บทที่ 505 เจียนอีเหิงสร้างปัญหา 3
จากนั้นเขาก็พูดกับจ๋ายหวินเชิ่งว่า “นายท่านเชิ่ง ขอโทษที่รบกวนนายก่อนหน้านี้ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์ดูแลส่วนตัวมีหน้าที่รับผิดชอบด้านสุขภาพของนายจ้างเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ นายไม่จําเป็นต้องขับรถให้กับพนักงานของนายไปทั่ว นายสามารถให้ผมไปรับส่งน้องสาวเองได้”
เจี่ยนอีเหิงขมวดคิ้วขณะที่พูด แม้ว่าเขาจะดูสุภาพและเกรงใจมากเหลือเกินในระดับผิวเผิน แต่ในท้องเขากลับเต็มไปด้วยกลอุบายที่ชั่วร้าย
ถ้าจ๋ายหวินเชิ่งสามารถพูดถึงหน้าที่และภาระผูกพันของแพทย์ดูแลส่วนตัวได้ เขาก็สามารถพูดถึงเรื่องพวกนั้นได้เช่นเดียวกัน
จากนั้นทั้งสามก็เข้าไปในลิฟต์ ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงที่จอดรถใต้ดิน
เจี่ยนอีเหิงนําเจี่ยนอีหลิงให้เข้าไปในรถเขา
เจี่ยนอีหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไป
จากนั้นเจี่ยนอีเหิงก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป
เมื่อเขาผ่านจ๋ายหวินเชิ่ง เขาก็ลดกระจกลงและแสยะยิ้มอย่างพอใจ
เมื่อรถออกจากที่จอดรถใต้ดิน เจี่ยนอีเหิงก็หันไปมองเจียนอีหลิง เจียนอีหลิงนั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า
ใบหน้าเธอดูเหมือนเยือกเย็นและไม่แยแส
ขณะที่เขาเหลือบมองเธอ รอยยิ้มในดวงตาของเจี่ยนอีเหิงก็หายไป ราวกับว่าดวงตาเขากําลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ
ภาพของหลุมฝังศพปรากฏขึ้นในใจเขา มีรูปถ่ายขาวดําอยู่บนป้ายหลุมศพนั้น
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เจี่ยนอีเหิงก็ไปถึงมหาวิทยาลัยเปยจิง และยามที่เจี่ยนอีหลิงลงจากรถไปเรียน เขาก็นั่งอยู่ที่นั่นและมองเธอเดินจากไป
มีอยู่ขณะหนึ่งที่เขาต้องการถามเจี่ยนอีหลิงว่า เธอพอจะเรียกเขาว่า “พี่สาว” อีกครั้งได้ไหม เขาอยากจะถามเธอว่า เธอพอจะยิ้มอย่างสบายใจเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม
สุดท้าย เขาก็อยากจะถามว่าตระกูลของพวกเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกได้ไหม..
ฉินหงจื้อเข้าไปหาหลี่จั๋วเจียอีกครั้ง
ครั้งก่อน ฉินหงจื้อได้ส่งลูกน้องไปเชิญหลี่จั๋วเจีย แต่ทว่า ลูกน้องเขาล้มเหลวในการทําเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้ ฉินหงจื้อจึงตัดสินใจที่จะไปด้วยตัวเองในครั้งนี้
ทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ด้านหนึ่งเป็นประธานของฉินกรุ๊ป เขาเป็นชายผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ในอีกด้านหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่งที่ดูไม่สง่างามเลย
ดูจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขา ดูไม่เหมือนว่าทั้งสองคนจะนั่งลงพูดคุยกันอย่างเท่าเทียม
คราวนี้ หลี่จั๋วเจียไม่ได้ปฏิเสธการเชื้อเชิญ เขาตกลงที่จะสนทนากับฉินหงจื้อ
ดังนั้นทั้งสองคนจึงหาจุดที่เหมาะสมที่จะนั่งลงพูดคุยกัน
หลี่จั๋วเจียและฉินหงจื้อนั่งอยู่ในลานตึกตระกูลฉิน การออกแบบของลานตึกนี้ค่อนข้างคลาสสิก
โต๊ะและเก้าอี้ในลานบ้านมีร่องรอยของกาลเวลา
เมื่อทั้งสองนั่งลงแล้ว ฉินหงจื้อก็ตรงไปยังประเด็น “มิสเตอร์หลี่ ผมได้ยินมาว่าคุณยอมรับเคสของฉินหงรุ่ยแล้วงั้นเหรอ”
หลี่จั๋วเจียตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเยือกเย็น เขาไม่ได้อ้างถึงสิ่งสําคัญใดในคําพูดเขา “มิสเตอร์ฉิน ผมไม่คิดว่าคุณเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ หากคุณสนใจเรื่องนี้ คุณสามารถพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องของคุณในเรื่องนี้ได้ เขาสามารถบอกคุณได้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะรู้”
ฉินหงจื้อไล่บี้หลี่จั๋วเจียต่อไปด้วยการพูดว่า “มิสเตอร์หลี่ ผมดีใจมากนะที่คุณยอมรับเคสของลูกพี่ลูกน้องของผม”
“ว่าแต่ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่ว่าคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดถึงความสุขของคุณ”
“ใช่” ฉินหงจื้อตอบ เขาตัดสินใจที่จะชักแม่น้ำทั้งห้าอีกต่อไป “ผมต้องการขอให้คุณทําข้อตกลงกับผมแทน ถ้าลูกพี่ลูกน้องของผมให้หุ้นที่เขาถือไว้เป็นค่าตอบแทนแก่โรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ผมพอจะจ่ายราคาสูงเพื่อซื้อหุ้นเหล่านั้นจากคุณได้ไหม”
“มิสเตอร์ฉิน ถ้านี่เป็นธุรกิจที่คุณกําลังพูดถึง สิ่งที่คุณต้องการนั้นยังไม่อยู่ในมือเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่สามารถให้คําตอบที่แน่นอนแก่คุณได้กับสิ่งที่เราไม่มีอยู่จริง”
“ผมเข้าใจ ยังไงก็ตาม มิสเตอร์หลี่ ผมรับรองกับคุณได้ว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะไม่ประสบความสูญเสียจากข้อตกลงนี้อย่างแน่นอน”
บทที่ 506 ขึ้นอยู่กับผู้อํานวยการ
“ณ ตอนนี้ ผมไม่สามารถให้คําตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้แก่คุณได้ ผู้อํานวยการของเราบอกให้ทําตามกฏ ดังนั้น แน่นอนว่าผมก็ต้องปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาลของเรา การทําข้อตกลงกับมิสเตอร์ฉินไม่เป็นไปตามกฎของโรงพยาบาลของเรา ดังนั้นผมจึงไม่สามารถตอบตกลงได้”
“ผู้อํานวยการของคุณเหรอ”
ฉินหงจื้ออยากรู้เกี่ยวกับผู้อํานวยการของโรงพยาบาลลั่วไห่เซินมาโดยตลอด
เขาสนใจที่จะพบกับบุคคลที่สามารถระดมบุคคลที่มีพรสวรรค์จากหลายๆด้านคนนี้ แม้ว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างเล็ก แต่ก็แข็งแกร่งมากเหลือเกิน
“ขอข้อมูลติดต่อผู้อํานวยการของคุณได้ไหม ผมจะติดต่อกับเขาโดยตรง”
ฉินหงจื๊อคิดว่าคงไร้ประโยชน์ที่จะคุยกับหลี่จั๋วเจียต่อไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการคุยกับผู้อํานวยการโดยตรง
หลี่จั๋วเจียยิ้มขณะที่มองไปยังฉินหงจื้อ เขาไม่ตอบตกลงในทันที
“คุณยิ้มอะไร” ฉินหงจื้อถาม
“มิสเตอร์ฉิน ผมจะไม่ให้ข้อมูลติดต่อของผู้อํานวยการแก่บุคคลภายนอก ยิ่งไปกว่านี้ ผู้อํานวยการของเราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อการติดต่อบุคคลภายนอกมาตั้งแต่แรก ดังนั้น หากคุณมีอะไรจะพูดกับผู้อํานวยการของเรา คุณสามารถบอกผมได้ ผมจะถ่ายทอดสิ่งที่คุณพูดไปยังผู้อํานวยการของเรา”
ฉินหงจื้อไม่คาดคิดว่าจะได้ผลเช่นนี้ ดูเหมือนว่าทั้งโรงพยาบาลลั่วไห่เซินและพนักงานของโรงพยาบาลเองจะดื้อรั้นและเอาแต่ใจเหลือเกิน
แม้ว่าฉินหงจื้อจะมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขาได้
ยังไงก็ตามฉินหงจื้อก็จะต้องหยุดหุ้นไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพูดว่า “โปรดบอกผู้อํานวยการของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะผ่านไปได้ ผมยินดีที่จะเจรจาต่อรองกับเขา นอกจากนี้ โรงพยาบาลลั่วไห่เซินก็จะไม่ประสบความสูญเสียใดๆจากข้อตกลงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันกรุ๊ปก็จะให้ประโยชน์ทุกประเภทแก่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินอีกด้วย”
” ตกลง”
หลี่จั๋วเจียสัญญาว่าจะถ่ายทอดคําพูดของฉินหงจื้อ แต่ทว่าทั้งหมดมีแค่นั้น
ดังนั้นฉินหงจื้อแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการสนทนาเลย
ถ้าเขาต้องการทําข้อตกลงกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ดูเหมือนว่าเขาจะต้องติดต่อกับผู้อํานวยการของพวกเขาให้ได้
ยังไงก็ตาม เขามีเวลาเหลือไม่มากนัก ฉินหงรุ่ยกําลังจะถูกโรงพยาบาลลั่วไห่เซ็นรับไปแล้ว
เหมือนแต่ก่อน จ๋ายหวินเชิ่งออกจากที่ทํางานตรงเวลาและกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ตรงเวลาเช่นเดียวกัน
ยังไงก็ตาม อพาร์ตเมนต์ของเขามืดไม่เหมือนสองวันที่ผ่านมา ไฟไม่ได้เปิด และร่างเล็กๆนั้นก็ไม่ได้รอเขาอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน
จ๋ายหวินเชิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลื่อนลงมาเพื่อหาหมายเลขของเจี่ยนอีหลิง เขาต้องการโทรหาเธอ แต่ทว่า เขาก็หยุดตัวเองก่อนจะกดปุ่มโทรออกไป เขาไม่อยากรบกวนเธอ
จ๋ายหวินเชิ่งรู้ว่าเจียนอีหลิงมีงานของตัวเองที่ต้องทําเช่นเดียวกัน
ดังนั้น จึงไม่สมเหตุผลที่เขาจะโทรหาเธอไม่หยุดหย่อนยามที่เธอกลับบ้านดึก นั่นจะทําให้ดูเหมือนว่าเขากําลังควบคุมเธอ
ดังนั้นจ๋ายหวินเชิ่งจึงรอ
เขาเหลือบมองดูเวลา และรอจนถึง 20.30 น. แต่ทว่า เจียนอีหลิงก็ยังไม่กลับบ้าน
เนื่องจากอีกครึ่งชั่วโมงก็จะสามทุ่มแล้ว จ๋ายหวินเชิ่งจึงตัดสินใจโทรหาเจี่ยนอีหลิง
แต่เมื่อเขาโทรไป ก็มีชายคนหนึ่งรับสาย
เสียงของชายคนนั้นต่ำและเซ็กซี่ขณะที่พูด “นี่ใคร?”
” นายเป็นใคร?” จ๋ายหวินเชิ่งถาม มือข้างหนึ่งเขากําแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ฉันเป็นคนที่อีหลิงรักที่สุด” ชายคนนั้นตอบ
เป็นคําตอบที่ไร้ยางอายมาก แต่ทว่า คําตอบดังกล่าวนั้นได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้ออกมา
“เจี่ยนอีเหิง นายเอาอีหลิงไปไว้ที่ไหน”
เจี่ยนอีเหิงเป็นบอสของบริษัท อย่างไรก็ตามในเวลาว่าง เขาจะเป็นนักพากย์ด้วย นั่นเป็นเพราะเขาสามารถเลียนแบบเสียงได้หลายประเภท
จากข้อมูลที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจ๋ายหวินเชิ่งรวบรวมมา เจียนอีเทิงก็เป็นคนคิดเรื่องราวที่มีชื่อเสียงมาก ในฐานะคนคิดเรื่องราว จุดเน้นของเขาอยู่ที่ตัวละครจากอนิเมะ การ์ตูนและเกม
ดังนั้นเสียงที่เปลี่ยนไปเขาจึงไม่แปลกใจเลย
เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งมองทะลุถึงการปลอมตัวของเขา เจียนอีเหิงก็กลับมาเป็นเสียงปกติในทันที “นายท่านเชิ่ง ฉันไม่คิดว่าฉันต้องบอกนายว่าฉันพาน้องสาวฉันไปไหน ใช่ไหม”