ชีวิตของเจี่ยนหยุ่นน่าวอยู่ได้ไม่ง่ายนักในทุกวันนี้ หลายสิ่งหลายอย่างเกือบทำลายความเชื่อมั่นของเขาไปจนหมดสิ้น
เขาเดินตามพี่ชายไปเหมือนกับศพเดินได้ เขาไม่รู้สึกถึงความหมายของการอยู่อย่างมีชีวิต
หากไม่ได้รับรู้ว่ามือของตัวเขาเองนั้นอาจรักษาให้หายขาดได้ เขาก็อาจจะไม่มีแม้กระทั่งความกล้าที่จะมีชีวิต
และตอนนี้ก็มีข่าวดีที่มาถึงอีกข่าวหนึ่ง การผ่าตัดของเขานั้นได้รับการยืนยันแล้ว
เจี่ยนหยุ่นน่าวยิ้มออกมาได้
แต่ในขณะที่ยิ้ม น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้
พ่อและแม่ของเขาและเจี่ยนหยุ่นเฉิงต่างมองดูเขา ถึงแม้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะยังดูเคร่งเครียด แต่ก็มีร่องรอยของความดีใจ
หลังจากผ่านไปสักพักเมื่ออารมณ์ของเจี่ยนหยุ่นน่าวเยือกเย็นลงแล้ว เจี่ยนชูฉิงก็พูดกับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
“ครั้งนี้หวังว่ามันจะไปได้ด้วยดี ถ้าการผ่าตัดนี้ประสบความสำเร็จจริงๆ พวกเราก็ต้องขอบคุณสุดยอดแพทย์ผ่าตัดนี้ด้วยใจจริง”
“ผมรู้” โดยไม่ต้องให้เจี่ยนชูฉินบอกซ้ำ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็รู้เช่นเดียวกันว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
หลังจากปฏิบัติการณ์นี้แล้ว รายได้ของสุดยอดแพทย์ผ่าตัดแน่นอนว่าต้องได้เป็นจำนวนไม่น้อย
###
ยามเช้าของวันถัดมา เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ลุกขึ้นมาตรงเวลาเหมือนดังเช่นปกติ
ย่าเจี่ยนไปที่ห้องของเจี่ยนอีหลิงและเคาะประตูแต่ไม่มีใครตอบ
“หลานรัก หลานตื่นสายหรือเปล่า”
“หลานรัก ย่าเป็นห่วงนะ ย่าจะเข้าไปละนะ”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ ย่าเจี่ยนก็เปิดประตูเข้าไป
ห้องสีชมพู เตียงเจ้าหญิง ร่างเล็กๆนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมโปงจนดูเหมือนกับเป็นลูกบอลลูกเล็กๆ
ย่าเจี่ยนรีบเดินไปหา เลิกผ้าห่มออกและแตะหน้าผากของเจี่ยนอีหลิง เธอตกใจ
“ทำไมถึงร้อนจัง”
ย่าเจี่ยนรีบตะโกน “หยู่หมิน ตาเฒ่า หยู่หมิน มาที่นี่เร็ว”
เจี่ยนหยู่หมินซึ่งอยู่ที่ห้องถัดไป ในเวลานี้ เขาซึ่งได้นอนดึกได้ยินเสียงตะโกนอย่างกระวนกระวายของย่าเจี่ยน เขาจึงรีบสวมเสื้อคลุมสีดำ วิ่งออกไปโดยไม่มีแม้แต่เวลาจะสวมรองเท้า
“หยู่หมิน หลานรักมีไข้ ไข้สูงมาก”
มีไข้เหรอ
เจี่ยนหยู่หมินรีบตรงเข้าไปและรีบนำตัวเจี่ยนอีหลิงออกมาจากที่นอน
ด้วยความรีบ เขานำเอาผ้าห่มออกมาพันรอบตัวเจี่ยนอีหลิง
“ให้คนขับรถเตรียมรถ”
เจี่ยนหยู่หมินสั่งขณะที่อุ้มเจี่ยนอีหลิงลงบันไดไปด้านล่าง
“อือ…”
เมื่อรู้สึกว่ามีคนอุ้มตัวเธออยู่ เจี่ยนอีหลิงจึงเริ่มต่อต้านในขณะที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นและดิ้นรนด้วยความกระสับกระส่าย
“เฮ้ นี่พี่ชายใหญ่นะ พี่ชายใหญ่ เธอมีไข้ พี่ชายใหญ่จะพาเธอไปโรงพยาบาล อย่ากลัว พี่ชายใหญ่ไม่รังแกเธอหรอก”
เจี่ยนหยู่หมินคิดว่าเขานั้นทำให้เธอนั้นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เธอดิ้นในขณะที่เขาอุ้มเธอ
เจี่ยนหยู่หมินปลอบโยนเจี่ยนอีหลิงในขณะที่อุ้มเจี่ยนอีหลิงไปที่รถ
ย่าเจี่ยนรีบติดตามไป และรีบบอกให้คนขับรถพาไปโรงพยาบาล โดยไม่มีเวลาได้สนใจว่าปู่เจี่ยนจะเป็นอย่างไร
บนเส้นทาง ย่าเจี่ยนบอกให้คนขับรถขับไปให้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจว่าจะได้รับใบสั่งสักกี่ใบ
เจี่ยนหยู่หมินมองไปยังเจี่ยนอีหลิง ซึ่งยังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในอ้อมแขนของเขา คิ้วของเธอขมวดแน่น สีหน้าเคร่งเครียด
น้ำหนักของน้องสาวของเขานั้นค่อนข้างเบากว่าที่เขาคิด เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น หากว่ากอดเธอให้แน่นขึ้นอีกสักหน่อยก็อาจจะทำให้เธอนั้นบาดเจ็บได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ร้องเมื่อเขากอดเธอ แต่สำหรับในกรณีนี้ให้เธอร้องไห้ดีกว่าให้เธอป่วย
เมื่อตอนที่พวกเขาไปถึงโรงพยาบาลและได้พบกับแพทย์ แพทย์ได้บอกว่าเธอเป็นไข้หวัดและมีไข้สูงถึง 39.5 องศาเซลเซียส พร้อมกับมีลำไส้อักเสบร่วมด้วย
แพทย์ได้รีบสั่งจ่ายยาให้กับเจี่ยนอีหลิงและให้น้ำเกลือ
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก คิ้วที่ขมวดมุ่นของเจี่ยนอีหลิงก็ค่อยคลายตัวออก แต่ว่าใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือนั้นยังคงซีดขาวไร้สีเลือด