บทที่ 463 ความสิ้นหวังและจนหนทาง
ในหอพักชายของมหาวิทยาลัยเป่ยจิง
เช้าตรู่ เจี่ยนหยุ่นน่าวลุกจากเตียง
เพื่อนร่วมห้องสามคนของเจี่ยนหยุ่นน่าวประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นสิ่งนี้
“หยุ่นน่าว ตอนเช้าไม่มีเรียน ทําไมนายตื่นเช้าจัง”
“วันนี้ฉันมีเรื่องสําคัญต้องทํา”
เจี่ยนหยุ่นน่าวแต่งตัวเต็มยศแล้วในขณะที่เขาตอบเพื่อนร่วมห้อง กล่องของขวัญสีชมพูที่เตรียมมาอย่างดีวางอยู่ในมือเขา
หลังจากที่มือของเจี่ยนหยุ่นนาวหายดีแล้ว เขาก็ตั้งใจเรียน ส่งผลให้เขาสอบผ่านมหาวิทยาลัยเป่ยจิงได้สําเร็จ มหาวิทยาลัยเป่ยจิงถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนําในประเทศจีน
ปีนี้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยปีที่สาม
แม้ว่าเขาจะยังเล่นเปียโนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่วิถีทางทั้งหมดของเขาอีกต่อไป
อันที่จริง หลังจากที่มือเขาหายดีแล้ว เขาก็ยังสามารถเล่นเปียโนต่อไปได้ถ้าเขาฝึกหนักพอ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เจี่ยนหยุ่นน่าวได้เปลี่ยนใจจากการเล่นเปียโน แม้ว่าเขาจะสนุกกับการเล่นเปียโน แต่การที่เขาจะเป็นนักเปียโนได้หรือไม่นั้นก็ไม่สําคัญสําหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้น บางวันเขาก็ยังเล่นเปียโนเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดไปกับมันอีกต่อไป
“โอ ว่าแล้ว นายกําลังจะไปเดทเหรอ” รูมเมทของเจี่ยนหยุ่นน่าวตกตะลึง ดูเหมือนว่า เขาได้ค้นพบโลกใหม่ทั้งใบ ภาพพจน์ใหม่ของเจี่ยนหยุ่นน่าวคืออะไรกัน
“ไม่ใช่” เจี่ยนหยุ่นน่าวรีบตอบ
“ไม่มีทาง นายกําลังจะไปเดทเห็นชัดๆ คําพูดของนายไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย ต่อให้นายจะไปเดท ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง นี่เป็นปีที่สามในมหาวิทยาลัยของนายแล้ว รีบไปเดทกับใครซักคนซะ อย่าเสียเวลาสี่ปีของนายในมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้ทําอะไรเลย”
จากนั้น รูมเมทอีกคนก็พูดแทรกและแสดงความคิดเห็นว่า “ช่าย รีบหาแฟนได้แล้ว ถ้านายทําแบบนั้น ผู้หญิงบางคนต้องยอมแพ้นายในที่สุด ในที่สุดพวกเธอจะได้ให้โอกาสเราบ้าง”
เพื่อนร่วมห้องคนที่สามหัวเราะก่อนจะพูดว่า “โอย ฉันคิดว่าหยุ่นน่าวมีสายตาแต่เพียง Dr.FS เท่านั้น”
เจี่ยนหยุ่นน่าวเข้ามหาวิทยาลัยมาสองปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่สาม อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสามปี ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ออกเดทกับใครเลย แต่เขาไล่ติดตามข่าวเกี่ยวกับ Dr.FS เท่านั้น
เพื่อนร่วมห้องเขารู้ว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของ Dr.FS
เจี่ยนหยุ่นน่าวจะสนใจข่าวอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ Dr.FS
อันที่จริง โต๊ะในหอพักเขาเต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์ตัดแปะของ Dr.FS
“นั่นเป็นเรื่องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มือของฉันถูกรักษาไว้ได้โดย Dr.FS แน่นอน ฉันต้องเป็นแฟนเขา” เจี่ยนหยุ่นน่าวโต้เถียงกลับ
“ใช่ ฉันรู้ ฉันรู้ ขอบคุณ Dr.FS นายได้กลับคืนสู่ความหวังในชีวิตอีกครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ เอ้อ ถ้างั้นแล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนาย นายแต่งตัวค่อนข้างแตกต่างจากปกติ นอกจากนี้นายก็ยังถือของสีชมพูนั้นในมืออีก นายไม่ได้วางแผนที่จะไปพบกับ Dr.FS ด้วยของขวัญนั้นเหรอ”
“ฉันกําลังจะไปพบกับสิ่งที่สําคัญมากสําหรับฉัน แต่ว่า คนนั้นไม่ใช่ Dr.FS”
“และนายก็กําลังบอกเราว่านายไม่ได้ออกไปเดทอีกงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ออกเดทจริงๆ” เจี่ยนหยุ่นน่าวพิมพ์ เขาปฏิเสธการคาดเดาของเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง
วันนี้น้องสาวเขามาที่มหาวิทยาลัย เขากําลังจะออกไปพบเธอ
อย่างไรก็ตาม เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่แน่ใจว่าน้องสาวเขาจะอยากเห็นเขาหรือไม่
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองไม่ได้เจอกันบ่อยนัก
หลังจากเหตุการณ์นั้น เจี่ยนหยุ่นน่าวสันนิษฐานว่าน้องสาวเขาเกลียดเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ตระหนักว่าน้องสาวเขาไม่ได้เกลียดชังเขา แต่เหมือนกับว่าเธอไม่เห็นเขาเป็นพี่แล้ว
เธอเพียงแค่ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นพี่น้องกันเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด เธอร่วมแสดงความยินดีกับเขาแต่เธอกลับไม่สนิทกับเขาอีกต่อไป
ความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่พวกเขามีนั้นถูกกลบฝังไว้อย่างสมบูรณ์ไปกับเหตุการณ์นั้นเมื่อสามปีที่แล้ว
เป็นเวลาสามปีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาได้ยินเธอเรียกเขาว่า “พี่ชายสาม”
เขารู้สึกสิ้นหวังและจนหนทาง
อันที่จริง ย่าเจี่ยนได้ขอให้หยูซีรับเจี่ยนอีหลิงจากสนามบิน เธอไม่ได้ขอให้เขาไปรับเจี่ยนอีหลิงมา
ย่าเจี่ยนรู้ว่าความสัมพันธ์ของน้องสาวกับหยูซีดีกว่าที่เธอมีกับเขา
เจี่ยนหยุ่นน่าวใช้เวลาสักครู่เพื่อระบายอารมณ์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด น้องสาวเขาก็ได้มาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา เขาไม่ควรพลาดโอกาสนี้ที่จะได้พบกับเธอ
บทที่ 464 ความเจ็บปวดของเจี่ยนหยุ่นน่าว 1
เนื่องจากเจี่ยนหยุ่นน่าวไม่รู้ว่าประตูไหนที่เจี่ยนอีหลิงจะเข้ามหาวิทยาลัย เขาจึงตัดสินใจรอที่ทางเข้าอาคารห้องปฏิบัติการคณะแพทย์
เจี่ยนอีหลิงกําลังวางแผนที่จะพบกับศาสตราจารย์หวงจากคณะแพทย์ ตอนนี้ศาสตราจารย์หวงอยู่ในอาคารห้องปฏิบัติการ
หลังจากรอประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเจี่ยนหยุ่นน่าวก็เห็นเจี่ยนอีหลิง
อากาศเดือนตุลาคมค่อนข้างอบอุ่น
เจี่ยนอีหลิงสวมเสื้อยืดสีอ่อนและกางเกงยีนส์สีดํา ผมเธอถูกมัดกลับเป็นหางม้า รูปลักษณ์เธอดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบ
เมื่อเจี่ยนหยุ่นน่าวเห็นน้องสาว เขาก็เดินเข้าไปทักทาย “อีหลิง”
เสียงเขาเต็มไปด้วยความสุขและความยินดี
“อือ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอหยุดเดินและมองไปที่เจี่ยนหยุ่นน่าว เธอไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี
“นี่สําหรับเธอ ยินดีต้อนรับสู่มหาวิทยาลัยของฉัน” เจี่ยนหยุ่นน่าวยิ้ม ดวงตาเขาจับจ้องไปที่เจี่ยนอีหลิง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนิทกันเหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็ยังหวังว่าตนเองจะได้ยินน้องสาวเรียกเขาว่า “พี่ชาย สักวันหนึ่ง
“ขอบคุณ”
“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอหาศาสตราจารย์ไหม ตอนนี้เขาอยู่ในห้องแล็บที่สุดทางเดินชั้นสี่”
เพื่อช่วยเจี่ยนอีหลิงประหยัดเวลา เจี่ยนหยุ่นน่าวได้สอบถามข้อมูลล่วงหน้าแล้ว
“ขอบคุณ” เจี่ยนอีหลิง
ทุกครั้งที่เจี่ยนหยุ่นน่าวได้ยินน้องสาวพูดขอบคุณ เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ
นานมาแล้วที่ อีหลิงไม่เคยขอบคุณเขาในเรื่องแบบนี้เลย แต่เธอจะคว้าแขนเขาเพื่อสรรเสริญ “พี่ชายหยุ่นน่าวเจ๋งจริง”
เจี่ยนอีหลิงไปพร้อมกับเจี่ยนหยุ่นน่าวเพื่อพบกับศาสตราจารย์
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องแล็บ ศาสตราจารย์หวงก็จ้องไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยความประหลาดใจ
ศาสตราจารย์หวงรู้ว่านักเรียนแลกเปลี่ยนนั้นเกิดในประเทศของตน
เขารู้ด้วยว่าเธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ทรงคุณค่าและสําคัญที่สุดคนหนึ่งของศาสตราจารย์ไฮด์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเจี่ยนอีหลิงด้วยตนเอง เขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อย
ใครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป่ยจิงได้ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะ นักศึกษาที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แห่งนี้เก่งที่สุดในประเทศ
นักศึกษาคนนี้ คนที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในประเทศอื่นดูไม่สดใสไปกว่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป่ยจิง
ดูเหมือนคําพูดของศาสตราจารย์ไฮด์จะพูดเกินจริงไปเล็กน้อย
จากนั้นศาสตราจารย์หวงก็กล่าวว่า “ก่อนอื่น ฉันขอแสดงความยินดีต้อนรับเธอสู่มหาวิทยาลัยของเรา ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไร เมื่อเธอติดตามศาสตราจารย์ไฮด์ไปโน่นนี่ แต่ในอีก 1 เดือน ข้างหน้า ฉันหวังว่าเธอจะรับฟังการเตรียมการของฉันและทํางานของตนเองได้ดี”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี่ยนอีหลิงก็พยักหน้า
จากนั้น ศาสตราจารย์หวงก็ได้พูดคุยกับเจี่ยนอีหลิงเกี่ยวกับหัวข้อที่พวกเขากําลังเรียนในชั้นเรียนในเดือนหน้า เขายังบอกเธอเกี่ยวกับการเตรียมการที่เธอจําเป็นต้องรู้
เจี่ยนหยุ่นน่าวรอนอกห้องอยู่ครึ่งชั่วโมง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเจี่ยนอีหลิงก็ออกมา
จากนั้นเจี่ยนหยุ่นน่าวก็พาเจี่ยนอีหลิงไปเที่ยวชมรอบมหาวิทยาลัย
บังเอิญเหลือเกิน เจี่ยนหยุ่นน่าวเดินในเจอกับรูมเมทของเขา
“ว้าว หยุ่นน่าว นายช่างไม่ยุติธรรมเลย”
“ใช่ นายควรแนะนําพวกเราให้แฟนของนายรู้จัก”
เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวเริ่มหัวเราะและล้อเล่น
“หยุดเลย นี่คือน้องสาวของฉันโว้ย” เจี่ยนหยุ่นน่าวรีบอธิบาย
“คือ เธอเป็นน้องสาวนายเหรอ ถ้าอย่างนั้นนายก็ยิ่งไม่ยุติธรรมกว่าเดิม”
เพื่อนร่วมห้องสามคนของเจี่ยนหยุ่นน่าวยิ้มอย่างสดใสให้กับเจี่ยนอีหลิง
“นี่ อย่ามาตลกนะ น้องสาวฉันยังเด็ก”
“น้องสาวนายอายุเท่าไหร่”
“เธออายุสิบเจ็ดเท่านั้น”
เธอยังไม่อายุสิบแปดด้วยซ้ํา
“เอ่อ เธอก็โตพอที่จะมีแฟนได้แล้ว”
“ใช่ เห็นด้วย สวัสดี เราเป็นรูมเมทของพี่ชายเธอ”
ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกับเจี่ยนอีหลิง ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังเจี่ยนอีหลิง
“เธอมีคนจองแล้ว”
เมื่อเจี่ยนอีหลิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอจึงหันไปมองข้างหลัง และเธอก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของจ๋ายหวินเชิ่ง