละ ? ” เป่ยหมิงชางถามกลับพร้อมกับยิ้มออกมา
” ข้าจัดการเอง ” ชิเสี่ยวถอนหายใจและพยักหน้า ” เจ้ามาที่นี่เพื่อประตูสวรรค์ใช่หรือไม่ ดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยพลาดสมบัติสักครั้งเลยสินะ “
” แหล่งข่างในเมืองเทียนหยุนนั้น กว้าขวางเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้ได้ หากข้าอยากจะรู้ ” เป่ยหมิงชางเดินช้าๆไปยังหัวๆหนึ่งของอสรพิษฟ้า และยังคงใจเย็น ” มาแบ่งผลึกอสูรกันก่อนเหอะ แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องประตูสวรรค์อีกที “
ภายใต้การจ้องมองอย่างใกล้ชิดของคนในตระกู, เป่ยหมิงชางหยิบเอาผนึกอสูรขึ้นมา ” ข้าต้องการเม็ดนี้ . “
จักพรรดิ์แห่งโลกนั้นไม่ได้ขยับใดๆแต่ เขาก็เรียกร้องออกมา ” มู่ฮุ่ย ไปเอาผลึกอสูรนั่นมา .
ชายหนุ่มที่แปลกประหลาดพยักหน้าพร้อมกับยิ้มและเดินมายังหัวงู โดยไม่สนใจ ชิ เสี่ยว เพราะเขามั่นใจว่าพวกเขายังไม่กล้าลงมือ
ซัวฉี เต็มไปด้วยความแค้น ใบหน้าของเขาแดงเป็นมะเขือเทศ เขายืนอยู่ตรงนั้น และขบฟันแน่น ” ข้าจดจำการกระทำของพวกเจ้าไว้ ! “
ยอดฝีมือจากตระกูลเป่ยหมิงไม่ตอบสิ่งใด
” ซัวฉี เรายังเหลือผลึกอสูรอีก 5 ก้อน ” ชิเสี่ยวถอนหายใจออกมาอย่างท้อทแ้
ซัวฉียังเดินไปที่หัวงู หัวหนึ่ง
ในขณะที่กำลังค้นหาผลึกอสูรในหัวของมัน ซัวฉีดูเหมือนพยายามที่จะปลดปล่อยความไม่พอใจของเขาลงไป โดยกระทำไปที่เนื้อหนังของูทำให้เลือดที่อยู่ในหัวของงูกระเด็นไปทั่ว
ฉื่อหยานจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
เป่ยหมิงชางและซัวซี่เฮอได้วางแผนนี้มานานแล้วและพวกมันเพียงรอเวลาที่ดีที่สุดเท่านั้น
เป่ยหมิงชางโผล่มาตอนที่ชิเสี่ยวและสหายของเขากำลังจะฆ่างูและได้หยิบเอาข้อได้เปรียบจากจิตวิญญานต่อสู้ของเซี่ยซินหยานมาใช้ประโยชน์เพื่อกระทำการแย่งชิงนี้
นี่ช่างเป็นแผนที่ชั่วร้ายนัก
พวกมันเก็บพลังของพวกมันไว้โดยไม่ลงมือทำสิ่งใด และปล่อยให้ชิเสียงและอีกสองคนสิ่งเปลืองพลังงาน จากนั้นก็มาปล้นกันหน้าด้านๆ
เมื่อประตูสวรรค์เปิด พวกมันจะได้รับโอกาสมากที่จะได้รับสมบัติกว่ากว่าพวกเขาแน่ ด้วยพลังของพวกมันที่ยังอยู่ครบ
ฉื่อหยานสูดลมหายใจเข้าลึกๆและสงบตัวเองลง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่สังเกตกไปยังกลุ่มคนที่มาปล้นแทน
ผ่านมาเป็นเวลาสักพัก การปล้นก็ถูกปันส่วนออกไป
ตระกูลเป่ยหมิงเอาผลึกอสูรไฟและพลังปราณหยิน ของอสรพิษฟ้าไปอย่างละก่อน ในขณะที่ ซัวซี่เฮอนำผลึกอสูรพลังปราณหยินไปสองก้อน จึงเหลือผลึกอสูรเพียงห้าก่อน , ซัวฉี ได้ผลึกอสูรพิษไปสองก้อน และ ชิ เสี่ยวก็ได้ผลึกอสูรพิษและไฟ ไปอย่างละก้อน
เซี่ยซินหยานนั้นได้รับผลึกอสูรไฟ หนึ่งก้อน
ผลึกทั้งเก้าทั้งหมดจึงถูกแบ่งปันไปโดยยอดฝีมือที่อยู่ในที่แห่งนี้
ต่อมา เขี้ยว ผิวหนังและน้ำลายจากอสรพิษฟ้ากูถูกเก็บเกี่ยวโดยกลุ่มคนอื่น
เนื่องจากมีนักรบในระดับนภาหลายคน ต้องการเขี้ยวและวัสดุหายากพวกนี้ พวกเขาจึงชำแหละมันแบ่งกันไป
คราวนี้ ตระกูลฉื่อได้รับ เขี้ยวพิษ 5 ชิ้น และชิ้นส่วนของผิวหนังจากด้านหลังของงู และพิษของมันอีกสองสามขวด
” ผลึกอสูรไฟนี่เป็นประโยชน์ต่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของเจ้า “เป่ยหมิงชาง โยนมือของเขาอย่างเป็นกันเอง และส่งผลึกอสูรไฟไปให้ตี่ย่าหลาน .
ตี่ย่าหลน ค่อนข้างแปลกใจเมื่อนางมองไปที่ เป่ยหมิงชาง ด้วยความสับสน และนางก็ถามอย่างตื่นเต้น
” นี่ . . . . . . . ท่านหัวหน้าตระกูลเป่ยหมิงท่านหมายความว่าเช่นไร ใช่ว่าท่ายกผลึกอสูรนี่ให้แก่ข้าหรือไม่ ? “
องค์ประกอบของไฟจากผลึกอสูน เป็นประโยชน์แก่เปลวเพลิงอัคคีครามของตี่ย่าหลานอย่างแท้จริง และมันก็ได้มาจากสัตว์อสูรระดับ 7 ซึ่งหาได้ยากเป็นอย่างมาก
เป่ยหมิงชางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ” จงฝึกฝนโดยใช้ผลึกอสูรนั่นสะ ข้าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในตระกูลเป่ยหมิง “
ตี่ย่าหลาน ลังเล เพราะนางคิดว่าผลิกอสูรนี่มีค่าเกินไป นางอายเกินกว่าที่จะหยิบเอาคริสตัลที่อยู่ตรงหน้านาง
” นี่ พี่สาวหลาน ท่านรับมันไปเถอะ ” จากนั้น มู่หยู่เตี๋ยก็จับไปที่คริสตัลและส่งให้ตี่ย่าหลาย .
” ขอบคุณ ท่านหัวหน้าตระกูลเป่ยหมิง ” ทันทีที่นางสัมผัสคริสตัล นางก็สัมพัสได้ถึงเปลวไฟที่แข็งแกร่งจากมัน ตี่ย่าหลาน ไม่ลังเลอีกต่อไป และก็คิดในใจว่าจะทดแทนบุญคุณให้กับเป่ยหมิงชางอย่างรวดเร็ว
” เราเป็นคนกันเอง เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้น ” เป่ยหมิงชางบอกออกมาอย่างเรียบเฉย
ตี่ย่าหลาน แสดงอาการตกใจออกมา เมื่อนางได้ยินเสียงของเป่ยหมิงชางแทรกออกมา นางก็ลดหัวของนางและแกล้งทำเป็นว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูดและกำไปที่ผลึกอสูรอย่างแน่นหนา
นางไม่สามารถต่อต้านผลึกอสูรที่ล่อตาล่อใจเช่นนี้ได้
ฉื่อหยานเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาไม่พูดสิ่งใดออกมาแต่ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งกร้าน