บทที่ 493 ขโมยผลงานวิจัย 3
จากนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็หาที่นั่งในห้องทดลองและนั่งลงอย่างสบายๆ
ทันทีที่จ๋ายหวินเชิ่งนั่งลง เขาก็โดดเด่นจากคนอื่นในห้องทดลอง
ราวกับว่าเขากําลังดูหมิ่นพวกเขาอย่างเย่อหยิ่งและเหยียดหยาม ความรู้สึกเช่นนี้ทําให้คนรอบข้างเขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นักศึกษาหนึ่งหรือสองคนในห้องปฏิบัติการรู้จักเขา พวกเขารู้ว่าเขาเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
แต่ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ อย่างเช่นลู่หยวนได้ศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอื่น เป็นผลให้พวกเธอสันนิษฐานว่าจ๋ายหวินเชิ่งเป็นเพียงเด็กรวยที่เห็นคนอื่นเป็นแค่มด
ศาสตราจารย์หวงหยิบรายงานสองฉบับออกมา หนึ่งคือรายงานที่ลู่หยวนส่งไปที่ศาสตราจารย์หวงเมื่อสองสามวันก่อน อีกฉบับคือรายงานที่เจี่ยนอีหลิงเพิ่งส่งไป
ศาสตราจารย์หวงขอให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยเปยจิงและอาจารย์คนอื่นตัดสินเอกสารสองฉบับต่อหน้าพวกเขา
เหล่าศาสตราจารย์สรุปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเปรียบเทียบเอกสารทั้งสองฉบับ
“แม้ว่าข้อความจะมีการเปลี่ยนแปลงและการลอกเลียนแบบจะถูกซ่อนไว้อย่างดี แต่ทุกคนที่มีความรู้ในสาขาของเราก็จะเห็นว่างานนี้โดยพื้นฐานแล้วถูกคัดลอก”
ศาสตราจารย์คนอื่นอีกหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เห็นได้ชัดว่าผลงานวิจัยถูกขโมยและคัดลอก พฤติกรรมดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับ มหาวิทยาลัยของเราและโลกวิชาการจะไม่ทนต่อการมีอยู่ของนักศึกษาดังกล่าว นักศึกษาไม่ควรเป็นคนทุจริตเช่นนี้”
“ผมไม่เคยคาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยของเรา”
“เรื่องนี้ต้องได้รับการจัดการอย่างจริงจัง แม้ว่าเจี่ยนอีหลิงจะมาที่มหาวิทยาลัยของเรา ในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน ตราบเท่าที่สิ่งนี้เกิดขึ้นที่นี่ มหาวิทยาลัยของเรามีสิทธิ์ที่จะจัดการกับเรื่องนี้”
“…”
ศาสตราจารย์หลายคนแสดงความคิดเห็น
ท่าทางของพวกเขาค่อนข้างผิดหวัง จากนั้นสายตาที่พวกเขามองไปที่เจี่ยนอีหลิงก็ไม่เป็นมิตรเป็นพิเศษ
สําหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงการค้นคว้า การขโมยผลงานของคนอื่นถือเป็นอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถให้อภัยได้
และด้วยเหตุนี้ เหล่าศาสตราจารย์จึงสรุปได้ว่ารายงานฉบับหนึ่งถูกลอกเลียนแบบจริงๆ
นักศึกษาคนอื่นในห้องปฏิบัติการมองไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยความรังเกียจ
เธอดูน่ารักและไร้เดียงสา… แต่ว่า สิ่งที่เธอทํา… ช่างน่าขยะแขยง
จะเป็นการดีที่สุดหากเธอถูกไล่ออก พวกเขาไม่ต้องการคนแบบนี้ในห้องปฏิบัติการนี้
จากนั้นศาสตราจารย์หวงก็พูดกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยว่า “อธิการบดี เราต้องทําบันทึกการวิจารณ์เธอด้วยเช่นเดียวกัน เราต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราไม่สามารถปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในโลกแห่งการศึกษาได้”
อธิการบดีของมหาวิทยาลัยเป็นชายชรา เขามีสีหน้าเคร่งเครียด
เขาผิดหวังมากเหลือเกินกับเจี่ยนอีหลิง
จ๋ายหวินเชิ่งฟังการสนทนาของพวกเขามาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นเสร็จแล้ว เขาก็ถามคําถามอย่างไม่เร่งรีบ
“อืม มีเพียงคนเดียวระหว่างพวกเธอสองคนที่เกี่ยวข้องกับการขโมยผลงานและการลอกเลียนแบบใช่ไหม? แต่ไม่ใช่ว่าพวกคุณต้องมีหลักฐานก่อนที่พวกคุณจะสรุปว่าใครขโมยงานนี้ไปเหรอ? นักศึกษาสู่หยวนไม่ถูกสงสัยว่าลอกเลียนแบบด้วยหรือไง หลักฐานที่ช่วยให้พวกคุณสรุปได้ตั้งแต่แรกอยู่ที่ไหน”
จ๋ายหวินเชิ่งชําเลืองมองไปด้านข้าง สายตาที่เย็นชาเขาจ้องมองไปที่ลู่หยวนซึ่งก้มหน้าอยู่
เช่นเดียวกับนักศึกษาคนอื่น เธอเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้
อย่างไรก็ตาม จ๋ายหวินเชิ่งได้กล่าวถึงชื่อเธอในทันที
ศาสตราจารย์หวงพบว่าคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่งตลกเหลือเกิน “คุณไม่ได้ดูวันที่ส่งเหรอ ลู่หยวนส่งเปเปอร์ของเธอเมื่อวันก่อน ในขณะที่เปเปอร์ของเจี่ยนอีหลิงเพียงแค่ส่งในวันนี้เท่านั้น”
จ๋ายหวินเชิ่งเยาะเย้ย “อิม ศาสตราจารย์หวง ผมกําลังถามนักศึกษาคนนี้ที่ชื่อลู่หยวน ทําไมเธอถึงต้องกระวนกระวาย? นี่หมายความว่าถ้าเป็นลูกศิษย์คนโปรดของคุณก็ต้องถูกต้อง ส่วนปัญหาก็ตกอยู่ที่ลูกศิษย์ของคนอื่นไปใช่ไหม”
บทที่ 494 ตบหน้า 1
ศาสตราจารย์หวงมีดวงตาที่แผดเผาในขณะที่เขาโต้กลับ “นักศึกษาทุกคนที่นี่รู้ดีว่าเจี่ยนอีหลิงยังไม่ได้ทํางานเธอให้เรียบร้อยเลย จะมีผลลัพธ์อะไรจากนักศึกษาที่ไม่ได้ใช้เวลาค้นคว้าเลยกัน คุณกําลังพูดว่าผมลําเอียง แต่คุณสามารถถามคนอื่นในชั้นเรียนนี้ได้ คุณสามารถขอให้พวกเขาตรวจสอบสิ่งที่ผมพูดได้”
หลังจากนี้ ศาสตราจารย์หวงก็เรียกชื่อนักศึกษาให้เข้ามาตอบ
นักศึกษาชายตอบตามความจริง
นักศึกษาคนอื่นที่นิ่งเงียบก็เป็นพยานถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
เจี่ยนอีหลิงใช้เวลาในห้องทดลองน้อยมากจริงๆ
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเจียนอีหลิงไม่ได้จริงจังกับงานของตนเอง
เมื่อได้ยินสิ่งนี้จ๋ายหวินเชิ่งก็หัวเราะ “เมื่อไหร่ที่เวลาที่ใช้และความก้าวหน้ามีความสัมพันธ์กัน? ดูเหมือนว่าในอนาคตถ้าบริษัทรับสมัครพนักงาน พวกเขาก็ไม่ควรดูผลลัพธ์แต่พวกเขาควรประเมินเวลาที่พนักงานใช้ในที่ทํางาน”
“คุณก็แค่พยายามเถียงเพื่อเจี่ยนอีหลิง ลู่หยวนทํางานในโครงการนี้มาตลอดทั้งเทอม เจี่ยนอีหลิงทํางานนี้มากี่วันแล้ว? เธอจะสามารถบรรลุสิ่งที่ลู่หยวนทําได้ยังไง”
จ๋ายหวินเชิ่งหัวเราะอีกครั้ง “โอ้? แล้วมันผิดปกติตรงไหน? ก็เพราะนักศึกษาของคุณทําสิ่งนี้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทําไม่ได้ คุณทําให้ผมต้องหัวเราะด้วยคําพูดที่ไร้สาระของคุณ”
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว ศาสตราจารย์หวงก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับจ๋ายหวินเชิ่งอีกต่อไป “เอาล่ะ ยังไงก็ตาม ไม่มีใครหยุดคุณจากการตาบอดและโง่เขลา เชื่อว่าทุกคนที่นี่มีตามีหู ผมรู้ว่าพวกเขาสามารถเข้าใจสิ่งที่ผมพูดถึงได้”
จากนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็หัวเราะอีกครั้ง “โอ คราวนี้คุณพยายามจะใช้จํานวน เพราะว่าคุณไม่สามารถเอาชนะผมได้งั้นเหรอ? ช่างน่าอัศจรรย์”
ศาสตราจารย์หวงได้ยินการเยาะเย้ยในคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่ง
เขากัดฟันพูดว่า “ผมจะไม่เถียงกับคนอย่างคุณ คุณยังไม่เข้าใจงานที่เราทํา เปลืองคําพูดเปล่าๆ”
ทันใดนั้น ชายชราคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดาและดูเหมือนเขาเป็นชายชราธรรมดา
“แล้วฉันล่ะ? ฉันคงพอที่จะแสดงความคิดเห็นได้ใช่ไหม” ชายชราถาม เสียงเขาดังราวกับระฆังโบสถ์ ฟังดูน่าเกรงขามเหลือเกิน
ใบหน้าของศาสตราจารย์หลายคนเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นชายชรา
“ท่านผู้เฒ่าหยุน? ทําไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
เหล่าศาสตราจารย์รีบก้าวไปตรงหน้าอย่างรวดเร็วและทักทายเขา
ผู้เฒ่าหยุนไม่สนใจเหล่าศาสตราจารย์ที่มาทักทาย แต่เขาถามฝูงชนในลักษณะที่ค่อนข้างดุ
“การส่งงานห่างกันเพียงสองวัน แล้วทําไมพวกแกใช้วันที่ส่งตัดสินว่าใครถูกและใครผิดได้ยังไง”
คําพูดของผู้เฒ่าหยุนทําให้ทุกคนสับสน
เกิดอะไรขึ้น?
ทําไมผู้เฒ่าหยุนถึงมาที่นี่?
แล้วเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ศาสตราจารย์หวงก็สับสนเช่นเดียวกัน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สายตาของท่านผู้เฒ่าหยุนกัดจิก เขาถามศาสตราจารย์หวงว่า
“และแก แกเป็นศาสตราจารย์และที่ปรึกษา หรือว่าแกไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการหาผลลัพธ์? มันอาจใช้เวลาแค่สองสามวัน สองสามสัปดาห์ และอาจถึงสองสามเดือนก็เป็นไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การส่งก่อนกําหนดนั้นจะเท่ากับได้ผลลัพธ์ก่อนคนอื่น?”
คําพูดของผู้เฒ่าหยุนทําให้ศาสตราจารย์หวงพูดไม่ออก
เมื่อกี้นี้ศาสตราจารย์หวงเพิ่งบอกจ๋ายหวินเชิ่งว่าเป็นคนที่ไม่เข้าใจงานของพวกเขา
แต่ว่า ตอนนี้เป็นผู้เฒ่าหยุนที่เขากําลังคุยอยู่ด้วย เขาเป็นบุคคลที่น่าเคารพในวงการแพทย์
คําพูดเขาเชื่อถือได้มากกว่าคําพูดของศาสตราจารย์หวง
“ไม่… ท่านผู้เฒ่าหยุน… ในเรื่องนี้” ศาสตราจารย์หวงพยายามอธิบาย
“แกไม่ต้องอธิบาย ฉันรู้เรื่องนี้มามากพอแล้ว” ผู้เฒ่าหยุนขัดจังหวะ
จากนั้นผู้เฒ่าหยุนก็โยนกระดาษปีกหนึ่งต่อหน้าทุกคน “ดูเอกสารเหล่านี้ให้ดี หลังจากนั้นก็บอกฉันว่าใครเป็นคนสร้างรายงานและผลลัพธ์ก่อน”