เมื่อเหอเยี่ยนเห็นเจี่ยนหยู่เจี๋ยอีกครั้งในเช้าวันถัดไป ใบหน้าของเจี่ยนหยู่เจี๋ยก็ปราศจากความมีชีวิตชีวาและความสดใสในอดีตไปจนสิ้น
เหอเยี่ยนถามเขาในเรื่องของการตัดสินใจทันทีที่เธอเห็นเขา “ลูกตัดสินใจในเรื่องนั้นยังไง”
เหอเยี่ยนได้รอคอยการตัดสินใจของเจี่ยนหยู่เจี๋ย ถ้าเด็กคนนี้เลือกที่จะช่วยเจี่ยนอีหลิง เช่นนั้นเธอผู้เป็นมารดาก็จะถูกบีบให้เดินไปในเส้นทางของความโดดเดี่ยว
“แม่ยังต้องถามอีกเหรอ ผมไม่เห็นอะไรเลยเมื่อคืน”
เสียงของเจี่ยนหยู่เจี๋ยนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เหมือนกับสระน้ำนิ่งที่ไร้ละลอกแห่งชีวิต
เขาได้ตัดสินใจเลือกที่จะปกป้องแม่ของตนเอง
แต่นี่ก็หมายความว่าเขาก็ได้ทรยศต่อน้องสาวอีหลิงเช่นเดียวกัน
เขาไม่สมกับการเป็นพี่ชายของอีหลิงอีกต่อไปแล้ว
จิตใจของเจี่ยนหยู่เจี๋ยแตกสลายและเขาได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญตลอดคืน
สุดท้ายเขาก็สงบระงับใจลงได้
เพื่อที่จะตัดสินใจเช่นนี้ เขาต้องละทิ้งไม่เพียงแต่ความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของเขา แต่รวมไปถึงความไร้เดียงสา การมองโลกในแง่ดี และความคิดที่เป็นบวกของวัยรุ่นอีกด้วย
เมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี
สุดท้ายเขาก็ต้องยอมพ่ายแพ้ต่อความเป็นจริง และผลประโยชน์
เหอเยี่ยนมองไปยังเจี่ยนหยู่เจี๋ยซึ่งหันตัวจากไปอย่างคนไร้ชีวิต และก็พลันรู้สึกว่าลูกชายคนนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
ปฏิกิริยาของเขานั้นไม่เหมือนกับแต่ก่อน
###
เจี่ยนอีหลิงยังคงนอนอยู่ในโรงพยาบาล
วันนี้มีคนหลายคนมาเยี่ยมเธออีกทั้งยังนำของขวัญเยี่ยมมามากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นยาบำรุงล้ำค่าที่ช่วยบำรุงร่างกาย
เพียงแต่ว่าคนตระกูลเจี่ยนไม่รู้จักพวกเขา
เวินน่วนรู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้ชายในชุดสูทหลายคนปรากฏตัวในหอผู้ป่วยของเจี่ยนอีหลิง
สุภาพบุรุษมารยาทดีในชุดสูททักทายเวินน่วนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเจี่ยนอีหลิง
“สวัสดีคุณนายเจี่ยน พวกเราเป็นเพื่อนของเจี่ยนอีหลิง ผมได้ยินว่าเธอป่วยจึงมาเยี่ยมเธอเป็นพิเศษ”
“พวกคุณ…. เป็นเพื่อนเจี่ยนอีหลิงเหรอ” เวินน่วนมองคนหลายคนนั้นด้วยความสงสัย
คนพวกนี้ไม่เหมือนคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวเธอจะคบค้าสมาคมด้วย
เฉิงอี้กับหลัวซิ่วเอินที่ปรากฏตัวก่อนหน้านั้น ดูเหมือนยังพอจะเล่นเกมกับเจี่ยนอีหลิงได้
แต่คนพวกนี้ดูไม่เหมือนคนที่ควรจะเข้ามาข้องแวะเกี่ยวพันกับเจี่ยนอีหลิงได้
“ใช่ เพื่อน” เจี่ยนอีหลิงพูด ยืนยันตัวตนของคนหลายคนนี้
เซี่ยวหลิง พวกเขา….”
เวินน่วนอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของเธอรู้จักชายวัยกลางคนหลายคน เธอต้องการสิ่งยืนยันให้เกิดความมั่นใจมากกว่านี้
“คุณนายเจี่ยนโปรดวางใจ พวกเราไม่ได้เป็นคนเลว ถ้าพวกเราเป็นคนเลวพวกเราคงไม่มาอยู่ต่อหน้าคุณที่นี่”
หนึ่งในชายวัยกลางคนอธิบายให้เวินน่วนฟัง
ถ้าเขาเป็นคนเลวโกหกหลอกลวง เขาคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าตระกูลของเธอด้วยท่าทางภูมิฐานเช่นนี้
แม้ว่านี่จะมีเหตุผล แต่เวินน่วนก็ยังไม่สามารถที่จะผ่อนคลายความระมัดระวังตัวของเธอเองลงไปได้
พวกเขาอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ และพวกเขาก็ดูไม่มีปัญหา
“เซี่ยวหลิงเพียงแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่พวกคุณก็มาเยี่ยมกันตั้งหลายคน”
เวินน่วนยังคงยึดถือในการต้อนรับผู้คนหลายคนเหล่านี้อย่างสุภาพ
“คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพก็ได้ คุณนายเจี่ยน พวกเรามาเพื่อพูดจากับเจี่ยนอีหลิงสองสามคำเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนที่เหมือนจะเป็นคนที่ประความสำเร็จ เขาตรงมายังเจี่ยนอีหลิงและพูดกับเธอ
“ท่านผู้เฒ่าของผมขอให้ผมมาช่วยส่งข่าว ท่านผู้เฒ่าขอให้เจี่ยนอีหลิงดูแลรักษาสุขภาพให้ดี สุขภาพของเธอเป็นสิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
เจี่ยนอีหลิงมีข้อตกลงกับพวกเขา แต่ตอนนี้เจี่ยนอีหลิงกลับเจ็บป่วย
ดังนั้นในความหมายของเขาก็คือ ขอให้เจี่ยนอีหลิงอย่าได้เป็นกังวล เพราะพวกเขารู้ว่าเธอนั้นได้ป่วยอยู่ และไม่ได้เร่งรัดเธอแต่อย่างใด
“ขอบคุณ” เจี่ยนอีหลิงตอบ
เจี่ยนอีหลิงไม่กล้าหักโหมตัวเธอเองแล้วในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอไม่ต้องการเลื่อนงานของเธอออกไป แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกได้แต่เลื่อนมันออกไป
“นอกจากนี้ ท่านผู้เฒ่าก็ยังมอบของขวัญให้กับเธอเป็นพิเศษ และขอให้เพื่อนเจี่ยนอีหลิงช่วยตรวจสอบมันในภายหลังด้วย”