บทที่ 433 มอบหุ้นบริษัท
ดูเหมือนว่าพี่ชายรองเพียงแค่กําลังทําตามแผนที่วางไว้ในหัวเขาโดยอัตโนมัติ
รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกทั้งรักหรือยัง
เจี่ยนหยู่โป๋มองไปยังเจี่ยนหยู่หมิน แต่เงียบและไม่ตอบคําถามของพี่ชาย
แต่ทว่า เจี่ยนหยู่หมินก็เห็นคําตอบจากสายตาของเจี่ยนหยู่โป๋ นั่นเป็นคําตอบที่เขาไม่อยากเห็น
เจี่ยนหยู่โป๋ไม่เห็นพวกเขาเป็นครอบครัวอีกต่อไป
เขาไม่ได้เกลียด แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถรักพวกเขาได้เช่นเดียวกัน
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเขาไม่อยู่ในช่วงเวลาที่เขาต้องการความรักและห่วงใยมากที่สุด
บางทีเขาก็ต้องการที่จะห่วงใยพวกเขาต่อไป แต่ทว่ามันก็ก็เป็นไปไม่ได้สําหรับเขาที่ จะทําเช่นนั้น
เมื่อถึงตอนนี้ น้ําตาของเจี่ยนหยู่หมินก็เอ่อล้นออกมา
ครอบครัวของเขา… ครอบครัวของเขาแตกแยกแล้วจริงๆ…
จากนั้น เจี่ยนหยู่โป๋ก็หันกลับมาคุยกับเจี่ยนหยุ่นเฉิง “ฉันต้องการทําข้อตกลงกับนาย”
“อะไรนะ?” เจี่ยนหยุ่นเฉิงถูกขอร้อง เขาจึงค่อนข้างสับสน
“ฉันต้องการให้นายแทนที่พ่อของนายในฐานะ CEO คนใหม่ ตราบใดที่นายจัดการบริษั ทได้ดี หลังจากผ่านไปสามปี ฉันจะให้นาย 30 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นที่ฉันถืออยู่ภายใต้ชื่อของฉัน ส่วนที่เหลือจะมอบให้กับคนอื่นๆในตระกูลเจี่ยนในสัดส่วนที่แน่นอน แน่นอนว่าไม่รวมเจี่ยนชูหง และเหอเยียน”
คําพูดของเจี่ยนหยู่โป๋ ทําให้ผู้คนตกใจอีกครั้ง
เขาพยายามสุดความสามารถเพื่อบังคับให้เจี่ยนยอมรับคําขอของเขา แต่สุดท้ายเขากลับวางแผนที่จะล้มเลิกยอมมอบอํานาจและหุ้นที่เขาเพิ่งได้รับทิ้งไป?
เหอเยี่ยนซึ่งไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้น ไม่มีแรงเหลือ เธอไม่มีแรงแม้แต่จะตกใจ
ลูกชายเธอเป็นคนบ้า เขาเป็นสุดยอดของความบ้า
“ทําไม?” เจี่ยนหยุ่นเฉิงถาม
“นายโหดกว่าพ่อนาย”
เจี่ยนหยู่โปรู้ว่า เจี่ยนซูฉิงเป็นคนใจอ่อนเมื่อเกี่ยวกับเรื่องของตระกูล เขารู้ว่าถ้าเขาให้หุ้นของตระกูลเจี่ยนแก่เจี่ยนซูฉิง เขาจะมอบบางส่วนให้กับน้องชายของตนเองในที่สุด
แต่ทว่า เจี่ยนหยุ่นเฉิงจะไม่ทําแบบนั้น เขาเป็นเหมือนปู่เจี่ยนมากกว่าใครๆในตระกูล
“นายก็ทําเองได้ไม่ใช่เหรอ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงบอกเขาไม่เข้าใจการกระทําของลูกพี่ลูกน้อง
เจี่ยนหยู่โป๊กล่าวอย่างมั่นใจ “นายจะต้องรับเรื่องนี้”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเจี้ยนหยู่โป๋ ไม่ว่าจะทางไหน มันล้วนเป็นกําไรสําหรับเขา
นี่คือสิ่งที่เจี่ยนหยู่โป๋คํานวณไว้แล้ว
“ก็ได้ ฉันจะยอมรับข้อเสนอของนาย” เจี่ยนหยุ่นเฉิงตอบกลับ “แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะให้โอกาสนายยกเลิกข้อตกลง นายจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเจี่ยน นายมีสิทธิที่จะถือหุ้นเหล่านี้ ที่จริงแล้วนายสามารถยกเลิกข้อตกลงเมื่อใดก็ได้ในช่วงสามปีนี้”
หลังจากการประชุม ทุกคนจากไปด้วยความหนักใจ
ไม่มีใครรู้สึกมีความสุข
เจี่ยนชูฉิงและเป็นนวนล้วนไม่มีความสุขทั้งคู่ เป็นเรื่องที่ดีที่เหอเยี่ยนได้รับในสิ่งที่เธอสมควร ได้รับ แต่ทว่า การเห็นเงี่ยนชูหงและหลานชายของพวกเขาในสภาพเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
เจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยุ่นโม่ออกจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย
ก่อนจากไป เจี่ยนอีหลิงเดินกลับไปหาเจี่ยนหยู่โป๋ซึ่งนั่งอยู่ในตําแหน่งประธาน
เจี้ยนอีหลิงหยิบของขวัญที่ห่อแล้วออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าเจี้ยนหยู่โป จากนั้นเธอก็หันหน้าจากไป
เจี่ยนหยุ่นโม่ไม่ได้ออกไปทันที เขาพูดกับเจี้ยนหยู่โป๋ว่า “น้องสาวของฉันทําของชิ้นนี้ในเวลาว่างระหว่างการแข่งขัน เธอทําด้วยใจ”
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้างที่จะช่วยให้เจี้ยนหยู่โปรู้สึกเจ็บน้อยลง
นอกจากโน้มน้าวใจปู่ให้มอบหุ้นในส่วนของเธอให้เขาแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ไม่รู้จะทําอะไรอีก
ในที่สุด เธอก็ทําของขวัญให้กับเขา ของขวัญเป็นตัวแทนแสดงถึงความปรารถนาดีและความหวังดีที่เธอมีต่อเขา
เจี่ยนหยุ่นโม่ทนไม่ได้กับความคิดที่ว่าของขวัญของน้องสาวจะถูกคนอื่นเหยียบย่ํา ดังนั้นเขาจึงชี้แจงให้เจี้ยนหยู่โป็ฟังอย่างชัดเจน
เจี่ยนหยู่โป๋จ้องไปยังของขวัญบนโต๊ะอาหารอยู่นาน เขาพูดไม่ออก ดวงตาเขาดูเหมือนจะถูกตรึงไว้ที่ของขวัญ
บทที่ 434 ของขวัญและความคิดของเธอที่มีต่อเขา
จากนั้น เจี่ยนหยุ่นโม่ก็ออกจากห้องประชุม
เจี่ยนหยู่โป๋ถูกทิ้งไว้ตามลําพังในห้องประชุมที่ว่างเปล่า
หลังจากดูของขวัญที่ห่อไว้บนโต๊ะแล้ว เจี่ยนหยู่โป๋ก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ใช้มือเรียวยาวคู่หนึ่ง ค่อยๆทําการแกะกระดาษห่อนั้นออก
มีกล่องแก้วอยู่ภายในกระดาษห่อ ภายในกล่องเป็นภาพวาดที่สวยงาม
มันเป็นฉากที่สดใสและเหมือนจริงที่เจี่ยนอีหลิงสร้างขึ้นด้วยศิลปะน้ําตาล
ใต้ต้นไทร มีเด็กหนุ่มสวมชุดลําลองสีอ่อนนั่งอยู่บนหญ้าเขียวชอุ่ม เด็กชายหันหลังพิงกับลําต้นของต้นไม้
ต้นไทรนั้นก็คือต้นไทรที่อยู่ในบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน
รายละเอียดทั้งหมดได้รับการทําอย่างประณีต และฉากทั้งหมดก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างน่าอัศจรรย์
ฉากนี้เคยเกิดขึ้นในความทรงจําของเจี่ยนหยู่โป๋มาก่อน
ในความทรงจําของเจี่ยนหยู่โป๋ เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับหนังสือในมือ จากระยะไกลนั้น เจี่ยนอีหลิงกําลังเล่นอยู่กับคนอื่นๆ
เธอเข้ามาหาเขาสองครั้งเพื่อถามว่าเขาอยากเล่นกับเธอไหม
เขาปฏิเสธและซ่อนผ้าคาดศีรษะที่เธอทําหล่นไว้อย่างลับๆ
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปในภาพวาดน้ําตาล
ในความทรงจําของเจี่ยนหยู่โป๋ เขาถือหนังสือไว้ในมือ
แต่ทว่า ในภาพวาดของเจี่ยนอีหลิง เขาถือเม็ดหมากล้อมสีดํา
มีกระดานโกะอยู่ตรงหน้าเขา
เจี่ยนหยู่โป๋กําลังนั่งอยู่ในภาพวาด เขามีสายตาจดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุก อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีความเศร้าหรือความเฉยเมยอยู่ในสายตาของเขา
ในกล่องแก้ว เจี่ยนอีหลิงได้สร้างสิ่งที่เจี่ยนหยู่โป๋อยากทําในชีวิตเขาจริงๆ
ในภาพวาด แม่เขาไม่ได้บังคับให้เขาทําอะไร ไม่มีการดุด่าหรือตําหนิใดๆ ไม่มีความเจ็บปวด
นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่อยู่ใต้กล่องของขวัญ เอกสารเป็นการโอนหุ้น
เอกสารนี้ลงนามโดยเจี่ยนอีหลิงและผู้ปกครองเธอ
เจี่ยนหยู่โป๋เอื้อมมือไปแตะลูกปัดบนมือซ้าย
ปลายนิ้วของเขาคลอเคลียไปบนลูกปัดพลาสติกที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยนั้น
“พี่ชายหยู่โป็มาเล่นกับอีหลิงกัน หนังสือมันน่าเบื่อ”
“พี่ชายหยู่โป๋ ฉันเรียนรู้วิธีการเล่นโกะแล้ว ฉันสามารถเล่นกับพี่ได้ไหม ถ้าฉัน 5 คนดา หน้าเล่นกับพี่ ฉันจะชนะพี่แน่ พี่เอาชนะฉันไม่ได้”
“พี่ชายหยู่โป๋ ทําไมพี่ไม่มีความสุข”
“ฉันใช้เงินไม่ได้ แต่พี่ได้”
“…”
หลังจากออกจากบริษัท เจี่ยนหยู่หมินและเจี่ยนหยู่เจี้ยก็ติดตามเจี่ยนอีหลิงและคนอื่นๆกลับไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี้ยน นี่เป็นคําขอร้องของย่าเจี่ยน
ย่าเจี่ยนอยากให้หลานทั้งสองสามารถก้าวผ่านจากความทุกข์ของครอบครัวโดยเร็วที่สุด
แน่นอนว่ามีเจี่ยนหยู่โป๋อยู่ด้วย จะเป็นการดีที่สุดสําหรับเขาที่จะอยู่ที่บ้านเก่าตระกูลเจี้ยน เช่นเดียวกัน
เจี่ยนหยู่หมินและเจี่ยนหยู่เจียเศร้าจริงๆ แต่ทว่าสถานการณ์ที่ไม่ได้เลวร้ายมากมายขนาดนั้น
พวกเขาไม่ใช่เด็ก พวกเขารู้หลายสิ่งหลายอย่าง พวกเขารู้ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น
แม้ว่าการหย่าร้างได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ทว่าเมล็ดพันธุ์สําหรับการหย่าร้างได้ปลูกทิ้งไว้นานแล้ว
ทันทีที่เจี่ยนอีหลิงกลับถึงบ้าน เธอก็เดินขึ้นไปชั้นบนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้อง
เจี่ยนหยุ่นโม่สันนิษฐานว่าเหตุการณ์ในวันนี้ส่งผลกระทบต่อเธอ เขาวิ่งตามเธอไปและเคาะประตูห้องของเธอ
แต่ทว่า เจี่ยนอีหลิงไม่ตอบรับ
“อีหลิง ถ้าไม่ออกมา ฉันจะแจ้งตํารวจ
“ประตู…ไม่ได้ล็อค”
เสียงเงียบๆของเจี่ยนอีหลิง ดังออกมาจากห้อง
จากนั้นเจี้ยนหยุ่นโม่ก็เปิดประตู
เขาเห็นเจี้ยนอีหลิงนอนอยู่บนเตียง เธอขดตัวเป็นลูกบอล
ร่างเธอถูกฝังอยู่ใต้ผ้าห่ม มีเพียงศีรษะของเธอที่โผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม
ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอมองมาที่เจี่ยนหยุ่นโม่
เจี่ยนหยุ่นโม่มองดูเธอก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “เด็กโง่ ฉันก็นึกว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น รอฉัน ฉันจะไปทําชาขิงผสมน้ําตาลทรายแดงให้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี่ยนอีหลิงก็มุดหัวเข้าไปในผ้าห่มทันทีเช่นกัน
เธอรู้สึกอายมาก…