เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 93: พบตัวคนที่สามารถผ่าตัดได้

 
ย่าเจี่ยนเน้นเป็นการเฉพาะว่าเจี่ยนอีหลิงทำด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นเจี่ยนหยู่เจี๋ยก็อาจจะคิดว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นสั่งซื้อทางออนไลน์
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ว่างทุกวัน และเธอยังต้องคิดเรื่องการถักนิตติ้งเสื้อกันหนาวให้กับหยู่เจี๋ย ซึ่งนี่ก็จะเป็นการสื่อถึงใจหยู่เจี๋ยได้เป็นอย่างดี
ให้เขารู้ว่าไม่ใช่แต่เขาที่รักน้อง แต่น้องก็รักเขาเหมือนกัน
“ย่าใจดีมากกับคุณหนูกับคุณชายหยู่เจี๋ย” คนขับรถกล่าว
“เฮ้อ ยังไงก็ตาม หยู่เจี๋ยมีความฝันและมีงานอดิเรกเป็นนักมายากล คนชราอย่างฉันก็เพียงได้แต่มอง และก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะเดินไปอย่างไรในอนาคต”
ย่าเจี่ยนยังคงพูดถึงเจี่ยนหยู่เจี๋ยด้วยความห่วงใย
แต่ก็ใช่ว่าย่าเจี่ยนต้องการจะล้ำเส้นก้าวก่ายเข้าไปในเรื่องของหลานชาย ซึ่งนั่นก็จะทำให้ครอบครัวเกิดรอยร้าว
ถ้าเธอเข้าไปแทรกแซงข้ามรุ่น โต้เถียงกับลูกสะไภ้ นั่นย่อมจะทำให้ลูกชายคนที่สองของเธอ ชูหง เกิดความไม่สบายใจ
ย่าเจี่ยนเขียนโน๊ตเสร็จและซ่อนมันไว้ในตัวเสื้อ คนขับรถก็ขับรถต่อไปจนถึงบ้านของลูกชายคนที่สองของเธอ เจี่ยนชูหง ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ให้เสื้อกับของอื่นๆที่นำมาจากบ้านตอนเช้ากับเหอเยี่ยน
ย่าเจี่ยนมักจะส่งสิ่งของต่างๆ มาที่บ้านของลูกชายทั้งสามคน สิ่งต่างๆที่เธอส่งมานั่นไม่ได้มีค่ามากมายอะไรนั แต่ทั้งหมดก็เป็นของที่ย่าเจี่ยนให้ด้วยความรักในบรรดาหลานๆ
ไม่ว่าตระกูลจะมีธุรกิจใหญ่โตเพียงไหนและไม่ได้ต้องการเงินทองอะไรมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแทนความรักของผู้ชรา และก็ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินทอง
###
หงไป่จาง* ถือโอกาสติดต่อเจี่ยนหยุ่นเฉิงและให้ข่าวใหญ่แก่เจี่ยนหยุ่นเฉิง
ผู้แปล : อาจจะลืมกันไปได้ หงไป่จางก็คือผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นคนที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงติดต่อไปขอข้อมูลน้องชาย ในบทที่ 72
“นายน้อยเฉิง ข่าวดี ผมพบคนที่สามารถผ่าตัดน้องชายคุณได้แล้ว”
“คุณพูดว่าอะไรนะ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกำลังขับรถ ฟังโทรศัพท์ด้วยหูฟังบลูทูธ ทันทีที่เขาได้ยินข่าว เขาก็รีบพารถเข้าจอดข้างทาง
“ข่าวนี้มั่นใจหรือเปล่า”
“มั่นใจ 90%” หงไปจางกล่าว “อีกฝ่ายมีความมั่นใจ 90% ว่าการผ่าตัดสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะยอมทำการผ่าตัดน้องชายคุณหรือเปล่า”
“คุณมีหมายเลขติดต่อไหม” ความเร็วในการถามของเจี่ยนหยุ่นเฉิงแสดงให้เห็นว่าเขามีความสนใจในเรื่องนี้มากเพียงใด
ใครจะรู้ว่าข่าวนี้สำคัญต่อตระกูลเจี่ยนมากน้อยเพียงใด
มีเพียงแต่มือของเจี่ยนหยุ่นน่าวรักษาหายเท่านั้น เมฆดำที่ปกคลุมครอบครัวของเจี่ยนชูฉิงจึงจะสามารถปัดเป่าไปได้
หงไป่จางอธิบายว่า “อีกฝ่ายนั้นเกี่ยวข้องอยู่กับสถาบันทางการแพทย์ที่ครอบครองสิทธิ์นี้อยู่ ผมมีเพียงข้อมูลติดต่อกับคนของสถาบันการแพทย์นั้น และไม่สามารถที่จะติดต่อกับฝ่ายนั้นได้โดยตรง อย่างที่รู้การรักษาความลับในสถาบันทางการแพทย์บางแห่งนั้นค่อนข้างสูง และถึงแม้จะเป็นผมก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้”
หงไป่จางนั้นเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเอกชน ถือได้ว่าเป็นคนในวงการ และมีเส้นสายลึกกว่าคนธรรมดา
แต่กระทั่งหงไป่จางเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจในการสัญญาเจี่ยนหยุ่นเฉิงว่าเขาจะสามารถที่จะเชิญอีกฝ่ายได้
“คุณช่วยติดต่อกับอีกฝ่ายต่อไปและบอกอีกฝ่ายด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขอะไรก็ยอมรับได้ทั้งนั้น ค่าตอบแทนนั้นไม่ใช่ปัญหา”
“มั่นใจได้เลย ผมจะช่วยพูดให้ แต่คุณต้องเตรียมใจไว้ก่อน สถาบันวิจัยทางการแพทย์หลายแห่งมีประวัติความเป็นมาใหญ่มาก และอาจจะไม่หวั่นไหวไปกับเงิน”
หงไป่จางก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนกับสถาบันทางการแพทย์เหล่านั้นเช่นกัน เขารู้ว่าพวกเหล่านั้นไม่แน่ว่าจะต้องหวั่นไหวไปกับเรื่องเงินตรา
พูดด้วยถ้อยคำติดปากได้ว่า มีอำนาจ เงินไม่ขาดมือ
หงไป่จางพูดกับเจี่ยนหยุ่นเฉิงต่อว่า “ผมส่งต่อประวัติทางการแพทย์ของน้องชายคุณไปให้อีกฝ่ายแล้วตอนนี้ และทางนั้นก็บอกว่าเขาจะดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset