บทที่ 481 ท่านผู้เฒ่าจ๋ายล่อลวงเจี่ยนอีหลิง
เมื่อโรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ ผู้ป่วยจึงสามารถทําได้เพียงติดต่อโรงพยาบาลลึกลับแห่งนี้
โรงพยาบาลแห่งนี้ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้แต่โม่ชืออวิ้นซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการแพทย์ ก็ยังเคยได้ยินชื่อโรงพยาบาลแห่งนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง
“ซีออน แม่ไร้ประโยชน์ แม่ไม่สามารถหาอะไรได้เลย…”
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องปกติเท่านั้น
กลุ่มการเงินขนาดใหญ่จํานวนมากได้พยายามค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ในขณะที่โม่ฮุยฉิงทําได้เพียงหาแหล่งข้อมูลจากบุคคลที่เธอพบเมื่อตอนลูกสาวของเธอโด่งดังเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เธอจะสามารถหาข้อมูลอะไรได้อย่างไร?
โม่ชืออวิ้นก็รู้เช่นเดียวกันว่าโอกาสในการค้นพบนั้นแทบจะไม่มี แต่ว่าเธอก็ต้องลอง บางทีเธออาจจะโชคดี
โม่ชืออวิ้นเรียนที่โรงเรียนศิลปะแห่งหนึ่ง เธอทําได้แต่เพียงก้าวไปในอาชีพนักแสดงเท่านั้น
เธอมีเพียงสองเส้นทางตรงหน้า เธอสามารถลองใช้วิดีโอสั้นเพื่อดึงดูดผู้ชม และด้วยความสนใจนี้ เธออาจสามารถพยายามกลับไปสู่สายตาของสาธารณชนได้ หรือเธออาจพยายามหาคนรู้จักใหม่ๆผ่านความสัมพันธ์เหล่านี้ เธอต้องหาเอเย่นอื่นเพื่อเซ็นสัญญาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเส้นทางล้วนเดินยาก
ท่านผู้เฒ่าจ่ายตรงเข้ามาหาเจี่ยนอีหลิง
ยิ่งเขามองดูสาวน้อยน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
เขามีความสุขเป็นพิเศษเมื่อเห็นจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่คอของเจี่ยนอีหลิง
คอของเธอช่างสวย ราวกับว่าเธอนั้นเหมาะสมโดยธรรมชาติที่จะสวมจี้หยกของตระกูล
เชือกสีดําบางๆเน้นถึงความละเอียดอ่อนของคอเธอ และหยกก็ช่วยเสริมผิวเธอได้อย่างลงตัว
จี้หยกต้องการให้สวมใส่ เป็นการสูญเปล่าที่จะทิ้งมันไว้ในกล่องโดยไม่มีใครสนใจ
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมองไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาดูเหมือนคุณตาแปลกหน้า
หลังจากดูเธอชั่วขณะหนึ่งแล้วท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็จําจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมในวันนี้ได้
“สาวน้อย เธอรู้จักจ๋ายหวินเชิ่งใช่ไหม? ฉันรู้ว่าเธอรู้ถึงสุขภาพเขาว่าไม่ค่อยดีนัก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องการจ้างแพทย์เพื่อไปดูแลเขา แต่ว่า หลานชายของฉันคนนี้มีอารมณ์ที่ค่อนข้างแปลก คนทั่วไปไม่สามารถดูแลเขาได้ ก่อนหน้านี้ ฉันได้พยายามหาหมอมาให้เขาสองสามคน อย่างไรก็ตาม เขาไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมีสีหน้าเป็นทุกข์ เขาจงใจแสดงสีหน้านี้ต่อเจี่ยนอีหลิง
อย่างไรก็ตาม คําพูดเหล่านั้นก็เป็นความจริง คําพูดของเขาก็มาจากก้นบึงของหัวใจ
หลายครั้งที่ผ่านมา ท่านผู้เฒ่าจ๋ายและท่านรองของตระกูลจ๋ายได้พยายามจัดหาหมอมาให้ดูแลสุขภาพของจ๋ายหวินเชิ่ง
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายไม่ยอมรับพวกเขา
และตอนนี้ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงเป็นนักศึกษาแพทย์ เขารู้ด้วยว่าเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางนิติเวชที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าอาชีพนี้ดูจะไม่ใช่อาชีพที่ถูกต้องตรงกับสาขาที่ต้องการ แต่ก็ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะใช้เหตุผลนี้เพื่อเชิญเธอไปอยู่เคียงข้างหลานชายเขา มันสมเหตุผลเข้ากันดีเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าคนที่มาวันนี้เป็นคนอื่น เจี่ยนอีหลิงคงจะปฏิเสธไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ท่านผู้เฒ่าจ่ายเป็นคนที่เข้าหาเธอ ยิ่งไปกว่านั้นก็เพื่อจ๋ายหวินเชิ่ง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงจะปฏิบัติต่อต่อเรื่องราวนี้แตกต่างไปจากเดิมเสมอ
หรือเป็นเพราะเธอเป็นหนี้เขามากอย่างงั้นเหรอ?
เธอคงจะรู้สึกแย่ถ้าเธอปฏิเสธทันที
ดังนั้นเจี้ยนอีหลิงจึงไตร่ตรองถึงคําแนะนําของท่านผู้เฒ่าจ๋าย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะบอกว่า ตกลง แต่ว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่เป่ยจึงเป็นเวลานาน
และงานนี้ต้องเป็นงานระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อท่านผู้เฒ่าจ่ายเห็นท่าทางที่ครุ่นคิดของเจี่ยนอีหลิง ฟันเฟืองในสมองเขาก็หมุน และเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างเป็นทุกข์
“อา ฉันคงเกิดมาภายใต้ดวงดาวเจ็บปวย ฉันก็แก่แล้วและฉันก็มีหลานเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากเห็นเขาตายก่อนฉัน นั่นต้องเจ็บปวดกว่าที่จะให้ฉันตายเสียอีก”
บทที่ 482 เป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้จ๋ายหวินเชิ่ง 1
“คุณหนูอีหลิง ฉันช่วยอะไรไม่ได้ ฉันก็เป็นแค่คนแก่ธรรมดาๆที่อยากให้หลานชายมีสุขภาพดี ฉันรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา ฉันรู้ด้วยว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมทีมที่เล่นเกมด้วยกัน ถ้าเป็นเธอ ฉันคิดว่าเขาคงไม่ขัดกับความคิดนี้แน่ ตอนนี้เธอเป็นความหวังเดียวของฉัน”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดคํานั้นด้วยท่าที่เศร้าโศกน่าสังเวช ถ้าใครไม่รู้จักเขาดี พวกเขาจะต้องสันนิษฐานว่าเขาเป็นเพียงชายชราธรรมดาคนหนึ่ง
“ฉันไม่ได้อยู่ที่เปยจิงนานนัก” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอตัดสินใจบอกท่านผู้เฒ่าจ๋ายเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเอง
“เธอจะอยู่นานแค่ไหน”
“ประมาณหนึ่งเดือน”
“ไม่มีปัญหา ต่อให้แค่เดือนเดียว บางทีเมื่อเขาชินกับเธอแล้ว เขาก็อาจจะไม่ต่อต้านแพทย์คนอื่นอีกก็ได้ในอนาคต”
ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีประสบการณ์
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายรู้ว่าเราไม่สามารถอ้วนได้ด้วยการกินเพียงคําเดียว
ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น
หลังจากนั้น เขาก็จะสามารถสร้างก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
เขาต้องลักพาตัวเธอเข้าไปในตระกูลก่อน ที่เหลือก็ไม่มีปัญหา
เรื่องของอีกหนึ่งเดือนถัดมานั้น เขาก็เพียงแค่โน้มน้าวเธอในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง
เมื่อต้องเผชิญกับท่านผู้เฒ่าจ๋าย เจี่ยนอีหลิงย่อมเป็นเหมือนลูกไก่แรกเกิดที่เผชิญหน้ากับเหยี่ยวที่ทะยานอยู่ในที่ราบเป็นเวลาหลายปี เธอย่อมถูกกินทั้งเป็น
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ
“นั่นดีจริง เราไปที่นั่นกันเดี๋ยวนี้เลยเถอะ” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดอย่างรวดเร็ว เขาไม่ปล่อยโอกาสให้เจี่ยนอีหลิงได้เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแม้แต่น้อย
เขารีบมอบหมายกําลังคนให้กับเจี่ยนอีหลิง
“ฉันจะทิ้งบอดี้การ์ดหญิงเหล่านี้ไว้กับเธอ พวกเธอสามารถช่วยเธอย้ายสิ่งของของเธอได้ เธอไม่ต้องย้ายกระเป๋าเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายได้พาบอดี้การ์ดหญิงมากับเขาวันนี้
เขาไม่ต้องการให้ชายอื่นแตะทรัพย์สินของเจี่ยนอีหลิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นจะมาเป็นหลานสะใภ้ในอนาคตของเขา เขาจะไม่ยอมให้ชายอื่นย้ายทรัพย์สินของเธอ
หลานชายเขาจะต้องทิ้งอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เจี่ยนอีหลิงมีสัมภาระไม่มากนัก
เธอมีกระเป๋าเดินทางเพียงไม่กี่ใบมาด้วย
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เจี่ยนอีหลิงก็ย้ายไปยังที่พักของจ๋ายหวินเชิ่ง
ในตอนนี้ จ๋ายหวินเชิ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลจ๋าย แต่เขาอยู่คนเดียว
เขาอาศัยอยู่บนชั้นที่ยี่สิบสองของอาคารที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ อพาร์ตเมนต์ของเขามีพื้นที่ 200 ตารางเมตร
เขายังมีแม่บ้านและคนดูแลอีกด้วย
อพาร์ตเมนต์ทั้งหมดได้รับการตกแต่งด้วยสีดําและสีขาว
มีห้องว่างมากมายในอพาร์ตเมนต์ ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงขอให้แม่บ้านจัดห้องตรงข้ามจ๋ายหวินเชิ่งสําหรับเจี่ยนอีหลิง ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่ได้ถามความเห็นของหลานของตนเองด้วยซ้ำ
อันที่จริง ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่ได้แจ้งจ๋ายหวินเพิ่งล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้จ่ายหวินเชิ่งซึ่งปัจจุบันอยู่ที่บริษัท จึงไม่ทราบเรื่องนี้โดยสมบูรณ์
ในตอนเย็นจ่ายหวินเพิ่งกลับบ้านตามปกติ เขาพบว่าไฟในอพาร์ตเมนต์เขาเปิดอยู่ขณะที่เข้าไป
จากนั้นเขาก็เห็นร่างเล็กๆในครัว
จ๋ายหวินเชิ่งแข็งที่อระหว่างการก้าวเดินของเขา
เขามีความรู้สึกเหมือนเกินจริง ราวกับกําลังฝัน
เมื่อเจี่ยนอีหลิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เธอก็หันไปมองจ่ายหวินเชิ่ง
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ในที่สุด จ่ายหวินเชิ่งก็ตระหนักว่าตนเองไม่ได้ฝันไป
” ทําไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”
เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งเดินตรงไปอีก เขาก็เห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีอาหารมากมายอยู่แล้ว
เจี่ยนอีหลิงชี้ไปที่เอกสารที่อยู่บนโต๊ะและพูดว่า “เซ็น”
จ๋ายหวินเชิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เซ็นเหรอ?
เธอต้องการให้เขาเซ็นอะไร?
จ๋ายหวินเชิ่งเดินไปที่โต๊ะด้วยความงุนงง เขาหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาและเริ่มอ่าน