บทที่ 479 ติดต่อกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน 1
อีกคนหนึ่งในตระกูลฉินก็พยายามติดต่อโรงพยาบาลลั่วไห่เซินด้วยเช่นกัน คนนี้ก็คือพ่อฉินหยูฝาน ฉินหงจื้อ เขาเป็นผู้นําตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลฉิน ในเวลาเดียวกัน เขายังเป็น CEO และประธานของฉินกรุ๊ปอีกด้วย
ฉินหงจื้อและฉินชวนเป็นพ่อลูกกัน พวกเขาทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์
ฉินหงจื้อดูเหมือนฉันชวนเวอร์ชั่นอายุมาก
ถึงแม้กระนั้นตอนนี้เขาก็ยังสง่างามมาก สมัยก่อนนั้นเขาเป็นคนที่ค่อนข้างดัง
ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาซึ่งเป็นผู้อํานวยการที่มีอิทธิพลในตระกูลฉินปวย เป็นผลให้ลูกพี่ลูกน้องเขาต้องการการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ลูกพี่ลูกน้องของเขาประกาศว่าตัวเองยินดีที่จะมอบหุ้นทั้งหมดเขาในตระกูลฉินให้กับทุกคนที่รักษาเขาได้
แน่นอนฉินหงจื้อต้องการได้เหล่านี้ หากหุ้นเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าจะต้องเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนเร้นอย่างใหญ่หลวงสําหรับฉินหงจื้อ และฉินกรุ๊ปทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหวังว่าจะได้ติดต่อกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน เขาต้องการบรรลุข้อตกลงกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินเนื่องจากเขาต้องการยึดหุ้นเหล่านั้น
เขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินจํานวนเท่ากับหุ้น เพื่อแลกกับการที่เขาต้องการเป็นเจ้าของหุ้น
ฉินหงจื้อเรียกฉันชวน เขาบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับความคิดของเขาและขอให้อีกฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้
ฉินหงจื้อโทรหาฉันชวนเพื่อหารือเรื่องนี้กับอีกฝ่าย เนื่องจากตัวเขามีแนวโน้มที่จะส่ง ตระกูลฉินไปให้ฉันชวนมากกว่า อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพราะเขาสงสัยในความสามารถของลูกสาว
ตรงกันข้าม เขารู้ถึงความสามารถของลูกสาว
แต่ว่า ตระกูลฉินได้ถ่ายทอดมรดกตกทอดสู่ลูกชายมาหลายชั่วอายุคนแล้ว การส่งต่อให้กับลูกสาวนั้นขัดต่อประเพณีของบรรพบุรุษ
นี่คือเหตุผลว่าทําไมผู้อาวุโสจํานวนมากในตระกูลฉินจึงสนับสนุนฉินชวน
ฉินหงจื้อ บอกฉินชวนว่า “เราไม่สามารถปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในหุ้นเหล่านี้ได้ ลุงของเธอกําลังปวย ดังนั้น เขาจึงไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถปล่อยให้เขามอบหุ้นเหล่านั้นให้กับคนอื่นได้ ดังนั้นเราจึงมีเพียงสองทางเลือกตรงหน้าตัวเลือก แรกก็คือการบรรลุข้อตกลงกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน ตัวเลือกที่สองก็คือไม่รักษาเขา”
นี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉินหงจื้อจะพูดต่อหน้าคนอื่น อย่างไรก็ตาม เขาค่อนข้างตรงไปตรงมากับคําพูดของตนเองต่อหน้าลูกชาย
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า“ส่วนแบ่งของตระกูลฉินไม่อาจตกไปอยู่ในมือของคนภายนอกได้ ยิ่งถ้าเป็นปริมาณมาก หากบุคคลภายนอกถือหุ้นมากเกินไป ก็จะสามารถแทรกแซงการตัดสินใจของคณะกรรมการได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมากเหลือเกินสําหรับเรา และด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น ตัวเลือกแรกคือให้ลุงของเธอตาย หากเป็นเช่นนั้น หุ้นภายใต้ชื่อเขาจะเป็นมรดกของลูกหลานเขาแน่นอน ตัวเลือกที่สองคือการบรรลุข้อตกลงกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน”
ฉินชวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาเข้าใจว่าพ่อเขาหมายถึงอะไร
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของฉินกรุ๊ป
อย่างไรก็ตาม ลุงเขาถือทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ตั้งแต่แรก ทําให้ลุงเขามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าเขาต้องการใช้พวกมันอย่างไร
“ผมไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา”
“ฉินชวน ลูกต้องโหดเหี้ยมในโลกธุรกิจ ลูกเคยคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาหรือเปล่าหากหุ้นของลุงเธอตกไปอยู่ในมือของคนที่มีเจตนาร้ายต่อฉินกรุ๊ป?”
“โรงพยาบาลรั่วไห่เซ็นรับผู้ปวยจํานวนจํากัดในแต่ละปีเท่านั้น เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาจะได้รับการรักษาจากพวกเขาหรือไม่ ผมไม่คิดว่ามันจะมีอะไรถ้าเราไม่เข้าไปยุ่ง”
“ฉินชวน ลูกยังต้องเรียนรู้อีกมาก เธอไม่ควรมีความคิดที่ปรารถนาเช่นนั้นในโลกธุรกิจ”
ฉันชวนขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการโต้เถียงกับฉินหงจื้อ
เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ ฉินหงจื้อก็กล่าวว่า “อา กลับไปคิดดูก่อน ค่อยกลับมาหาฉันเมื่อลูกเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้อง”
ด้วยเหตุนี้ การสนทนาระหว่างฉินหงจื้อและฉันชวนจึงจบลงอย่างไม่มีความสุข
บทที่ 478 ติดต่อกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน 2
โม่ชื่ออขึ้นช่วงนี้งานยุ่งมาก
เธอยุ่งอยู่กับการถ่ายคลิปวิดีโอสั้นๆ
เนื่องจากคลิปวิดีโอสั้นกําลังเป็นที่นิยมบนอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ดาราจํานวนมากจึงหันไปพึ่งสิ่งเหล่านี้ เพื่อหาช่องทางในการรับชมใหม่ๆ
โม่ชื่ออขึ้นก็พยายามทําสิ่งนี้เช่นกัน
เนื่องจากเธอไม่มีทีมคอยช่วยเหลือในการเสนอแผนและแนวคิดอีกต่อไป ตอนนี้เธอจึงต้องพึ่งพาตัวเองในทุกสิ่ง
กระบวนการนี้ยากมากเหลือเกิน วิดีโอสั้นๆสองสามรายการแรกๆ ที่เธอสร้าง ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก แม้ว่าเธอจะซื้อการโปรโมตบนแพลตฟอร์มของวิดีโอแล้วก็ตาม
ผู้คนบอกว่าเธอเป็นตงซื้อเลียนแบบขมวดคิ้ว* พวกเขาบอกว่าเธอแค่เลียนแบบรูปแบบของคนอื่นและหลอกตัวเอง พวกเขาบอกว่าเธอหยิ่งและคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปกับการเลียนแบบวิดีโอตลกของคนอื่น
เมื่อโม่ชื่ออริ้นอ่านความคิดเห็นเหล่านี้ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดทีเดียว อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางไปทําวิดีโอตลกๆ
ดังนั้นคราวนี้เธอจึงวางแผนที่จะติดตามเทรนด์ใหม่ของการพยายามทําตัวให้เท่ ตอนนี้เธอกําลังพยายามคิดว่าจะใช้แนวคิดแบบไหน
โม่ฮุยฉิงรู้สึกเศร้าใจมากที่เห็นลูกสาวทํางานหนักในช่วงหลังนี้
เธอได้เตรียมสตูว์รังนกไว้ให้ลูกสาว
ตอนนี้พวกเธอเช่าอพาร์ตเมนต์ในเปยจิง
ตอนที่เธอประสบความสําเร็จสูงสุดของอาชีพ โม่ชื่ออริ้นได้ซื้ออพาร์ทเมนท์สองแห่งในเมืองเหิงหยวน
เธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง อีกห้องหนึ่งสําหรับการลงทุน
ในเวลาเดียวกัน จํานวนเงินในบัญชีออมทรัพย์ของเธอก็ใกล้จะถึงแปดหลัก
อย่างไรก็ตาม อาชีพของโม่ชื่ออขึ้นก็ตกต่ำลง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายรายวันของเธอก็ยังคงสูงเหลือเกิน
ในที่สุดทั้งสองห้องก็ถูกขายทิ้งไป โม่ชืออวิ้นและแม่เดินทางมาเปยจิงเพื่อค้นหาโอกาสในความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆกลับไม่เป็นไปด้วยดี ทุกๆสองสามเดือน ลูกสาวเธอจะถูกขอให้ทําการรับรองผู้มีชื่อเสียง ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ลูกสาวเธอได้รับค่าตอบแทนจํากัดสําหรับการโฆษณาของเธอ
รายได้นี้เพียงพอที่จะดํารงชีวิตของครอบครัวธรรมดาได้
อย่างไรก็ตามโม่ชื่ออขึ้นไม่ต้องการที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอต้องการกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่เธอเคยไปถึง
และด้วยเหตุนี้โม่ชื่ออขึ้นจึงต้องใช้เงินเป็นจํานวนมากในการรักษาภาพพจน์ของเธอต่อสาธารณชน
เป็นผลให้โม่ชื่ออริ้นและแม่เธอต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย
โม่ฮุยฉิงถอนหายใจและพูดว่า “อาา ถ้าเพียงเหอเยี่ยนไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกชายเธออย่างเลวร้ายในตอนนั้น ถ้าเธอไม่สร้างความยุ่งยากให้ตัวเอง เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ต้องเกิดขึ้น”
เมื่อก่อนโม่ชืออวิ๋นมีผู้สนับสนุนทางการเงินสองคน คนหนึ่งคือเหอเยี่ยนและอีกคนคือคุณนายเฉียน
แต่ว่าเหอเยี่ยนถูกลูกชายเธอย่ํายีไปจนหมดแล้ว ตั้งแต่นั้นมา เธอไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อเธอล้มลง การเป็นหุ้นส่วนกับโม่ชื่ออริ้นของเธอก็สิ้นสุดลง ด้วยเหตุนี้โม่ชื่ออขึ้นจึงสูญเสียเส้นสายส่วนใหญ่และบางส่วนของเงินทุนเบื้องหลังด้วย
คุณนายเฉียนก็ได้ขีดเส้นแบ่งกับโม่ชื่ออวนไว้ด้วยเหตุผลที่เธอและแม่ไม่รู้มาจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเหอเยี่ยนฉลาดขึ้นอีกนิด เธอคงไม่โดนลูกชายเธอทําลาย ในเรื่องนี้ไม่ฮุยฉิงรู้สึกว่าเหอเยี่ยนงี่เง่าเหลือเกิน
ถ้าเธอไม่ได้ลูกชายย่ํายี การเป็นหุ้นส่วนกันของพวกเธอก็จะประสบความสําเร็จมากมาย พวกเธอจะได้ประโยชน์ร่วมกัน
ด้วยศักยภาพของลูกสาวเธอ โม่ชืออวิ๋นจะทําให้เหอเยี่ยนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนของเธออย่างแน่นอน
“แม่ หนูสบายดี ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับหนู แค่ระดมความคิดสําหรับวิดีโอสั้นๆ ไม่ยากอย่างที่แม่คิดหรอก”
โม่ชืออวิ๋นยอมเสียเวลาและความพยายาม เพราะตอนนี้เธอไม่ได้ทําอะไรมาก ส่งผลให้เธอมีเวลาว่างเหลือเฟือ
สิ่งที่เธอสนใจคือค่าธรรมเนียมที่เธอจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเพื่อโปรโมตวิดีโอสั้นเธอ
หากการโปรโมตไม่ได้ผล เธอก็คงจะเสียเงินไปเปล่าๆ
“โอ้ใช่ แม่ได้ถามถึงเรื่องนั้นหรือเปล่า”
โม่ชืออวิ๋นก็ได้สอบถามเกี่ยวกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซินด้วย
เธอได้ยินจากเพื่อนๆว่าตระกูลฉินพยายามหาเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพยาบาลลึกลับแห่งนี้
คนใหญ่คนโตคนหนึ่งในวงการบันเทิงที่เธอได้ติดต่อด้วยได้เสนอรางวัลให้กับทุกคนที่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา
ใครปวยก็อยากหายไวๆ
ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว เป็นเรื่องของหญิงสาวอัปลักษณ์เลียนแบบท่า ทางของ ไซซี สาวงามของจีน ตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง