เฉิงอี้ หลัวซิ่วเอิน และหงไป่จางกลับคืนมายังหอผู้ป่วยของเจี่ยนอีหลิงหลังจากที่ปรึกษากันถึงปัญหาเรื่องงานแล้ว
เมื่อพวกเขาเข้าประตูไปก็พบว่ามีชายเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนภายในห้องนั้น
หากจะพูดถึงรูปร่างหน้าตาแล้ว ชายคนที่นั่งขี้เกียจอยู่บนโซฟานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าดาราดังเจี่ยนหยู่หมินเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามสายตาของหลัวซิ่วเอินนั้นเพียงจับจ้องไปยังร่างของเจี่ยนหยู่หมิน
หลังจากที่เจี่ยนหยู่หมินทำความสะอาดร่างกายแล้วก็ยิ่งดูดีกว่าตอนที่อยู่ในโปสเตอร์ด้วยซ้ำไป
เมื่อไอดอลอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว ใบหน้าของหลัวซิ่วเอินก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และรอยยิ้มของเธอก็ไม่อาจที่จะควบคุมเอาไว้ได้
“พี่สาวเอิน ถือโอกาสนี้ถ่ายรูปคู่เลย ถ่ายรูปคู่เลย” เฉิงอี้เตือนหลัวซิ่วเอินข้างหูเธอ
พี่สาวเอินตอนที่ไม่มีจิตใจเด็กสาวนั้นน่ากลัวแล้ว แต่ตอนที่พี่สาวเอินมีจิตใจของเด็กสาวนั้นยิ่งน่ากลัวกว่า
ความคิดอ่านของเธอก็เชื่องช้า
“ใช่ ถ่ายรูป”
หลัวซิ่วเอินรีบตรงไปถ่ายรูปคู่กับเจี่ยนหยู่หมิน คราวนี้เจี่ยนหยู่หมินไม่ได้ปฏิเสธ และให้ความร่วมมือกับหลัวซิ่วเอินเป็นอย่างดี
หลังจากที่ได้ถ่ายรูปคู่กับไอดอลหลายรูปแล้ว หลัวซิ่วเอินก็มองไปยังภาพถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจอย่างเหลือล้น
“พี่สาวได้ถ่ายรูปคู่กับไอดอล พี่สาวได้ถ่ายรูปคู่กับไอดอลด้วยหละ”
หลัวซิ่วเอินโอ้อวดกับเฉิงอี้
เฉิงอี้มองดูอย่างเสียไม่ได้ โชคยังดี หลัวซิ่วเอินไม่ได้มีหัวใจเด็กสาวมากนัก ถ้าหากว่ามีมากกว่านี้ เขากลัวว่าหัวใจของเขาจะทนรับไม่ไหว
###
หลังจากเลิกเรียนแล้ว เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็มาที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกัน
เขาหิ้วถุงมาด้วยพวงใหญ่
“น้องสาวอีหลิงเป็นยังไงบ้าง ย่าพูดว่าน้องเป็นไข้กับลำไส้อักเสบด้วย ปวดท้องไหม”
เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า “ไม่ปวด”
“น้องโกหก ย่าพูดว่าน้องเป็นไข้ตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน แล้วลำไส้อักเสบต้องทำให้ปวดท้องอยู่แล้ว น้องไม่พูด น้องไม่ได้มาโรงพยาบาลจนกระทั่งย่าไปเจอเข้าเมื่อตอนเช้า”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แต่เมื่อมองไปที่หน้าของน้องสาวของตัวเขาเองแล้ว เขาก็ทนที่จะพูดเรื่องนั้นกับเธอต่อไปอีกไม่ได้
“ว่าแต่ น้องสาวอีหลิงได้กินอะไรบ้างหรือยัง พี่ซื้ออาหารอร่อยๆมาให้น้องหลายอย่างเลย”
เกือบทั้งหมดที่เจี่ยนหยู่เจี๋ยถือไว้ในมือนั้นล้วนเป็นของกิน
“โป๊ก
เจี่ยนหยู่หมินที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขกกระโหลกเจี่ยนหยู่เจี๋ย
“แกไอ้โง่ เซี่ยวหลิงเป็นลำไส้อักเสบ กินอะไรมั่วซั่วไม่ได้ ทำไมแกต้องซื้อของอะไรมามากมาย นายต้องการเห็นเซี่ยวหลิงปวดท้องหรือยังไง”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยซึ่งได้รับรู้แล้วว่าตัวเองทำผิดไป ได้กล่าวด้วยความคับแค้นใจว่า “พี่ใหญ่ ผมซื้อมาผิดก็จริง แต่พี่ไม่จำเป็นต้องเขกหัวผมก็ได้ใช่ไหม”
“งั้นนายก็เอาชนะฉันให้ได้ก่อน”
“พี่พูดว่าผมโง่เหรอ เห็นชัดว่าพี่น่ะพักอยู่กับน้องสาวอีหลิง แต่ทำไมพี่ถึงสังเกตไม่ออกว่าน้องสาวอีหลิงไม่สบาย เห็นชัดว่าพี่น่ะโง่กว่าผม”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ยอมแพ้ และโต้กลับเจี่ยนหยู่หมิน
“เจ้าเด็กเลว นายคันเนื้อคันตัวอีกแล้วล่ะสิ ต้องการออกไปต่อยกันข้างนอกไหม”
เจี่ยนหยู่หมินนั้นคุ้นเคยกับการสู้กับน้องชายทั้งสองของเขา และเจี่ยนหยู่เจี๋ยก็มักจะถูกพี่ชายทั้งสองเตะเป็นประจำ
“เอาสิ มาเลย ผมอายุสิบเจ็ดปีแล้วตอนนี้ ผมต้องไม่แพ้แน่ถ้าต่อยกับพี่ตอนนี้”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่สามารถที่จะยอมแพ้ง่ายดายเกินไป เจี่ยนอีหลิงยังดูอยู่
เมื่อตอนที่เขาเป็นเด็ก เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่สามารถต้านทาน “ความรักจากพี่ชาย” ของเขาได้ ก้นน้อยๆของเขามีไว้เพื่อให้พี่ชายเตะเล่นเท่านั้น ตอนนี้เขาโตขึ้นแล้ว สถานการณ์ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิมอีกต่อนไป
“ได้สิ ให้พี่ชายใหญ่ดูหน่อยว่านายโตขึ้นมาเท่าไหร่แล้วในช่วงเวลาหลายปีนี้” เจี่ยนหยู่หมินเริ่มม้วนแขนเสื้อ
ดูเหมือนว่าพี่น้องสองคนนี้พูดว่าพวกเขาจะออกไปต่อยกัน
เจี่ยนหยู่เจี๋ยกำลังจะลุกขึ้น แต่ก็พบว่ามีมือเล็กๆจับชายเสื้อของเขาไว้
“อย่าตีกัน” เสียงของเจี่ยนอีหลิงนั้นค่อนข้างจะแหบแห้งอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงมั่นคงและมือของเธอนั้นก็ยึดไว้แน่น
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าพี่น้องสองคนนี้พูดเล่นกัน คิดว่าพวกเขาจะไปต่อยกันจริงๆ ดังนั้นเธอจึงใช้มือดึงเสื้อไว้แน่น
เจี่ยนหยู่เจี๋ยรีบเปลี่ยนคำพูดกล่าวกับเจี่ยนหยู่หมินว่า “ในเมื่อน้องสาวอีหลิงไม่ยอมให้สู้กัน ผมก็จะยอมให้พี่ไปก่อนในวันนี”