เมื่อเห็นว่าสุดท้ายเจี่ยนอีหลิงฟื้นแล้ว เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็รีบตรงเข้าไปหา “น้องเป็นยังไงบ้าง น้องยังเจ็บอยู่ไหม”
เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า
“น้องโกหกพี่อีกแล้ว เห็นชัดๆว่าลำไส้อักเสบจะต้องปวดมาก”
“ไม่ได้ปวด ไม่ต้องเสียใจ”
“เอ่อ พี่ไม่เสียใจก็ได้แต่น้องต้องรักษาอาการป่วยนี้ให้ดีแล้วก็หยุดวิ่งไปวิ่งมา” เจี่ยนหยู่เจี๋ยยอมรับอย่างจริงจัง
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงกล่าวอย่างเอาจริงเอาจังว่า “นายกลับบ้านไปก่อน”
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หยูซีที่อยู่ข้างกายเจี่ยนอีหลิงเกิดความคิดขึ้นมาว่าการที่เจี่ยนอีหลิงบอกให้เจี่ยนหยู่เจี๋ยกลับบ้านไปก่อนนั้นเหมือนกับเป็น “ย่า” เพียงแต่ว่า “ย่า” คนนี้มีกลิ่นน้ำนมติดตัวอยู่บ้าง
“ไม่ พี่เลิกเรียนแล้ว” เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ต้องการไปในตอนนี้ เขาต้องการที่จะอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวอีหลิงที่กำลังป่วยอยู่
เจี่ยนหยู่เจี๋ยได้โทรศัพท์ไปบอกครู ตอนที่คอยเจี่ยนอีหลิงตื่น
หลังจากที่เจี่ยนหยู่เจี๋ยตอบแล้ว เขาก็กวาดสายตาไปยังจ๋ายหวินเชิ่งที่อยู่ถัดไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์และตื่นตัวฉายชัดอยู่ในดวงตา
หากชายคนนี้อยู่ที่นี่ เขาจากไปไม่ได้แน่นอน
หยูซีก้าวออกมาแล้วผลักไหล่เจี่ยนหยู่เจี๋ย “เชื่อน้องสาวของนายบ้าง กลับบ้านไปก่อน ฉันได้เรียกย่าเจี่ยนแล้ว และเธอก็จะมาถึงที่นี่เร็วๆนี้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล”
เมื่อเจี่ยนอีหลิงเข้าโรงพยาบาลอีกคร้ง แน่นอนว่าหยูซีไม่กล้าที่จะไม่รายงานสถานการณ์ให้ผู้ใหญ่รู้ ดังนั้นหลังจากที่ได้พูดกับเจี่ยนหยู่เจี๋ยก่อนหน้านี้ เขาก็ได้โทรศัพท์ไปที่บ้านเก่าตระกูลเจี่ยนและแจ้งเรื่องราวให้ย่าเจี่ยนฟัง
“แต่ฉันยังต้องการอยู่กับน้องสาวของฉันอีกสักพัก” เจี่ยนหยู่เจี๋ยยังไม่ต้องการที่จะไป
“ตาน่าเกลียด กลับไปนอน” เจี่ยนอีหลิงพูดกับเจี่ยนหยู่เจี๋ย
เจี่ยนหยู่เจี๋ยไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อคืน และวงสีดำสองวงใหญ่บนใบหน้าของเขาก็เห็นได้ชัด
หยูซียิ้ม “ดูสิ น้องสาวอีหลิงเกลียดนายแล้ว ทำไมนายไม่กลับไปที่เตียงนายละ อย่าปล่อยให้น้องสาวเป็นห่วงนาย”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยต้องกลับไปแล้ว
เขาไม่อาจปล่อยให้น้องสาวอีหลิงเป็นห่วงเขาได้อีกต่อไป
“ตกลง ถ้างั้นพี่กลับไปก่อนนะ น้องหายไวๆนะ”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยได้แต่ยอมรับ แต่ก่อนจากเขาได้ย้ำเตือนหยูซีว่าต้องดูแลเจี่ยนอีหลิงให้ดี อย่าปล่อยให้จ๋ายหวินเชิ่งเข้าไปใกล้เจี่ยนอีหลิงมากเกินไป
หยูซีให้คำมั่นสัญญาเป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงนั้นหากว่าจ๋ายหวินเชิ่งต้องการใกล้ชิดกับเจี่ยนอีหลิงจริง เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งอีกฝ่ายได้
###
หยูซีถามพ่อบ้านให้นำอาหารมาให้
โจ๊กขาว และผักหนึ่งจาน
จ๋ายหวินเชิ่งป้อนโจ๊กให้กับเจี่ยนอีหลิงด้วยตนเอง
“ไม่… ไม่เอา…”
เจี่ยนอีหลิงปฏิเสธด้วยเสียงเบา เธอไม่ได้เกลียดจ๋ายหวินเชิ่ง แต่ว่าอาย
“อยู่นิ่งๆ” จ๋ายหวินเชิ่งคำราม
เขาถือช้อนโจ๊กขาวไปที่ปากของเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงไม่กิน จ๋ายหวินเชิ่งก็ถือช้อนค้างไว้
นี่ยิ่งทำให้เจี่ยนอีหลิงยิ่งอายมากกว่าเดิม เธอไม่มีนิสัยรบกวนคนอื่น
ดังนั้นเจี่ยนอีหลิงจึงอ้าปากและกลืนลงไปในปากเล็กๆนั้น
ริมฝีปากที่เดิมขาวซีดเริ่มกลายเป็นสีแดงสดหลังจากที่ได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำข้าวต้ม
หยูซีอธิบายให้เจี่ยนอีหลิงที่อยู่ข้างๆว่า “น้องสาวอีหลิง อย่ากล่าวโทษพี่ชายที่ไม่ได้เอาอาหารอร่อยๆ มาให้ น้องตอนนี้ทำได้แค่เพียงดื่มข้าวต้มกับทานผักเท่านั้น แต่พ่อครัวของพี่ก็ได้พยายามทำหลากหลายจานเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว”
หยูชีแนะนำจานผักเขียวบนจาน “หน่อไม้ฝรั่งใช้ส่วนยอดอ่อนที่สุดทอดในน้ำโดยไม่ต้องใช้น้ำมันและเกลือ ยังมีบรอกโคลีและใบมันเทศทอดซึ่งคัดเลือกมาอย่างดี ใช้ส่วนที่นุ่มที่สุด ใส่น้ำมันกับเกลือน้อยลง”
จานผักเขียวที่ไม่มีเนื้อแม้แต่น้อย ไม่ว่ายังไงก็ยังไร้รสชาติ
หยูซีให้สัญญากับเจี่ยนอีหลิงว่า “ถ้าน้องอาการดีขึ้นแล้ว พี่ชายจะพาน้องไปทานอาหารอร่อยทุกอย่าง บอกมาได้เลยว่าน้องต้องการอะไร พี่ชายเลี้ยงเอง”