บทที่ 459 เธอต้องชดใช้กับการผิดสัญญา
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จ๋ายหวินเชิ่งได้ยกเลิกการติดต่อกับเจี่ยนอีหลิงทั้งหมด เขาไม่ได้รวบรวมข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเธอเลย
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการ แต่เป็นเพราะเขาทําไม่ได้
“ไม่ใช่”
เธอนํายามาให้อีกฝ่าย เพราะสะดวกสําหรับเธอ แต่โดยปกติแล้ว คนอื่นจะส่งยามาให้
เธอไม่ได้มาที่เป่ยจิงเพราะฉินชวน
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้โกหก ดวงตาเธอใสสะอาดเหมือนเช่นเคย
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งก็ไม่หลงเหลือความโกรธอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เสียงเขายังคงลึกต่ําในขณะที่เขาพูด
“เธอผิดสัญญา
“อือ”
“เธอจะต้องชดใช้กับการละเมิดสัญญาของเธอ”
“ฉันรู้” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดใช้กับการผิดสัญญาของเธอ
“ค่าชดใช้หนักมาก” จ๋ายหวินเชิ่งกล่าว สายตาของเขาแผดเผา
“ได้”
เธอเป็นคนผิดสัญญา เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่เธอจะต้องจ่ายค่าชดใช้สําหรับการกระทําของตนเอง
หลังจากได้ยินคําตอบของเจี่ยนอีหลิง ดวงตาของจ๋ายหวินเชิ่งก็ดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่ลึกๆ
เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการค่าชดใช้เท่าไหร่
หยูซีดูการสนทนาระหว่างเจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่ง เขาไม่เข้าใจการสนทนาของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ผิดสัญญาเหรอ? ชดใช้เหรอ? มีข้อตกลงระหว่างพวกเขาสองคนด้วยเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นระหว่างเทพหลิงและนายท่านเชิง ทําไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้?
หยูอยากรู้เหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม หยูซีอดใจไว้ไม่ถาม เขากลัวว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนถ้าเขาถามเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่าง
จากนั้น ทั้งสามคนจึงอยู่อย่างนิ่งเงียบในงานเลี้ยงตระกูลฉินไปชั่วขณะ
เจี่ยนอีหลิงทานอาหารต่อไปในขณะที่หยูซีและจ๋ายหวินเชิ่งอยู่เป็นเพื่อนเธอ
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างพากันมองไปยังทิศทางของพวกเขาด้วยความประหลาดใจ การกระทําของจ๋ายหวินเชิ่งคืนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากปกติ
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนเปิดเผยข้อมูลว่าหมูซีนั้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนายท่านเชิง พวกเขารู้จักกันมาหลายปีและสนิทสนมกันมาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างพวกเขา
เธอเป็นผู้หญิงที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากทั้งนายน้อยฉินและนายท่านเชิง
เมื่องานเลี้ยงกําลังจะสิ้นสุดลง หยูซีก็ได้รับโทรศัพท์ด่วน เขาต้องกลับไปจัดการกับสถานการณ์ที่บริษัทเขา
“อาา ทําไงดี ฉันไม่สามารถออกไปได้ในตอนนี้ ฉันต้องการไปส่งเพื่อนกลับไปที่บ้านเธอก่อน”
หยูซีรู้สึกค่อนข้างขัดแย้ง สถานการณ์ในบริษัทเขาค่อนข้างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทิ้งเจี่ยนอีหลิงไว้ที่นี่ได้เช่นกัน
“บอกที่อยู่มา เดี๋ยวฉันไปส่ง” จ๋ายหวินเชิ่งพูดขึ้น
“จริงเหรอ? แล้ว…”
หยูซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิง
อย่างไรก็ตาม หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็ตัดสินใจมอบความไว้วางใจฝากฝังเจี่ยนอีหลิงให้กับจ๋ายหวินเชิ่ง
“ตกลง ผมจะทิ้งเทพหลิงไว้กับนายท่าน”
หยูซีต้องการสานความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งแม้ว่า (จอมอหังการ) จะไม่มีอยู่แล้ว แต่เขาก็หวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะยังดีเหมือนเดิมในตอนนั้น
หยูซีจากไปไม่นาน จ๋ายหวินเชิ่งก็เห็นว่าเจี่ยนอีหลิงได้ทานอาหารเสร็จแล้ว
“วันนี้พักผ่อนเร็วหน่อย เธอใช้เวลาบินมาตั้งสิบชั่วโมง อย่าทําตัวเป็นกระต่าย”
“อือ”
จากนั้น จ๋ายหวินเชิ่งก็ออกจากสถานที่แห่งนั้นไปพร้อมกับเจี่ยนอีหลิง
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกจากงานเลี้ยงตระกูลฉินก่อนเวลา เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีสิ่งสําคัญที่ต้องทํา
อย่างไรก็ตาม จ๋ายหวินเชิ่งไม่สนใจเรื่องนี้ เขาจะจากไปเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการ
ดังนั้น ผู้คนที่งานจึงสังเกตเห็นจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงออกเดินทางจากไป
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเชิง เขาไม่เพียงแต่นั่งอยู่กับเด็กหญิงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ตอนนี้ เขายังออกจากสถานที่ไปพร้อมกับเธอด้วย…”
“เป็นไปได้ไหม… เป็นไปได้ไหมที่นายท่านเชิงแอบชอบเธอ เธอช่างโชคดีเหลือเกิน”
“ไม่ พวกเธอคิดมากเกินไปแล้ว พวกเขาคงเป็นแค่เพื่อนกันมากกว่า”
บทที่ 460 ส่งเธอกลับบ้าน
“เพื่อนเหรอ? เธอเคยเห็นเพื่อนผู้หญิงอยู่ใกล้กับนายท่านเพิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกคนในเปยจิงรู้ดีว่านายท่านเชิงเล่นทุกอย่างยกเว้นผู้หญิง”
“ว้าว ฉันไม่สามารถบอกได้ว่านายท่านเชิงชอบผู้หญิงแบบนั้น”
“ฉันสงสัยว่าเด็กหญิงคนนั้นมาจากครอบครัวไหน นั่นจะต้องเป็นการไต่อันดับขึ้นอย่างมากในอันดับของสังคม”
“ท่านผู้เฒ่าจํายคงจะมีความสุขมากแน่ๆ ในที่สุดต้นไม้เหล็กในตระกูลของเขาก็ผลิดอกเสียที”
“อา น่าเสียดายที่ฉินหยูฝานไม่อยู่ในวันนี้”
ทุกคนรู้ว่าฉินหยูฝานชอบจ๋ายหวินเชิ่ง
ตามหลักการแล้ว เธอควรจะอยู่ที่นี่ในงานเลี้ยงตระกูลฉิน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้ด้วยว่าฉินหยูฝานกําลังต่อสู้กับฉินชวนเพื่อขึ้นเป็นผู้นําคนต่อไปของตระกูลฉิน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินชวนได้พามารดาผู้ให้กําเนิดเขามาที่งานเลี้ยงในวันนี้ นี่คือสิ่งที่ฉินหยูฝานไม่สามารถยอมรับได้
แม้ว่าแม่ของฉินหยูฝานจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทนที่ตําแหน่งของแม่เธอในตระกูลได้
ด้วยเหตุนี้ ทําให้เธอพลาดการแสดงในวันนี้ไป
“อา ฉันคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่เธอไม่มา เธอคงจะโกรธมากถ้าเธอมา”
“เอ้อ เรื่องแบบนั้นก็คงเกิดขึ้นเช่นกันถ้าเธอรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
ทุกคนเริ่มคาดเดาปฏิกิริยาของฉินหยูฝาน
อย่างไรก็ตาม ความคิดของโม่ซืออวิ้นนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆในงานเลี้ยงคืนนี้ จิตใจเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงที่เพิ่งออกจากสถานที่แห่งนี้
กลับกัน เธอจ้องมองไปทางฉินชวน เธอลังเลอยู่ตลอดทั้งคืน สุดท้าย หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงออกไปพร้อมกับจ๋ายหวินเชิ่งแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าจนพอที่จะเข้าไปหาฉินชวน
เดิมที เธอไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปหาฉินชวน
อย่างไรก็ตาม เจี่ยนอีหลิงได้ปรากฏตัวในวันนี้ รูปร่างหน้าตาของเธอได้นําความทรงจําของโม่ซืออวิ้นกลับไปสู่วันนั้น
เธออยากจะลองอีกครั้ง บางที… ฉินชวนอาจยังจําเธอได้
โม่ซืออวิ้นเดินไปที่ฉินชวน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นสุภาพและสง่างาม
“นายน้อยฉิน” โม่ซืออวิ้นเรียกออกมา
“สวัสดีครับ ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเธอเป็นใครกัน?” ฉินชวนตอบอย่างสุภาพ
หัวใจของโม่ชื่ออริ้นเย็นเยียบลงในทันที
เขาจําเธอไม่ได้
เขาจําเธอไม่ได้เลย
“ฉันชื่อโม่ซืออวิ้น ฉันเองก็มาจากเมืองเหิงหยวน” โม่ซืออวิ้นแนะนําตัวกับฉินชวน
เธอทําตัวเองให้เป็นธรรมชาติที่สุด เธอไม่อยากแสดงความผิดหวังของตนเอง
“อา เป็นอย่างนั้นนั่นเอง ผมหวังว่า มิสซื้ออริ้นจะพอใจกับงานเลี้ยงวันนี้ หากมีการต้อนรับที่ไม่ดี ผมก็หวังว่า มิสซื้ออวนจะอดทนเพื่อผมหน่อยนะครับ”
ฉินชวนตอบกลับอย่างเป็นทางการจนน่าเหลือเชื่อ
จากนั้นผู้ช่วยที่ติดตามฉินชวนก็กระซิบข้างหูเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นเพียงนักแสดงธรรมดาๆ ไม่จําเป็นต้องให้เขาหาเวลาคุยกับเธอ
ชื่อของโม่ซืออวิ้นไม่อยู่ในรายชื่อคําเชิญตั้งแต่แรก เธอเป็นเพื่อนหญิงของใครบางคนในงานปาร์ตี้
ดังนั้นฉินชวนจึงพูดอีกสองสามคํากับโม่ซืออวิ้นก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับแขกคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม โม่ซืออวิ้นได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม เธอรู้สึกเหงาและเศร้ามากเหลือเกิน
ระหว่างทางไปบ้านของเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงได้นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้ายามที่จ๋ายหวินเชิ่งขับรถอยู่
ก่อนที่เธอจะขึ้นรถ เจี่ยนอีหลิงสังเกตเห็นว่ารถของจ๋ายหวินเชิ่งเป็นรถสปอร์ตสีเขียว
ระหว่างทางไปบ้านของเจี่ยนอีหลิง ทั้งสองนั่งอยู่อย่างเงียบๆ
สามปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้พบกัน
เด็กหญิงตัวเล็กๆโตขึ้นแล้ว
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเธอจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่สามปีแห่งการแยกจากกันนั้นได้เกิดขึ้นมาจริงๆ
จ๋ายหวินเชิ่งส่งเจี่ยนอีหลิงไปยังที่อยู่ใหม่ของเธอ
เธออาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเปยจิง มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกเพียงข้ามถนนจากอพาร์ตเมนต์เท่านั้น
จ๋ายหวินเชิ่งดูเจี่ยนอีหลิงออกจากรถ เขาดูเธอขึ้นไปชั้นบน จากนั้นเขาก็รอจนไฟชั้นบนนั้นเปิด
เขามองดูร่างสวยของเธอเดินผ่านหน้าต่าง
จ๋ายหวินเชิ่งอยู่ที่ชั้นล่างแบบนี้ถึงครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งเมื่อไฟดับลงเท่านั้น ที่เขาเริ่มสตาร์ทรถอีกครั้งและจากไป