เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 443-444

AEC บทที่ 443 นายท่านเพิ่งเข้าช่วยเหลือ 1

 

ไม่ว่าหญิงชราจะอยู่ที่ใด วิดีโอคอลระหว่างเธอกับรถที่เจี่ยนอีหลิงอยู่ตอนนี้ก็ได้เกิดขึ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต

 

ทั้งภาพของหญิงชราและภาพของเจี่ยนอีหลิงถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต

 

หากการติดต่อนั้นยาวพอ หนึ่งในเส้นสายของเจี่ยนอีหลิงจะสามารถตรวจพบได้

 

ดังคาด วิดีโอถูกตรวจพบโดยหนึ่งในเส้นสายของเจี่ยนอีหลิง

 

และเกือบในเวลาเดียวกัน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ระดับแนวหน้าของอาจารย์เหลียง และฮั่วอวี้ต่างก็ตรวจพบวิดีโอคอล

 

อาจารย์เหลียงได้รับแจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจี่ยนอีหลิง

 

หลังจากที่เห็นหญิงชราบนหน้าจอ อาจารย์เหลียงก็ขมวดคิ้ว

 

“อาา นี่เป็นปัญหาใหญ่ นังแม่มดคนนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ เธอมีอํานาจจากองค์กรระหว่างประเทศอยู่เบื้องหลัง”

 

นี่คือคนที่สามารถทําให้อาจารย์เหลียงปวดหัวได้

 

นั่นหมายความว่าการที่เจี่ยนอีหลิงตกอยู่ในมือของหญิงชราคนนี้นั้นอันตรายมากเหลือเกิน

 

จากนั้นอาจารย์เหลียงก็รีบพูดกับคนของเขา “อย่าปล่อยให้เธอพาอีหลิงขึ้นเครื่องบิน

 

หากพวกเขาออกนอกประเทศแล้ว เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะนําเจี่ยนอีหลิงกลับมาอีกครั้ง

 

“ตรวจสอบเที่ยวบินทั้งหมดวันนี้ ตรวจสอบเที่ยวบินส่วนตัวที่ได้รับอนุมัติด้วย ตรวจสอบสายการบินขนาดใหญ่ สายการบินขนาดเล็ก และแม้กระทั่งเฮลิคอปเตอร์ก็ด้วย ให้แน่ใจว่าไม่ลืม ตรวจสอบทุกอย่างที่บินได้”

 

ถ้าเพียงแต่พวกเขาสามารถระงับเที่ยวบินทั้งหมดสําหรับวันนี้ได้

 

นั่นก็จะซื้อเวลาให้พวกเขามากเกินพอ

 

แต่ทว่า อาจารย์เหลียงไม่สามารถควบคุมเวลาเดินทางของสายการบินหลักได้

 

ยานพาหนะที่บรรทุกเจี่ยนอีหลิงขับไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้น เมื่อถึงมุมที่ไม่มีกล้องตรวจจับพวกเขาก็ย้ายเจี่ยนอีหลิงไปยังรถคันอื่น

 

จากนั้นรถก็เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติเชิงหยวน

 

หญิงชรากําลังวางแผนที่จะพาเจี่ยนอีหลิงออกจากเมืองเหิงหยวน นี่เป็นเหมือนที่จ๋ายหวินเซิ่งคาดการณ์ไว้

 

แต่ทว่า เมื่อพวกเขามาถึงสนามบิน พวกเขาต้องตกใจที่พบว่าเที่ยวบินส่วนตัวที่พวกเขาจองไว้ถูกยับยั้งไว้เนื่องจากการควบคุมการจราจรทางอากาศ พวกเขาต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนพวกเขาจึงจะบินได้

 

เที่ยวบินทั้งหมดบนหน้าจอทั้งขาเข้าและขาออกของสนามบินเป็นสีแดง

 

เที่ยวบินระหว่างประเทศเกือบทั้งหมดล่าช้า

 

ความล่าช้าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยปกติ มักจะมีความล่าช้าอย่างมากเนื่องจาก สภาพอากาศและสภาพการจราจรทางอากาศ

 

แต่ทว่า ความล่าช้าของวันนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าเสียดาย ส่งผลต่อแผนการของหญิงชราอย่างร้ายแรง

 

หลังจากถามเจ้าหน้าที่สนามบินแล้ว สนามบินไม่สามารถกําหนดเวลาออกเดินทางใหม่ให้แก่หญิงชราได้

 

ดังนั้น หญิงชราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งให้ลูกน้องเธอพาเจี่ยนอีหลิงไปยังโรงงานที่ไม่ได้ใช้ซึ่งอยู่ติดกับสนามบิน พวกเขาสองสามคนรออยู่ที่นั่น

 

รถขับไปที่โรงงานที่ไม่ได้ใช้นั้น

 

ในช่วงที่รอ หญิงชราโทรหาเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง

 

“Dr.FS โปรดใช้เวลานี้พิจารณาข้อเสนอของฉัน ฉันหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่ฉันเห็นคุณด้วยตัวเอง การตัดสินใจและทัศนคติของคุณจะเปลี่ยนไป”

 

ชายวัยกลางคนในรถก็พยายามเกลี้ยกล่อมเจี่ยนอีหลิงเช่นกัน “คุณหนูอีหลิง คุณแสดงให้เห็นว่าคุณมีพฤติกรรมที่ชาญฉลาดที่โรงเรียนของคุณเมื่อกี้นี้ ทําไมคุณถึงตัดสินใจโง่ๆในตอนนี้ ร่วมมือกับเจ้านายของเรา นี่ไม่เป็นอันตรายต่อเธอเลย”

 

ขณะชายวัยกลางคนเพิ่งคุยกับเจี่ยนอีหลิงเสร็จ เขาก็เห็นคนออกมาจากโรงงานที่ไม่ได้ใช้ คนเหล่านี้ดูแข็งแรงและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

 

พวกเขาปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับว่าพวกเขาปรากฏกายออกมาจากมุมของโรงงานได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายวัยกลางคนและลูกน้องต่างก็ตกใจ

 

“เกิดอะไรขึ้น? เราตัดสินใจย้ายมาที่นี่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ทําไมถึงมีคนซุ่มโจมตีได้”

 

บทที่ 444 นายท่านเพิ่งเข้าช่วยเหลือ 2

 

แทบจะไม่ต้องใช้เวลา บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งราวๆร้อยคนก็ได้เข้ามายืนอยู่ภายในโรงงานที่ไม่ได้ใช้ซึ่งแต่เดิมว่างเปล่า

 

แต่ละคนแข็งแกร่งและทรงพลัง ดูเหมือนว่าจะได้รับการฝึกฝนตามมาตรฐานสากล

 

นี่ทําให้กลุ่มผู้ลักพาตัวรู้สึกเครียด พวกเขามีกันเพียงเจ็ดถึงแปดคนเท่านั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากพวกเขาต้องต่อสู้ พวกเขาไม่มีทางเทียบได้กับคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างแน่นอน

 

ชายวัยกลางคนพูดกับกลุ่มคนอย่างสุภาพ “ขออภัย เราแค่เดินผ่านมา เราบังเอิญบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของพวกคุณ ผมขอโทษอย่างสุดซึ้งที่รบกวนพวกคุณทุกคน เราจะไปเดี๋ยวนี้เลย ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”

 

คนเหล่านี้อยู่ที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงโรงงานที่ไม่ได้ใช้และถูกทิ้งร้างนี้

 

และด้วยเหตุนี้ ชายวัยกลางคนจึงสันนิษฐานว่าพวกเขาอาจสะดุดเข้าไปในพื้นที่ของคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

แต่ทว่า หลังจากที่ชายวัยกลางคนพูดจบ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าเขานั้นไม่เพียงแต่ไม่ขยับหนี แต่กลับล้อมรถทั้งสองคันไว้แทน พวกเขาทําให้แน่ใจว่าคนในกลุ่มไม่มีโอกาสที่จะจากไป

 

ในเวลาเดียวกันก็มีเศษเหล็กกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

 

นี่หมายความว่ารถทั้งสองคันไม่สามารถขับออกไปได้

 

สีหน้าหนักใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน “เพื่อน เราไม่ใช่ศัตรู เราไม่ได้ทําอะไรเพื่อทําร้ายพวกคุณ นี่ไม่ใช่วิธีที่ดีในการจัดการเรื่องต่างๆ เราไม่ควรตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้เราจะมีคนอยู่แค่สองคันรถ แต่เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของเราคือคนที่พวกคุณไม่สามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้”

 

บอดี้การ์ดนับร้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นเงียบ

 

ชายวัยกลางคนรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่รับผิดชอบ

 

ดังนั้น ชายวัยกลางคนจึงขึ้นเสียงเล็กน้อย “เพื่อน เราแค่ผ่านมาจริงๆเราไม่ได้คิดจะสร้างปัญหา ผมหวังว่าพวกคุณคงไม่ทําให้พวกเราตกที่นั่งลําบาก”

 

หลังจากที่ชายวัยกลางคนตะโกนเสร็จ บอดี้การ์ดก็ได้รอกันอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพวกเขา ก็ขยับเพื่อเปิดทางให้ใครบางคน

 

จ๋ายหวินเซิ่งก้าวออกจากฝูงชน

 

เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม ท่าทางเขาไม่ได้ไร้กังวลเหมือนปกติ สีหน้าเขาดูน่ากลัวเหลือเกิน

 

ทันทีที่ชายวัยกลางคนเห็นจ๋ายหวินเซิ่ง เขาก็จําอีกฝ่ายได้ทันที

 

นี่คือคนที่เล่นในทัวร์นาเมนต์เดียวกับเจี่ยนอีหลิง พวกเขาเคยเห็นชายคนนี้ในช่วงเวลาที่พวกเขาติดตามเจี่ยนอีหลิง

 

เพราะชายผู้นี้ แผนของพวกเขาจึงได้ล่าช้า

 

สิ่งที่ชายวัยกลางคนไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่พวกเขาพาตัวเจี่ยนอีหลิงออกมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

นี่หมายความว่าคนเหล่านี้กําลังที่จะพยายามจะพาเจี่ยนอีหลิงกลับไปเหรอ

 

ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายวัยกลางคนก็รู้สึกเหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก

 

นั่นหมายความว่าคนเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ก่อนที่พวกเขาเข้าไปในโรงงาน

 

นี่เป็นไปได้อย่างไร?

 

ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็นึกถึงความล่าช้าของเที่ยวบินทั้งหมด

 

หรือว่า…?

 

สายตาของจํายหวินเซึ่งไม่ได้จ้องไปที่ชายวัยกลางคนหรือลูกน้องของเขา

 

กลับกัน เขามองไปที่เบาะหลังของรถ

 

เขามองไปที่เจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงยังคงถูกผู้หญิงสองคนคุ้มกัน

 

จากมุมนี้ สิ่งที่เขาเห็นคือด้านข้างของใบหน้าเจี่ยนอีหลิง

 

ผิวที่ขาวเนียนและบอบบางบนใบหน้าเธอตอนนี้ถูกประทับเป็นรอยฝ่ามือสีแดงเลือด

 

เจี่ยนอีหลิงก็เห็นจํายหวินเพิ่งผ่านหน้าต่างรถด้วยเช่นกัน

 

นี่คือสิ่งที่เธอไม่คาดคิด

 

เธอรู้ว่าจะมีคนมาช่วยเธอ เธอยังรู้ด้วยว่าพวกเขาจะไม่ออกจากเมืองเหิงหยวน

 

แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดว่าจํายหวินเพิ่งจะเป็นคนแรกที่มาถึง

 

เจี่ยนอีหลิงยังสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของจํายหวินเพิ่งแตกต่างจากสีปกติเล็กน้อย มีแววของสีม่วงบนริมฝีปากเขา

 

เมื่อหัวใจขาดเลือด สีของริมฝีปากผู้คนจะเปลี่ยนไป

 

เขาไม่สบาย เจี่ยนอีหลิงสามารถยืนยันได้เกือบ 100 %

 

เขาควรจะอยู่ในโรงพยาบาล

 

แทนที่จะยืนอยู่ตรงนี้

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนืยายเรื่อง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อเดิมที เจี่ยนอีหลิง เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลที่แฝงตัวอยู่ ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย “อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว” “อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ” “อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ” คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ นายท่านเฉิง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป” คนอื่นๆ “นายท่านเฉิง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset