บทที่ 483 เป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้จ๋ายหวินเซิ่ง 2
นี่กลับเป็นสัญญาจ้างงาน
รายละเอียดของสัญญานั้นเกี่ยวกับการที่เขาจ้างเจี่ยนอีหลิงมาเป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้กับเขา
“เธอ…” จ๋ายหวินเชิ่งตะลึงไปก่อนจะหยุดชะงักอีกครั้ง เขาพูดไม่ออกกับการที่จะอธิบายความรู้สึกในขณะนี้ได้
“ทําไมจู่ๆถึงคิดแบบนี้ขึ้นมาล่ะ”
“ปู่ของนายขอให้ฉันมาเป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้นาย” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอไม่ได้คิดที่จะโกหกเขา
จ๋ายหวินเชิ่งเข้าใจคําพูดของเจี่ยนอีหลิงในพื้นที่ เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดความจริงที่ว่าตัวเขาเองนั้นได้มอบจี้หยกให้เจี่ยนอีหลิง
“แล้ว แล้วเธอเต็มใจที่จะทําอย่างนี้เหรอ” จ๋ายหวินเชิ่งถาม
เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งถามคําถามนี้ น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“อือ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่” เจี่ยนอีหลิงตอบ
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่ได้บังคับเธอให้มาที่นี่
แม้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายได้ขอร้องเธอไปแล้ว แต่การตัดสินใจนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจี่ยนอีหลิง
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่ง
อืม… สิ่งที่ปู่เขาทําไม่ใช่เรื่องที่ซื่อสัตย์เลย
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ถึงกับไม่ชอบในการจัดการแบบนี้
บางทีมันก็ดูร้ายกาจอยู่บ้าง
แต่ว่า ตัวเขาเองก็เป็นคนที่ร้ายกาจอยู่เสมอมา
ขณะที่เธอตอบคําถามของจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงก็ทําอาหารจานสุดท้ายเสร็จแล้ว
“เวลาอาหารเย็น”
เธอจับเวลาในการทําอาหารตามเวลาที่เขากลับมา
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆ อาหารแต่ละจานมีความสมดุลทางโภชนาการและไม่มีมันเยิ้มเลย นอกจากนี้ยังมีผักมากกว่าเนื้อสัตว์ในจานอีกด้วย
เจี่ยนอีหลิงได้สัญญากับท่านผู้เฒ่าจ๋ายว่าจะดูแลยหวินเชิ่ง แน่นอนว่านั่นรวมถึงอาหารเขาด้วย
“พรุ่งนี้อย่าทําแบบนี้อีกนะ” จ๋ายหวินเชิ่งกล่าว
” ทําไม? นายไม่ชอบเหรอ?” เจี่ยนอีหลิงถาม เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังจ๋ายหวินเชิ่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์
ภายใต้สายตาแบบนั้น แม้ว่าอาหารจะไม่อร่อย จ๋ายหวินเชิ่งก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอาหารนั้นอร่อยตั้งแต่แรก
“ไม่ใช่อย่างนั้น” จ๋ายหวินเชิ่งขมวดคิ้ว เขามองไปที่มือเล็กๆของเจี่ยนอีหลิงและสันนิษฐานว่าร่างกายของเธอได้รับผลกระทบอย่างมากจากการจับมีดทําครัวและไม้พาย
เขาไม่ต้องการที่จะทรมานร่างเล็กๆของเธอ
“งั้นก็เริ่มกิน” เจี่ยนอีหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเชิ่งออกคําสั่ง
ในฐานะแพทย์ เธอไม่สามารถประนีประนอมยอมจํานนต่อผู้ป่วยของเธอได้ เธอต้องแน่ใจว่าผู้ป่วยของเธอให้ความร่วมมือ หากผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับเธอ อาการของพวกเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
น่าแปลกที่จ๋ายหวินเชิ่งเชื่อฟังเธอ
แม้ว่าเขาจะได้รับคําสั่งให้ทําเช่นนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมุมของริมฝีปากเขาก็ยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
หลังอาหารเย็นจ๋ายหวินเชิ่งกลับไปห้องทํางานเพื่อจัดการกับเรื่องงาน
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เห็นเจี่ยนอีหลิงกําลังเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์
เธอพยายามย้ายโต๊ะเข้าไปในห้องทํางานของเขา
“หยุด” จ๋ายหวินเชิ่งร้องตะโกนออกมา คําพูดของเขาทําให้เจี่ยนอีหลิงหยุดชะงัก
เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เงอะงะทําไมเธอถึงต้องพยายามย้ายโต๊ะที่ใหญ่กว่าตัวเธอมาก
“เธอกําลังทําอะไรอยู่?”
“ย้ายโต๊ะ”
“ย้ายโต๊ะไปทําไม” จ๋ายหวินเชิ่งถามขณะขมวดคิ้ว
แม้ว่ามันจะค่อนข้างง่ายกับการย้ายโต๊ะ แต่ก็ยังดูหนักสําหรับเจี้ยนอีหลิง
“ทํางานด้วย” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอต้องการโต๊ะทํางานเพื่อทํางานของเธอ
“อะแฮ่ม…” จ๋ายหวินเชิ่งพลันไออย่างรุนแรง “แต่เธอไม่จําเป็นต้องย้ายโต๊ะด้วยตัวเอง เธอคิดว่าเธอแข็งแรงแค่ไหนเชียว”
เจี่ยนอีหลิงจ้องไปที่เขา ราวกับว่าเธอกําลังต่อต้านคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่ง
จ๋ายหวินเชิ่งรู้สึกค่อนข้างขบขันก่อนจะพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมาตกแต่งห้องทํางานใหม่สําหรับตอนนี้ เธอมานั่งเบียดกับฉันได้”
โต๊ะของจ๋ายหวินเชิ่งค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่เพียงพอสําหรับคนสองคนใช้
อันที่จริง พื้นที่ต่อคนค่อนข้างมากกว่าโต๊ะที่พวกเขาได้รับที่โรงเรียนเล็กน้อย
จ๋ายหวินเชิ่งย้ายเก้าอี้มาให้เจี้ยนอีหลิง จากนั้นเขาก็วางเบาะหนาไว้บนเก้าอี้อีกด้วย
เมื่อเขารู้สึกว่าสถานที่พร้อมแล้ว เขาก็ยอมให้เจี่ยนอีหลิงเข้ามา
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน จึงทําให้มองไม่เห็นผลงานของกันและกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่จดจ่ออยู่กับงานของตัวเองอย่างมาก
บทที่ 484 การประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการ 1
ในที่สุดฉินหยูฝานก็สามารถติดต่อกับผู้จัดการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการได้ แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดจะค่อนข้างอ้อมไปอ้อมมา แต่ในที่สุด เธอก็สามารถจัดการให้ได้รับบัตรเชิญจนได้
ด้วยเหตุนี้ฉินหยูฝานจึงมายังสถานที่จัดการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่พิเศษมากนี้
การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการครั้งนี้ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม
อันที่จริง สถานที่ทั้งหมดได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เฉพาะผู้ที่มีบัตรเชิญเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้า
หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนหลายครั้ง ในที่สุดฉินหยูฝานก็เข้ามาในสถานที่จัดงาน
การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการนี้จัดขึ้นในห้องบรรยายขนาดเล็ก
ในห้องบรรยายดูเหมือนจะมีที่นั่งไม่ถึงแปดสิบที่นั่ง
นี่แสดงให้เห็นว่ามีคนที่จะเข้าร่วมการประชุมไม่มากเท่าไหร่นัก
ดังนั้น ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อาจเป็นชนชั้นสูงในวงการการแพทย์ หรือบุคคลสําคัญจากกลุ่มการเงินหลักๆ
ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องบรรยาย ฉินหยูฝานก็เห็นใบหน้าที่เธอไม่ถือว่าไม่คุ้นเคย
เจี่ยนอีหลิงงั้นเหรอ?
ทําไมเธอถึงมาที่นี่ได้?
หรือว่านายท่านเชิ่งให้บัตรเชิญกับเธอ
สมมติฐานดังกล่าวเป็นคําอธิบายที่สมเหตุผลกับฉินหยูฝาน
ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นสายของนายท่านเชิ่ง ก็คงไม่มีทางที่เธอจะได้รับบัตรเชิญให้มาที่นี่
เนื่องจากเธอเป็นนักศึกษาแพทย์ เธอต้องสนใจงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการแบบนี้แน่นอน
และหากเธอสนใจและต้องการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นายท่านเชิ่งจะต้องช่วยเธอให้ได้รับบัตรเชิญอย่างแน่นอน
ฉินหยูฝานจ้องไปที่เจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงกําลังคุยกับชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวอยู่หลังเวที
เนื่องจากระยะห่างระหว่างพวกเธอค่อนข้างมาก เธอจึงไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเลย
ฉินหยูฝานไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวเป็นใครอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจี่ยนอีหลิงและชายผู้นั้นรู้จักกันดีทีเดียว
ฉินหยูฝานมองดูพวกเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทําตัวเหมือนปกติ
ทําไมเธอถึงสนใจเจี่ยนอีหลิง
เรื่องของเจี่ยนอีหลิงไม่เกี่ยวข้องกับเธอ
เป็นความสูญเสียของจ๋ายหวินเชิ่งที่ไปชอบเจี่ยนอีหลิงไม่ใช่เธอ
เธอจะไม่ลอกเลียนแบบเด็กหญิงคนนั้น
และเธอก็ไม่สนใจในสิ่งที่เด็กหญิงคนนั้นทําเช่นเดียวกัน ทําไมเรื่องของเจี่ยนอีหลิงจะทําให้เธอสนอกสนใจได้
เมื่อการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการเริ่มต้นขึ้น บุคคลสําคัญจากวงการต่างๆก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของสุนทรพจน์ของพวกเขานั้นคลุมเครือเกินกว่าที่ฉินหยูฝานจะเข้าใจ
แต่ฉินหยูฝานกลับให้ความสนใจคนที่เข้าร่วมการประชุมมากขึ้น เธอสังเกตทุกคนอย่างระมัดระวัง ขณะที่เธอพยายามค้นหาบุคคลากรจากโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน
หลังจากที่มองไปรอบๆมาชั่วขณะ ฉินหยูฝานก็ยังคิดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองกําลังมองหาใคร
ในที่สุดความสนใจของฉินหยูฝานก็เลื่อนกลับไปที่เจี่ยนอีหลิง เธอสังเกตเห็นว่าเจี่ยนอีหลิงไม่อยู่ในกลุ่มผู้เข้ารับฟังการบรรยาย
ทําไมเจี่ยนอีหลิงถึงไม่อยู่ในที่นั่งของเธอ ทําไมเธอถึงไม่ฟังการนําเสนอทางวิชาการ?
ระหว่างช่วงพักการประชุม ฉินหยูฟ่านได้พูดคุยกับโปรเฟสเซอร์บางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
เธอหวังว่าจะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรงพยาบาลลัวไห่เซินจากปากพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าฉินหยูฝานก็พบว่าบรรดาโปรเฟสเซอร์ก็สนใจโรงพยาบาลลั่วไห่เซินด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้อะไรมากไปกว่าเธอ
ศาสตราจารย์หวงจากคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเปยจิงก็อยู่ที่นี่ด้วย
เนื่องจากมีการการจํากัดโควตา ศาสตราจารย์หวงจึงนํานักศึกษามากับเขาได้เพียงสองคน ดังนั้นเขาจึงนํานักศึกษาที่เขาตั้งความหวังไว้สูง หนึ่งในนั้นคือลู่หยวนและอีกคนเป็นนักศึกษาชาย
เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ศาสตราจารย์หวงจึงไม่พาเธอมาด้วย
ก็เหมือนกับฉินหยูฝาน จิตใจของศาสตราจารย์หวงไม่ได้อยู่ที่การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ
ลู่หยวนมองไปรอบๆสถานที่จัดงาน เธอบังเอิญเห็นเจี่ยนอีหลิงตรงทางเข้าหลังเวที
“ศาสตราจารย์ ดูเหมือนว่าเจี่ยนอีหลิงจะอยู่ที่นี่ด้วย”