บทที่ 461 โรงพยาบาลลั่วไห่เชิน 1
ในเวลานี้ฉินหยูฝานนั่งอยู่ที่ห้องเรียนของเธอ
มีคนส่งรูปถ่ายสองสามรูปให้กับเธอ
นั่นเป็นภาพของเจี่ยนอีหลิงและจํายหวินเชิงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันในงานเลี้ยง
ในภาพค่อนข้างชัดเจนว่า จํายหวินเชิงแอบมองเจี่ยนอีหลิงที่นั่งอยู่ข้างเขา
จากนั้น คนที่ส่งรูปให้เธอก็ตามด้วยข้อความตัวโต
[พี่ฝาน สาวน้อยคนนี้ทําท่าทางเก่งเหลือเกิน เธอแสร้งทําเป็นน่าสงสาร อ่อนโยน และน่ารัก ต่อหน้านายท่านเชิง เธอพยายามยั่วยวนวิญญาณของนายท่านเชิง]
คนที่ส่งข้อความถึงฉินหยูฝานเป็นหญิงสาวจากตระกูลที่ได้รับความเคารพนับถือในเปยจิง เธอได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลฉิน
ฉินหยูฝานหัวเราะเยาะก่อนจะตอบว่า
[เธอไม่ได้ใส่ร้ายเด็กหญิงคนนั้น แต่เธอกําลังใส่ร้ายนายท่านเชิง]
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า [หือพี่ฝาน ไม่โกรธเหรอ]
[ถ้าเธอถามว่าฉันโกรธที่นายท่านเชิงสนใจผู้หญิงคนอื่นไหม ฉันก็ตอบว่าใช่ ฉันโกรธ]
[ถ้าเธอโกรธ เราได้คิดหาวิธีที่จะช่วยให้เธอจัดการกับความโกรธได้แล้ว ตราบใดที่เธอพยักหน้า เราก็จะช่วยเธอทันที)
ฉินหยูฝานหัวเราะก่อนจะตอบว่า [ทําในสิ่งที่เธอต้องการจะทํา แต่ว่าอย่าให้ฉันไปรับ หน้าแทนเธอ ถ้าฉันอยากเล่นงานใครซักคนฉันก็ไม่ต้องการให้เธอทําอะไรให้ฉัน ถ้าเธอจะทําอะไรก็ไม่ต้องใช้ชื่อฉัน โดยสัตย์จริงแล้ว เธอแค่พยายามหาเหตุผลให้กับการกระทําของเธอเองและพยายามให้คนอื่นมาร่วมรับโทษเท่านั้น]
ข้อความของฉินหยูฝานตรงไปตรงมาเหลือเกิน เธอไม่สนใจคนอื่นเลย
อีกคนรีบอธิบายว่า [พี่ฝาน เธอเข้าใจผิดแล้ว พวกเราเพียงแค่คิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่คู่ควรกับนายท่านเชิง นอกจากนี้ ช่วงนี้เธอยุ่งมาก เธออาจไม่มีเวลาจัดการกับนังเด็กเลวคนนั้น เราเลยอยากช่วยเธอสอนบทเรียนให้…]
[นั่นเป็นเรื่องของฉัน ฉันจะไม่ไปสุงสิงกับพวกเธอเพียงเพราะว่าฉันกําลังไล่ตามผู้ชายสักคนหรอก]
หลังจากที่ฉินหยูฝานส่งข้อความนี้ เธอก็ไม่สนใจคนพวกนั้นอีก
จากนั้นเธอก็เปิดหน้าอื่นเพื่อค้นหาโรงพยาบาลที่ชื่อลั่วไห่เซิน เธอเปิดดูผ่านเว็บไซต์ทางการของพวกเขา
นี่เป็นโรงพยาบาลที่พิเศษมาก โรงพยาบาลตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆในมหาสมุทรแปซิฟิก
โรงพยาบาลเพิ่งก่อตั้งได้เพียงปีเดียว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ
โรงพยาบาลนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีแพทย์และพยาบาลที่ดีที่สุดอีกด้วย
โรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยทั่วไป และค่อนข้างเฉพาะเจาะจงในกรณีของเคสที่ยากกับการผ่าตัดที่ยากเท่านั้น
นอกจากนี้ พวกเขาจะรับผู้ป่วยครั้งละรายเท่านั้น
หลังจากผู้ป่วยคนล่าสุดออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผู้ป่วยรายต่อไปจึงจะได้รับการยอมรับ
นอกจากนี้ ค่ารักษาพยาบาลก็แปลกมากเช่นกัน
พวกเขาเรียกเก็บเงินผู้ปวยคิดเป็นร้อยละหกสิบของทรัพย์สินของพวกเขาในการรักษา หากผู้ป่วยได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้เยาว์ พวกเขาจะเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองคิดเป็นร้อยละหกสิบของทรัพย์สิน
ซึ่งหมายความว่ายิ่งผู้ปวยร่ํารวยมากเท่าไร รายได้ของโรงพยาบาลก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
ตอนแรกทุกคนคิดว่าโรงพยาบาลจะรับงานจากครอบครัวที่ร่ํารวยมากเท่านั้น แต่ทว่า โรงพยาบาลก็รับขอทานด้วย
ชายหนุ่มที่เบื่อหน่ายคนหนึ่งที่ผ่านมาได้กรอกข้อมูลของขอทานคนหนึ่งแล้วยื่นคําร้องไปที่เว็บไซต์ของโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ในเมื่อเขาไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการยื่นคําร้อง ดังนั้นชายหนุ่มจึงอยากลอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือโรงพยาบาลลั่วไห่เซินยอมรับใบสมัครนั้นจริงๆ
ในท้ายที่สุด พวกเขาเรียกเก็บเงินจากขอทานนั้น 60 เปอร์เซ็นต์ของเงินออมของเขา พวกเขาเรียกเก็บเงินทั้งหมด 67 ดอลลาร์และ 60 เซนต์
นี่นับเป็นการสูญเสียอย่างสมบูรณ์กับธุรกิจของพวกเขา แค่ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับผู้ป่วย ก็เป็นเงินจํานวนมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลลั่วไห่เซินก็ได้ตอบรับคําขอและส่งเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาไป ในความเป็นจริง พวกเขาถึงกับสามารถช่วยชีวิตขอทานที่ป่วยหนักได้
เป็นความจริงที่ผู้ป่วยจํานวนมากที่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินยอมรับมีฐานะร่ํารวยมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีพลเมืองชนชั้นแรงงานธรรมดาที่พวกเขาได้ยอมรับไว้เช่นกัน
บทที่ 462 โรงพยาบาลลั่วไห่เซิน 2
ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลลั่วไห่เชินจึงถูกมองว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากผู้ป่วยจํานวนมาก โรงพยาบาลนี้ถือเป็นแหล่งความหวังสุดท้ายของพวกเขา
สําหรับตอนนี้ ทางเดียวที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ก็คือ ยื่นคําร้องบนเว็บไซต์ของโรงพยาบาล
ฉินหยูฝานเพิ่งส่งใบสมัครลงไปบนเว็บไซต์นี้
แม้ว่าความน่าจะเป็นที่ใบสมัครของเธอจะได้รับการคัดเลือกค่อนข้างต่ํา แต่เธอก็ยังหวังว่าใบสมัครของเธอจะได้รับการคัดเลือกจากโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน
บุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างสูงในตระกูลฉินจําเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขากับการรักษาที่พวกเขาต้องการได้อีกต่อไป
บุคคลนี้เป็นลุงเธอ ลุงเธอหวังว่าเธอจะกลายเป็นผู้นําตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉิน อย่างไรก็ตาม ที่สําคัญกว่านั้นก็คือ ลุงเธอเป็นคนที่คอยเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมา
ดังนั้นฉินหยูฝานจึงหวังว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะยอมรับใบสมัครของลุงเธอ
อย่างไรก็ตาม นี่อาจทําให้สูญเสียทรัพย์สมบัติของลุงไปเป็นจํานวนมาก
แน่นอนว่านี่รวมถึงหุ้นส่วนหนึ่งที่เขาถืออยู่ในเครือตระกูลฉิน
คําร้องถูกยื่นไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มันยากมากที่จะบอกว่าจะได้รับเลือกหรือไม่
ทุกวันนี้มีคนส่งใบสมัครเข้าเว็บไซต์นับไม่ถ้วน
โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีเพียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพียงหนึ่งคนต่อสัปดาห์เท่านั้น
ดังนั้น ความน่าจะเป็นของการสมัครจะถูกเลือกจึงต่ําเหลือเกิน
ถ้าฉินหยูฝานต้องการเพิ่มโอกาสที่จะให้ใบสมัครของเธอได้รับการเลือก เธอจะต้องทําอย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลลั่วไห่เซินเป็นองค์กรที่ลึกลับเหลือเกิน มีคนไม่มากที่รู้ตําแหน่งที่แน่นอนของโรงพยาบาล ซึ่งหมายความว่ามีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับโรงพยาบาลเช่นกัน
ฉินหยูฝานค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับหัวหน้าผู้บริหารโรงพยาบาล เธอสงสัยว่าบุคคลประเภทไหนกันที่มีความสามารถในการก่อตั้งโรงพยาบาลเช่นนี้
การก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลถือได้ว่าดีที่สุดในโลก
คนเราไม่สามารถใช้เงินของพวกเขาเพื่อบรรลุสิ่งเหล่านี้ได้
ฉินหยูฝานเพิ่งได้รับข่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะมาถึงเป่ยจิงในอนาคตอันใกล้นี้
และด้วยเหตุนี้ เธอจึงขอให้ใครสักคนตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาล เธอหวังว่าจะได้ติดต่อกับสมาชิกของโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
###
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงลุกขึ้นจากเตียง สิ่งแรกที่เธอทําก็คือเปิดอุปกรณ์สื่อสาร
มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านมากมายบนอุปกรณ์
เจี่ยนอีหลิงตอบกลับข้อความบางส่วน
ข้อความหนึ่งมาจากเจี่ยนหยุ่นโม่
[อย่าลืมทานอาหารเมื่อเธอตื่นขึ้น ดูแลตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว พยายามอย่าลดน้ําหนัก]
ข้อความอื่นมาจากเพื่อนที่ทํางานของเจี่ยนอีหลิง
[ฉันส่งรายชื่อผู้ป่วยไปที่อีเมลของเธอแล้ว กรุณาตรวจสอบเมื่อเธอมีเวลา]
หลังจากเจี่ยนอีหลิงจัดระเบียบเรียบร้อย เธอก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเป่ยจิง
จนถึงตอนนี้ เรื่องราวเดิมๆจํานวนมากได้เกิดขึ้นแล้ว
ในนวนิยายต้นฉบับ ฉินชวนก็ได้กลับมาที่เปยจิงด้วยเช่นกันในเวลานี้
ข้อขัดแย้งระหว่างฉินชวนและฉินหยูฝานยังคงไม่สามารถแก้ไขได้
จูปีเตอร์ก็ได้ยุบวงในช่วงเวลาเดียวกันกับนวนิยายด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น เจี่ยนหยู่หมินก็ได้กลับบ้าน เขาเริ่มมีส่วนร่วมในธุรกิจของตระกูล แต่ทว่าครั้งนี้ มันมาจากหลายสาเหตุ
ในนวนิยายต้นฉบับ เหอเยี่ยนได้บังคับเขาให้ทําเช่นนั้น แต่ครั้งนี้เจี่ยนหยู่หมินตัดสินใจว่าเขาต้องการรับผิดชอบในส่วนของเขา เขาต้องการทําอะไรเพื่อพี่น้องและพ่อ
และตัวเธอเอง เธอเองก็ได้มาถึงเป่ยจิงในเวลาเดียวกันด้วย
ในนวนิยายต้นฉบับ เจี่ยนอีหลิงมาที่เปยจิงเพราะเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเปยจิง
ในนวนิยายต้นฉบับ เจี่ยนอีหลิงสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในเปยจิงก็เพราะเธอรู้ว่าฉินชวนกําลังอยู่ในเมืองนั้น
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าการเรียนและผลการเรียนเธอนั้นไม่เอาไหน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระดับที่สามในเปยจิงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในครั้งนี้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น โม่ซืออวิ้นตั้งใจจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเปยจิง ในนวนิยายต้นฉบับ เธอสอบผ่านข้อสอบของมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่โดดเด่น
อย่างไรก็ตาม คราครั้งนี้ เธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ ซึ่งเธอได้เข้าเรียนในสาขาวิชาเอกการแสดง
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเจี่ยนหยุ่นน่าว