บทที่ 453 เข้าร่วมงานเลี้ยง 1
หยูซอดไม่ได้ที่จะพึมพํากับตัวเอง “แต่เธอกลับไม่ติดต่อฉันเลยในช่วงเวลานั้น”
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มีความสําคัญต่อเทพหลิงเท่ากับฉันชวน
พวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกันนะ เพื่อนร่วมทีมที่ “บุกน้ําลุยไฟ” มาด้วยกัน พวกเขาต่อสู้ร่วมกันไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ขณะที่หยูซีกําลังขับรถ เจียนอีหลิงก็ไม่ได้อยู่นิ่งในที่นั่งของผู้โดยสารเช่นกัน
เธอหยิบแล็ปท็อปขนาดเล็กออกมาวางบนตัก
จากนั้นเธอก็เริ่มพิมพ์บนแป้นพิมพ์
ระหว่างที่รอไฟแดง หยูซีก็เหลือบมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเจียนอีหลิง และเขาก็เห็นสัญลักษณ์ทางเคมีมากมายที่เขาไม่เข้าใจ
อาาา… สมกับเป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
“โอ เธอกําลังเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สามใช่ไหม”
“ไม่ ฉันข้ามขั้นตอน ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปริญญาโท” เงี่ยนอีหลิงตอบตามความจริง
หยูซี “…”
อา… เขาควรจะคิดแบบนั้น เธอไม่จบมัธยมปลายแบบปกติด้วยซ้ํา แล้วเขาจะคาดหวังให้เธอจบมหาวิทยาลัยด้วยวิธีที่ปกติอย่างงั้นเหรอ?
เงี่ยนอีหลิงกําลังเรียนแพทย์ นั่นเป็นหลักสูตรที่โดยทั่วไปจะใช้เวลาอย่างน้อยแปดปี
เจียนอีหลิงได้ศึกษาส่วนที่เป็นระดับปริญญาโทในสาขาของเธอแล้ว แต่ถึงกระนั้น เขาเพิ่งเริ่มเรียนในระดับปริญญาโทเท่านั้น
“โอ นายท่านเพิ่งก็เรียนจบเร็วเหมือนกัน” หยูชีพูดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขากําลังพยายามที่จะพูดถึงจํายหวินเชิงอย่าง บังเอิญ
แม้ว่าจํายหวินเชิงปกติจะดูเหมือนว่าเขาเสียเวลาไปกับการไม่ทําอะไรเลย แต่เขาก็ยังมีความสามารถในการทําคะแนนได้ดี
แม้ว่าเขาจะพักการเรียนจากมหาวิทยาลัยไปสักสองสามเดือน เขาก็ยังกลับมาและได้คะแนนสอบที่น่าทึ่ง
นี่เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่หยูซีตั้งใจพูดถึงจํายหวินเชิง หยูซีต้องการดูว่าเจียนอีหลิงมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อชื่อของจํายหวินเชิง
“อือ” เงี่ยนอีหลิงตอบกลับ การตอบสนองของเธอนั้นไม่แยแสเหมือนเคย
หยูซีไม่เห็นสิ่งที่น่าสงสัยกับการตอบสนองของเธอ
อาา ลืมไปเลย ทั้งสองคนทิ้งเขาไปเมื่อสามปีที่แล้วนี่นา เขาไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องของพวกเขามากนัก
จากนั้นหยุซีก็เริ่มถามเงี่ยนอีหลิงเกี่ยวกับอย่างอื่น “โอ้ ว่าแต่พี่ชายเธอไม่กลับมาด้วยเหรอ เขา เขาอาการดีขึ้นไหม”
เจียนอีหลิงหายไปนานเกินไป มีหลายสิ่งที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับเธอมากเกินไป
“อาการเขาดีขึ้น เพียงแค่เขามีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการช่วงนี้”
“นั่นเป็นข่าวดี” หยูซีตอบกลับ
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันสัพเพเหระ หยูซีก็ได้ขับรถไปถึงที่ตั้งงานเลี้ยงตระกูลฉินแล้ว
แต่ทว่า มีปัญหาตามมา
ทั้งหยูซีและเจียนอีหลิงไม่ได้รับบัตรเชิญเข้าสู่งานเลี้ยง
แม้ว่าตระกูลหยูจะเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหิงหยวน แต่ภูมิหลังของตระกูลเขาก็ยังถือว่าธรรมดามากในเปยจิง
หยูซีเป็นเพื่อนสนิทกับจํายหวินเฉิ่ง นี่หมายความว่าเขาสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงหรืองานสังสรรที่จัดโดยตระกูลจํายได้
แต่ว่านี่คือตระกูลฉิน ตระกูลหยูไม่ได้มีความหมายอะไรต่อหน้าตระกูลฉิน
ซึ่งหมายความว่าตระกูลฉินไม่จําเป็นต้องส่งบัตรเชิญไปให้หยูซี
หยูซีหันกลับมามองเจียนอีหลิง “เทพหลิงมีบัตรเชิญไหม”
เงี่ยนอีหลิงส่ายหน้า เธอไม่ได้รับบัตรเชิญเหมือนกัน วันนี้เธอมาเพื่อคุยกับฉินชวนด้วยความตั้งใจ
ในช่วงเวลาที่เธอกําลังตัดสินใจ เงี่ยนอีหลิงได้อยู่ในห้องโถงรอของสนามบิน
ดังนั้นจึงสายเกินไปที่ฉันชวนจะส่งคําเชิญถึงเธอ
“แล้วเราจะทํายังไง” หยูซีถาม
“ฉันจะขอให้เขาออกมาข้างนอกสักเล็กน้อย” เจียนอีหลิงตอบกลับ เธอไม่ได้ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงตั้งแต่แรกแล้ว
พนักงานในชุดสูทที่ประตูเมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างหยุซีและเงี่ยนอีหลิง ต่างก็มีแววตาแปลกๆในดวงตาพวกเขา อย่างไรก็ตามเพื่อความสุภาพ พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไร
เงี่ยนอีหลิงแต่งตัวสบายๆ เสื้อผ้าที่เธอสวมไม่มีแบรนด์และดูราคาถูก
กระทั่งเสื้อผ้าของพนักงานที่ยืนอยู่หน้าประตูเพื่อตรวจบัตรเชิญก็ดูแพงกว่าของเธอเสียอีก
แขกหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเงี่ยนอีหลิงและหนูชีส่ายหน้า และพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง “สาวน้อยเธอควรจะตั้งใจเรียนนะ อย่าคิดที่จะมาที่แบบนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่สําหรับเธอ”
บทที่ 454 เข้าร่วมงานเลี้ยง 2
ถ้าทั้งสองคนเป็นแขกของนายน้อยฉินจริงๆ เขาคงจะส่งบัตรเชิญไปนานแล้ว
พวกเขาคงไม่ได้รับบัตรเชิญ และก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนนี้เพีย งแค่มาที่นี่ เพียงเพื่อหวังจะได้เข้าไปในงานเลี้ยง
มีคนที่หน้าหนาเป็นพิเศษ บุคคลเหล่านั้นจะพยายามหาโอกาสเหล่านี้เพื่อได้พบปะผู้คนจากสังคมชนชั้นสูง
เจ้าหน้าที่ยังแนะนําเจียนอีหลิงและหยุซีว่า “คุณสุภาพบุรุษและคุณสุภาพสตรีสองท่านนี้ โอกาสเช่นนี้ไม่เหมาะสําหรับเด็กหญิงที่จะเข้าร่วมจริงๆ”
ทันทีที่พนักงานพูดจบ พวกเขาเห็นฉันชวนรีบออกมาจากห้องจัดเลี้ยง ฉินชวนถือได้ว่าเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงวันนี้ เขาตรงไปที่เงี่ยนอีหลิง
“ขออภัยกับความสับสน นี่คือเพื่อนของฉัน” ฉินชวนพูดกับเจ้าหน้าที่บริเวณประตู
พนักงานและแขกที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึง
กลับกลายเป็นว่า เธอเป็นเพื่อนของนายน้อยฉินจริงๆเหรอ
อันที่จริง ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่นายน้อยฉินถึงกับต้องออกมาทักทายด้วยตัวเองกด้วย
เมื่อตระหนักถึงสถานะพิเศษของเงี่ยนอีหลิงแล้ว พนักงานจึงรีบขอโทษเจียนอีหลิงและหยุซี “ผมขอโทษที่”
จากนั้นเจี้ยนอีหลิงก็พูดกับฉันชวนว่า “ฉันไม่เข้าไป ฉันแค่จะมาให้ของนายก่อนจะจากไป”
หลังจากที่เธอพูดแบบนี้แล้ว เงี่ยนอีหลิงก็หยิบกล่องพลาสติกปิดผนึกจากกระ เป่าและส่งให้ฉันชวน
กล่องพลาสติกบรรจุยาที่พัฒนาขึ้นสําหรับแม่ของฉันชวน ยาได้รับการพัฒนาขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้
อาการของแม่ฉินชวนได้รับการศึกษาโดยเจียนอีหลิงและเฉิงอี้มาเป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรักษาเธอได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทั้งสองคนก็ยังสามารถพัฒนายาที่สามารถยืดอายุเธอได้
ตราบใดที่รับประทานยาเป็นประจํา แม่ของฉันชวนก็จะสามารถทําอะไรได้เหมือนคนปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เจียนอีหลิงได้ทําการปรับปรุงยา
“ขอบคุณ” ฉันชวนพูดอีกครั้ง
หากไม่มีเงี่ยนอีหลิง แม่ของเขาคงไม่ผ่านพ้นช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาได้
ยิ่งเป็นไปไม่ได้มากกว่านั้นที่เธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติอย่างเช่นตอนนี้
แม้ว่าเจียนอีหลิงจะอยู่ต่างประเทศมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยลืมแม่เขาเลย
“ไม่เป็นไร” เงี่ยนอีหลิงกล่าว จากนั้นเธอก็เสริมว่า “จําสิ่งที่นายสัญญากับฉันไว้ได้ไหม”
มีข้อตกลงระหว่างพวกเขา
ฉันชวนยิ้มอย่างสดใสและสายตาของเขาก็ดูนุ่มนวลและอ่อนโยนในขณะที่เขาตอบ “แน่นอน ฉันจําได้ ฉันจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต”
สัญญาหนึ่งเดียวนั้นไม่มีอะไรเลย ฉันชวนเต็มใจให้สัญญาสิบอย่างกับเงี่ยนอีหลิง เขายอมทําทุกอย่าง
หยูซีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจี้ยนอีหลิงและฉินชวน เขายืนอยู่ข้างๆและฟังการสนทนาของพวกเขา หัวใจเขารู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยิน
สถานการณ์นี้คืออะไรกัน
ทําไมรู้สึกเหมือนเทพหลิงมีความสัมพันธ์พิเศษกับฉันชวน?
ฉันจะไม่ลืมมันไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?
ทั้งสองคนมาถึงจุดที่พวกเขาสามารถพูดว่า “ตราบชั่วชีวิตของฉัน แล้วอย่างงั้นเหรอ?
จากนั้นฉันชวนก็พูดกับเจี้ยนอีหลิงว่า“เข้าไปหาอะไรกินก่อนเดินทาง เธออยู่บนเครื่องบินมานานแล้ว ตอนนี้เธอก็คงจะหิวแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันแค่ชวนเธอเข้าไปกิน ฉันจะไม่ให้ใครมารบกวนเธอ”
ฉันชวนมีเหตุผลที่ดีที่จะเชิญเจี้ยนอีหลิงเข้าไป คําเชิญเขามีความจริงใจมากมายเช่นกัน
เมื่อเขาเห็นว่าเจียนอีหลิงไม่ตอบฉินชวนก็เสริมว่า “ฉันก็เพิ่งมาถึงเปยจิงเหมือนกัน แม้ว่ามันจะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับฉัน แต่ฉันก็ไม่รู้จักคนส่วนใหญ่ในห้องจัดเลี้ยง พวกเธอคือคนที่ฉันรู้จักได้ โปรดถือว่าเธอกําลังอยู่เป็นเพื่อนกับฉัน วันนี้แม่ฉันก็มาด้วยเช่นกันแม่อยากเจอเธอจริงๆ”
แม่ฉันชวนชอบเจียนอีหลิงมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นเงี่ยนอีหลิงด้วยตนเองในช่วงสามปีที่ผ่า นมา แต่เธอก็ได้รับยาที่เขียนอีหลิงได้ขอให้คนจากต่างประเทศนํากลับมาให้เธอเสมอ
ทุกครั้งที่เธอได้รับยา เธอก็จะคุยกับฉันชวนเกี่ยวกับเจียนอีหลิงอยู่เสมอ
ในใจแม่ของฉันชวน เงี่ยนอีหลิงเป็นนางฟ้าของครอบครัวพวกเขา
หยูชียิ่งตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เทพหลิงรู้จักแม่ฉินชวนแล้วด้วยงั้นเหรอ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน